Review: Friedemodin - Feu Follet
Friedemodin - Feu Follet
Friedemodin เป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche
Perfume จากเมืองผู้ดี ณ UK เกิดมากจากความชอบและหลงใหลในกลิ่นน้ำหอมของเพื่อนสาว 2
คน คือ Nina Friede และ Elizabeth
Modin ก่อนกำเนิดกลายเป็นแบรนด์ที่เอานามสกุลของทั้งสองมารวมเข้าด้วยกัน เมื่อได้มีโอกาสมาลองแบรนด์ Niche สายอิสระแบบนี้
ก็ต้องบอกต่อกันซักหน่อยว่ากลิ่นอายจะเป็นอย่างไรกับรุ่นแรกที่ได้ลองอย่างรุ่นนี้ Feu Follet
ขอเรียกสั้นสรุปใจความสำคัญของกลิ่นนี้ได้ในคำเดียวนั่นคือ
“Spicy Leather Night” เพราะกลิ่นอายที่
Feu Follet สร้างสรรค์ขึ้นมา เป็นการนำเอาความกลิ่นอายหนังที่มีเสน่ห์มากและมีความเป็นหนังที่มีธรรมชาติมากจริงๆ
โดยที่เอาความเป็นโทนควันไออบอุ่น และกลิ่นอายเครื่องเทศปร่าแต่ติดดาร์กมีเสน่ห์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
อารมณ์เหมือนเที่ยวป่ากลางคืนกางกระโจมหนังและก่อกองไฟ มีทั้งความอากาศที่เย็นและอบอุ่นมีความอินเดียนแดงอย่างบอกไม่ถูก
ซึ่งกลิ่นเปิดจะเป็นช่วงของการเปิดความโปร่งและปร่าติดสดชื่นแห้งๆ
ของกลิ่นอายเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าอย่างเม็ดผักชีที่จะซ่าขึ้นมาก่อนโดยจะมีกลิ่นอาย
Citrus ติดขมแห้งของมะกรูดฝรั่ง
(ฺBergamot) ให้ความสดชื่นติดเย็นๆ
มีเลเยอร์ตรงกลางกับกลิ่นโทน Herbal หน่อยๆ
ที่มาจากลาเวนเดอร์นวลๆ ติดอะโรม่าเผ็ดนุ่มกำลังดี แต่สิ่งที่รองพื้นกลิ่นของความสดชื่นจะจับต้องได้เลยนั่นคือกลิ่นอายเครื่องเทศเผ็ดปนหวานเย้าของกระวานที่ไม่ได้ไปสายหวานจนชัดเจนขนาดนั้น
เพราะกลิ่นอายโทนหนังที่เป็นหัวใจหลักของน้ำหอมรุ่นนี้เลยจะมาเทคโอเวอร์ในสายรองพื้นท่ามกลางความสดชื่นเย็นๆ และมีความดาร์กแบบกำลังดีได้อย่างน่าสนใจมาก
จนเมื่อเริ่มมีโทนกลิ่นออกทางอะโรม่าปนเครื่องเทศโปร่งๆ
กับกลิ่นอายปร่าเผ็ดปนไม้หอมนวลๆ ค่อยๆ แทรกขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นหนังที่เริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ
ก็เป็นการเปิดทางเข้าสู่ช่วงกลางที่จะได้ความรู้สึกกันอย่างเต็มๆ
กับการเป็นโทน Spicy Leather ตีคู่กันได้อย่างลงตัวมากระหว่างความเป็นสายเครื่องเทศโปร่งๆ
อย่างเม็ดผักชีที่ให้ความปร่าซ่า กระวานที่ให้ความเย้าลึกๆ
ความนุ่มเผ็ดปนไม้หอมจางๆ ของเม็ดจันทน์เทศ และความเผ็ดปนอะโรม่าเจือกุหลาบบางๆ
ของพริกไทยสีชมพู มาเจอกับสาย Leather อย่างหนังและหญ้าฝรั่นที่ให้ความหวานปนขมสนับสนุนกลิ่นหนังให้มีมิติ
ตามด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ มาผสมผสานกันได้ทั้งความห่ามอย่างมีเสน่ห์ของหนังที่มีมิติเจือหวานลึกๆ
ความปร่าปนนุ่มที่ทำให้กลิ่นหนังไม่ดิบเกินไปของเครื่องเทศ
และความนวลกึ่งสมุนไพรกึ่งแป้งของลาเวนเดอร์ ทำให้กลิ่นนวลอย่างมีมิติเป็นกลิ่นแนวอะโรม่าที่หนังเป็นโทนหลักได้อย่างดีมาก
เมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควรก็เริ่มมีโทนติด
