Juliette Has a Gun - Vengeance Extreme
การเป็น Lady Vengeance ที่สื่อสารถึงความเป็นกุหลาบร้ายสายมั่นที่ลึกลับและดึงดูดให้ไปลงทัณฑ์ของ Juliettte Has a Gun ก็นึกว่าจะคงตัวกันยาวๆ ไปในความดีงามของกลิ่นกับการเปิดกันเห็นๆ ว่าใช้สารหอมต่างๆ อย่าง ISO E Super ที่ให้กลิ่นไม้หอมติดโปร่งกับ Ambroxan ที่ให้ความอวลกึ่งผิวกายติดเค็มปนไม้อุ่นลึก กันแบบชัดเจนในช่วงปี 2006 ที่สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัวเวลาไปอยู่บนผิวกายแต่ละคนให้มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป (เป็นช่วงแรกๆ แบบที่แบรนด์อื่นไม่กล้าเปิด ก่อนที่ 2 สารหอมนี้จะเป็นหนึ่งในตัวยอดฮิตสุดๆ ในปัจจุบัน)
ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมีการต่อยอดอะไรเพราะกลิ่นมีความงามที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้วและส่งประกายความร้ายออกมาได้อย่างมีระดับด้วยฝีมือของ Francis Kurkdjian แต่อีก 5 ปีต่อมา (ปี 2011) เจ้าของแบรนด์อย่าง Romano Ricci กลับเอามาต่อยอดขึ้นไปอีกกับการลงมือสร้างสรรค์เองจนกลายเป็น Vengeance Extreme ออกมา ซึ่ง เออ ของเก่าก็ดีสุดๆ อยู่แล้ว สาย Extreme ตัวนี้จะสื่อสารออกมาอย่างไร จะจัดจ้านกว่าเดิมหรือไม่ จัดมาแล้วก็จัดไปอย่าได้เสีย เล่ากลิ่นเลยแล้วกัน
ถ้าสปอยกันตั้งแต่เริ่ม ต้องบอกเลยว่า “ดาร์กและเข้มขึ้น รวมถึงมีพลังนางพญา Last Boss ที่เต็มมาก” เพราะเนื้อกลิ่นเปิดตัวมาก็ดาร์กกันอย่างชัดเจนเลยกับการเป็นโทนพิมเสนที่ทะลุปล้องมาแต่ไกล ให้กลิ่นออกทางดาร์กเข้มมีจนเกือบจะคล้ายโกโก้ที่ติดสมุนไพรอยู่แล้ว กลิ่นมีโทนสากๆ จมูกนิดๆ อารมณ์แบบพิมเสนแห้งดาร์กที่ควรจะเป็น แต่ไม่ได้มากไป เพราะลาเวนเดอร์ที่เป็นตัวเกลากลิ่นให้นวลมีลูกผสมโทน Herbal สมุนไพรหน่อยๆ ปนความทึบที่เสริมให้กลิ่นอายดาร์กๆ มีความหนามากขึ้น แต่กลิ่นไม่ได้ไปทางข้นทึบเกินไป เพราะการมีเจือกลิ่นปร่าขมปนเปรี้ยวสาย Citrus ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) มาสร้างบรรยากาศที่ไม่ได้สดชื่นแบบสว่าง แต่ให้กลิ่นอายแบบบรรยากาศติดเย็นยะเยือกปนปร่าเข้ามาร่วมด้วยแทน ซึ่งเสริมโทนได้ดีเลยที่ทำให้กลิ่นมีลักษณะโทนในวูบแรกช่วงต้นที่เป็นพิมเสนดาร์กยะเยือกที่ไม่ได้ซ่อนคมอะไรเลย ปล่อยพลังรังสีความร้ายออกมาแบบเต็มๆ
เพียงชั่วขณะต่อมา กลิ่นกุหลาบก็เริ่มขึ้นมาสมทบ แบบเป็นคู่บุญสนับสนุนเสียมากกว่า เลยทำให้เป็นพิมเสนกุหลาบมากกว่าจะเป็นกุหลาบพิมเสน เลยจะได้อารมณ์พิมเสนติดกลิ่นกุหลาบที่มีความเป็นสีแดงท่ามกลางความดารก์ลึกมีเสน่ห์เย้ายวนเป็นตัวตั้ง แต่จะเสริมด้วยโทนออกทางคล้ายกลิ่นน้ำแช่ก้านกุหลาบหน่อยๆ ซึ่งเป็นสไตล์ของเจอราเนียม ที่ทำให้ได้อารมณ์แบบกลิ่นเขียวก้านกุหลาบ ที่คลอไปด้วยตลอด อารมณ์กุหลาบที่ยังไม่ได้ริดหนามอยู่ในสถานที่มืดๆ กลิ่นสากเย้าร้ายครอบรอบทิศค่อนข้างชัดเจน แถมมีอารมณ์นางพญาอยู่ในเนื้อกลิ่นชัดเจนมาก แต่มิติกลิ่นไม่ได้มีแค่นี้ เพราะจะจับต้องถึงกลิ่นโทนไม้หอมโปร่งๆ เจือไม้ซีดาร์หน่อยๆ และมีลูกระเรื่อกลิ่นออกทางดอกไม้ขาวติดเขียวอ่อนๆ ปลายกลิ่นที่สร้างความระเรื่อเหมือนจะสว่าง แต่เปล่าเลย ให้อารมณ์แบบระเรื่อล่อลวงมากกว่า เพราะความดาร์กมีเต็มชัดอวลเลยทีเดียว
จนเมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นโทนคล้ายผิวกายติดอวลอุ่นเจือกลิ่นไม้หน่อยๆ ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ ก็ได้เวลาเปลี่ยนช่วงเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่แน่นอน พิมเสนยังอยู่ คุมโทนความดาร์กเสริมด้วยกุหลาบเย้าลึกเช่นเดิม แต่จะเพิ่มความอบอุ่นนวลๆ เข้ามาในเนื้อกลิ่นด้วยจากโทนวานิลลาที่ติดโทนอุ่นลึกๆ คล้ายแอมเบอร์กึ่งหนังหน่อยๆ แบบกำลังดี ซึ่งเมื่อดมเข้าไปใกล้ๆ จะจับต้องกลิ่นสารหอมอย่าง Ambroxan ที่ให้ความอวลคล้ายผิวกายติดเค็มอ่อนๆ และมีกลิ่นไม้หอมเนียนๆ ปนกลิ่นอยู่แบบรองพื้น แอบมีกลิ่นคล้ายหมึกกึ่งเขียวเข้ม Oak Moss หน่อยๆ อยู่ด้วย เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้มิติการรับรู้แน่นอนว่ายืนพื้นสายดาร์กอยู่เช่นเคย แต่จะมีความอบอุ่นเจือกรุยกรายเย้าลึกมากขึ้น อารมณ์กลิ่นค่อนข้างชัดถึงสีพื้นคือสีดำที่มีความอวลอุ่นรุมๆ แต่จะมีสีแดงมาเนียนผสมประปราย อารมณ์กลิ่นจะได้ความรู้สึกเหมือนดูภาพยนตร์เรื่อง Sin City ที่มีความดาร์กขาวดำที่มีเสน่ห์ แต่ตัดด้วยสีแดงให้ Contrast แบบมีความร้ายมั่นในเนื้อกลิ่น แล้วเห็นนางพญาในชุดสีดำคนนั่งหนึ่งที่มีรังสีความดาร์กออกมา แต่มองไปที่ใบหน้าจะย้อมสีตรงปากให้เป็นสีแดงสด นี่แหละ คาแรคเตอร์กลิ่นของ Vengence Extreme ล่ะ
เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นค่อนข้างมีคาแรคเตอร์ชัดมาก อย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอมสายดาร์กมาบ้างและพื้นฐาน OK กับกลิ่นพิมเสนและกุหลาบ รวมถึงรู้จักที่จะนำเสนอคาแรคเตอร์ตัวเองที่ให้ความน่าเกรงขามและมีความร้ายนิ่งลึก นี่แหละจะเข้าทางเต็มๆ ซึ่งสามารถใช้ในยามกลางวันได้แบบจำนวนสเปรย์พอเหมาะ เพราะมากไป จะดูมีรังสีความร้ายนิ่งมีพลังทางกลิ่นออกมาเยอะไปเอาได้ ซึ่งถ้าลงสเปรย์เหมาะสมกลิ่นสามารถใช้ในช่วงทางการได้เพราะสร้างความขรึมน่าค้นหาและซ่อนคมนิ่งได้ดีเลย นอกนั้นการใช้แบบสถานการณ์ทั่วไปก็แล้วแต่คาแรคเตอร์ที่จะนำเสนอในตอนนั้นๆ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายไปได้เลย เพราะกลิ่นไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่ออกงานกับชุดแดงดำบอกเลยว่าเด็ดมาก เพราะจะเอื้อให้เข้ากันจนดูมีความเป็นนางพญาที่ลึกลับก็ได้ โหดก็ดี ร้ายมั่น และดูกรุยกรายแบบไม่ได้มาเล่นๆ ได้ดีเลยทีเดียว
ความทน - มากกกกก 15 ชม. กลิ่นยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่เสมอกับการใช้ที่ 4 สเปรย์ ซึ่งอย่างน้อยถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ยก็จะอยู่ที่ 8 ชม. ขึ้นไปได้สบาย
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นให้ความดาร์กแผ่ออกมาเลย แล้วกลิ่นจะเสถียรกันไปยาวถึง 6 ชม. จะค่อยๆ ลดลงมาเป็นปานกลางและออร่ารอบๆ ตัวแบบลึกลับและมีพลังรุมๆ อย่างมีระดับ
สรุป - อีกหนึ่งกลิ่นที่มีความชัดเจนมาก เล่นความดาร์กของพิมเสนเสริมโทนด้วยกุหลาบได้สวยจริงๆ โดยที่ไม่ได้ไปสายนางพญามีจริต แต่สร้างความทันสมัยในเนื้อกลิ่นที่ให้อารมณ์ร่วมได้ดีจนต้องปรับคาแรคเตอร์ตามกลิ่นกันเลยเวลาใช้งานว่าต้องดูลุคนิ่งร้าย ถือเป็นการต่อยอดได้ดีมาก และฉีกจากดาร์กร้ายสายมั่นมาเป็นนางพญา Last Boss ได้อย่างงดงาม
หมายเหตุ:
1.
บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.juliettehasagun.com/en/classic/14-vengeance-extreme-perfume.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น