Fragrance One - Office for Men
ถ้าพูดถึง Youtuber สายน้ำหอมที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นที่กล่าวขานทั้งในทางที่ดี และในทางที่ไม่สู้ดี (หรือว่ามี Hater หมั่นไส้เยอะในหลายๆ สาเหตุ) แน่นอนว่าหลายๆ คนที่ติดตามแวดวงน้ำหอมน่าจะรู้จักกันดีว่านั่นก็คือ Jeremy Fragrance ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้คนติดตาม Channel ของหนุ่มคนนี้ อย่างแรกคือ หล่อ มีเสน่ห์ อย่างที่ 2 คือการทำ Content ที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของหลายๆ คนว่าใส่แล้วเรียกเรตติ้ง เรียกแขก หญิงชอบ หญิงดมแล้วปลื้ม ใส่แล้วเซ็กซี่มากล้น บลาๆๆๆ แต่ก็มีจุดที่ทำให้คนหมั่นไส้ด้วยเช่นกัน ก็คือความมั่นที่เกิน 100 ในทุกๆ เม็ด ความเว่อร์วัง รวมถึงความโป๊ะในหลายๆ อย่างแต่ยังมั่นได้อยู่ บลาๆๆๆ (อีกที) ซึ่งเรียกว่าเป็นหนึ่งในกระแสของการเป็น Youtuber สายน้ำหอมได้แบบแรงดีไม่มีตกจริงๆ
และไม่พอ Jeremy ก็ขยับเข้าสู่การสร้างแบรนด์น้ำหอมเป็นของตัวเองกับเขาด้วยอย่าง Fragrance One โดยเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นแรกที่ได้สุคนธกรระดับปรมาจารย์อย่าง Alberto Morillias (สร้างสรรค์กลิ่นดังๆ ทั้งสาย Designer และ Niche หลายๆ ตัวอย่าง CK One, Versace pour Homme, Armani - Acqua di Gio by Kilian - Musk Oud และ Le Labo - Vanille 44 เป็นต้น) มาเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานแรกของแบรนด์ในชื่อว่า Ofiice for Men ซึ่งแน่นอนว่าเป็น Talk of the fragrance town ทั้ง 2 แง่มุมหลักทั้งดีและไม่ไหวจะเคลียร์ เช่นนั้น มาถ่ายทอดกลิ่นกันดีกว่าว่าขวดนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
เปิดมาก็เรียกว่า Ambroxan Bomb กันเลยทืเดียว เพราะกลิ่นอายติดเค็มกึ่งผิวกายปนอบอุ่นอวลลึกติดแอมเบอร์เจือไม้หอมที่มีพลังจะพุ่งออกมาแบบไม่สนใจสิ่งใดเลย และจะเป็นกลิ่นที่โดดเด่นมากจนถึงช่วงท้ายของกลิ่นแบบไม่ให้ใครมาแย่งซีนแม้แต่อย่างเดียว ยกเว้นจะมาเป็นองค์ประกอบให้กลิ่นในแต่ละช่วงนั้นมีมิติในการดมมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกนอกจากการบอมบ์แล้ว จับต้องกลิ่นแบบพินิจพิเคราะห์ จะมีโทนเปรี้ยวเจือขมมีโทนผลไม้นิดๆ ติดโทนแป้งอับทึบหน่อยๆ แทรกอยู่เลยมีโทนสดชื่นบางๆ เป็นเลเยอร์ซ้อน โดยที่กลิ่นโทนแป้งทึบหน่อยๆ จะไปสนับสนุนการเป็น Ambroxan ให้กลิ่นมีความอวลเข้าไปอีก ซึ่งแน่นอนช่วงต้นนี้สามารถทำให้นึกถึงน้ำหอมดังๆ หลายตัวอย่าง Dior Sauvage, Montblanc - Explorer, Bleu de Chanel และ Creed Aventus (Citrus เจือผลไม้อ่อนๆ) กับ Prada L’Homme (แป้งอวล) แบบนิดๆ หน่อยๆ แต่ยังไงก็ตาม Ambroxan ก็ยังเทคโอเวอร์เกินพิกัดเดือดอยู่ชัดเจน
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนให้จับต้องได้และเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม ความเป็น Ambroxan เริ่มจะมีลักษณะกลิ่นที่อบอุ่นอวลมากขึ้นตามลำดับคงสไตล์กลิ่นตามช่วงต้นอยู่ แต่จะมีโทนไม้หอมติดแห้งๆ อวลๆ ที่เด่นมากขึ้น และมีลูกเล่นของกลิ่นดอกไม้หน่อยๆ แน่นอนว่ากลิ่นมาในโทนที่สังเคราะห์พอสมควร เพราะในทุกสโตรกกลิ่นในช่วงนี้จะมีลักษณะไม่แกว่งและมีความชัดเจนแบบไม่ได้พลิ้วไหวง่ายแบบกลิ่นอายธรรมชาติ เลยจับได้ไม่ยากว่าเป็นกลิ่นอายสารหอมเสียส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจาก Ambroxan ที่โดดเด่นแล้ว ยังมีกลิ่นสายเดียวกันอย่าง Cachalox ที่จะให้อารมณ์อำพันปลาวาฬค่อนทางไม้หอมแห้งๆ เด่นเข้ามาเสริมทัพเข้าไปอีก โดยมีลูกเลเยอร์ซ้อนอย่างอย่างกลิ่นออกทางช่อดอกไม้รวมในสายดอกไม้ขาวหน่อยๆ แบบมีมะลิเป็นตัวตั้งซ้อนด้วยอารมณ์ดอกไม้ขาวรวมแบบผสมมาอย่างดีของสารหอมอย่าง Parasione โดยมีลูกเล่นติดฝาดปร่าอ่อนๆ เจือกุหลาบนิดๆ ของพริกไทยสีชมพูเข้ามาร่วมด้วย กลิ่นเลยจะได้ความอวลมีเสน่ห์และมีพลังกระจายรอบทิศยืนพื้นที่กลิ่นอายอวลเย้าเซ็กซี่เจืออบอุ่น แบบที่เป็น Concept ของเจ้าของแบรนด์เลยว่าต้องเรียกแขก ซึ่งก็ตรงเป๊ะ
การเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะมีความค่อยเป็นค่อยไปแบบที่ไม่ได้ลดทอนเอาความเป็นสไตล์อบอวลกลิ่นติดเค็มแบบผิวกายเคล้าไม้หอมอบอวลฟุ้งเย้าของ Ambroxan แต่จะให้โทนกลิ่นที่มีความเย้าระเรื่อมากขึ้น และคุมโทนความ Metrosexual ที่ชัดเจนเลยทีเดียว เพราะจะมีกลิ่นพิมเสนติดระเรื่อๆ เย้าประปรายให้จับต้องได้ รวมถึงการเสริมกลิ่นอบอวลกึ่ง Musky ที่รองพื้นให้โทนสะอาดนวล โดยที่มีโทน Woody แห้งๆ แบบกำลังดีปนอบอุ่นเสริมความอวลของ Ambroxan ให้ฟุ้งกระจายออกมาเช่นเดิม และแน่นอนกลิ่นยังคงไม่ลดราวาศอกในการปล่อยพลังความอวลเจืออุ่นลึกๆ ติดไม้หอมที่มาเต็ม แต่จะมีความเบาลงมากว่าช่วงกลางนิดหน่อย สร้างความรู้สึกให้ดูมีความสมาร์ทเย้าและเซ็กซี่มีเสน่ห์แบบทันสมัยอะไรประมาณนั้นแบบยาวไป
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ใส่ได้เลยปล่อยพลังแน่นอน ส่วนจะได้คำชมหรือไม่อยู่ที่ว่าคนที่ได้รับกลิ่นชอบหรือไม่ด้วยเช่นกัน ศึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่เบามือหน่อยก็น่าจะเหมาะสม เพราะพลังการกระจายมาเต็มมากจริงๆ แต่ให้ข้ามการใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย อันนี้จุกคอหอยลิ้นคับปากหายใจไม่ออกเอาได้เวลากลิ่นตีขึ้นหนักๆ ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ กลิ่นมีโทนลักษณะคล้ายรุ่นดังยอดฮิตต่างๆ ซึ่งทุกตัวก็ใช้ยามค่ำคืนเพื่อปล่อยเสน่ห์ได้หมด เช่นนั้นตัวนี้ก็ได้สบายมาก และปล่อยพลังกว่าอีกเท่าตัวเลยด้วยซ้ำไป
ความทน - ไม่ใช่แค่เรื่องกระจายที่มีพลังสุดติ่งอย่างเดียว ความทนก็ไม่น้อยหน้า เพราะพื้นฐาน 8 ชม. กลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปแล้ว แต่ตัวนี้ขั้นต่ำคือ 12 ชม. แทนเลยด้วยซ้ำ และแถมไปยังข้ามวันได้อีกด้วย ถ้าผิวกายเอื้อกับ Ambroxan แบบเต็มๆ เพราะส่วนตัวเจอไปที่ข้ามวันซึ่งสรุปรวมก็ 36 ชั่วโมงที่เจอสูงสุด ทั้งๆ ที่อาบน้ำไปแล้วถึง 2 รอบก็ตาม
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากแบบยาวนานไปเลย เอาให้สุด เพราะมาสายนี้ ต้องมั่น ต้องปล่อยพลัง ตาม Concept เจ้าของแบรนด์ จะมีผ่อนลงมาหน่อยคือปลายช่วงกลางมาเป็นกระจายดี แล้วพอพ้นไปซัก 8 - 12 ชม. จะผ่อนลงมากระจายปานกลางกันยาวๆ ไป
สรุป - ถ้าใครชอบกลิ่นแนว Dior - Sauvage, Bleu de Chanel, Montblanc - Explorer, Versace Dylan Blue หรือ Prada Luna Rossa Carbon โดยที่มีลูกเล่นของ Aventus และ Prada L’Homme หน่อยๆ บอกเลยตัวนี้จะเป็น Beast Mode ที่เน้นความเป็น Ambroxan อวลจัดหนักแบบสายมั่นไม่สนหน้าไหน เน้นปล่อยพลังรัวๆ อย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าความว้าวด้านกลิ่นอาจจะไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ถ้าเอาความทรงพลังก็ต้องยกให้แหละ รวมถึงถ้าจะมีข้อติก็มีเรื่องนึงที่ชัดเจนมากจริงๆ ก็คือ ราคาโหดมาก และไม่มีในเมืองไทย จนสามารถทำเอาเมินมาใช้แบรนด์อื่นๆ ที่มี DNA เดียวกัน โดยผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันได้ง่ายกว่า
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://fragrance.one/products/fragrance-one-office-for-men
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น