Smoky ปนอุ่นๆ
เสริมเข้ามาแบบเนียนๆ เคล้าไปกับโทน Earthy ที่ติดดาร์กๆ
หน่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มมีให้จับต้องได้ เพราะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นจะลดทอนความนุ่มปร่าลงไปพอสมควร
กลายเป็นโทนที่ติดดิบหน่อยๆ ปนกลิ่น Smoky ของหญ้าแฝกและไม้หอม และมีความอบอุ่นเจือกลิ่นคล้ายวานิลลาปนเรซิ่นซึ่งน่าจะมาจากยางไม้กำยานที่ให้ลักษณะกลิ่นแบบนี้เป็นตัวรองพื้นอยู่
โดยมีกลิ่นออกทางเข้มแต่ไม่หนักติดเขียวแห้งๆ ของ Moss เจือกลิ่นอ้อยอิ่งจางๆ
ของพิมเสน กลิ่นเลยจะกลายเป็นลักษณะกลิ่นหนังที่มีความร่วมสมัยปนความ Vintage
โทนดาร์กหน่อยๆ มีความเย้ายวนก็ได้ มีความเป็นธรรมชาติตามกลิ่นหนังที่พึงจะทำได้ก็สามารถ
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจึงกลายเป็นกลิ่นอายที่ถ่ายทอดการเป็นโทนหนังที่มีความรื่นรมย์และสามารถสร้างภาพในหัวได้เป็นอย่างดีว่าเหมือนกางโจมหนังแบบอินเดียนแดง
แล้วนั่งคุยหน้ากระโจมกับการก่อกองไฟยามค่ำคืนในป่าที่มีกลิ่นอายจากสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าสนใจมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ - Unisex เลย กลิ่นแตะได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป
แบบที่อย่างน้อยถ้าชอบกลิ่นโทนหนังเป็นทุนเดิมจะฟินกับกลิ่นนี้ได้ไม่ยาก
โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
ยิ่งเฉพาะกับอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยถ้าจำนวนสเปรย์แบบรัวมากเกินไป
เดี๋ยวคนแตกตื่นเอาได้ เน้นจำนวนสเปรย์ลงตัวกลิ่นจะมีเสน่ห์มาก
แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งแดดตรึมไปได้เลย
ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีเสน่ห์ลงตัวมีความห่ามเท่ห์ก็ได้
นุ่มนวลติดปร่าก็ดี ไม่เหมือนใครแบบมีชั้นเชิงก็สามารถ
ไม่ว่าจะกลับการใส่เพื่อท่องราตรี หรือว่าชิลล์ๆ ให้มีความเท่ห์ก็ได้สบายมาก
ความทน -
อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. กำลังดี
อาจจะมีบวกลบบ้างราวๆ 2 ชม. ก็อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยเป็นสำคัญ
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วค่อนข้างคงตัวยาวไป พอพ้นช่วงกลางไปซักพักจะลดลงมาเป็นปานกลาง
ก่อนจะปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว เมื่อพ้นระยะเวลาราว 8 ชม. กลิ่นจะค่อยๆ จางไปในที่สุด
ทิ้งท้าย -
หนึ่งในกลิ่นหนังที่ดีมาก สื่อสารได้ชัดเจนเห็นภาพถึงสภาพแวดล้อมได้ดีไม่พอ
ยังสามารถนำไปเป็นกลิ่นอายเท่ห์ๆ ติด Vintage
ก็ได้ด้วยเช่นกัน ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นอีกแบรนด์ที่ถ้ามีโอกาสจะลองให้ครบทุกตัวเลย
กลิ่นเขาดีจริงๆ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit -
Fragrance&Art: http://fragrancesandart.com/images/zoom/fuefollet.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น