วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Review: Cartier - Must de Cartier (Vintage)

Cartier - Must de Cartier (Vintage)

แบรนด์น้ำหอมสาย Designer เก่าแก่ที่ปัจจุบันยังรุ่งโรจน์ทั้งในสายธุรกิจหลักและสายน้ำหอมเอง หนึ่งในนั้นมองข้ามแบรนด์เครื่องประดับอย่าง Cartier ไปไม่ได้แน่นอน ซึ่งแบรนด์ได้เข้ามาจับธุรกิจน้ำหอมและออกน้ำหอมกลิ่นแรกสุดของแบรนด์อย่าง Santos de Cartier ของผู้ชาย และ Must de Cartier ฝ่ายผู้หญิง ที่ทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างก็เป็น Masterpiece ที่เหนือกาลเวลาสุดๆ มาเสมอ
 

เช่นนั้น ก็พร้อมถ่ายทอดความงดงามทางกลิ่นที่อยู่ยืนยงมาตลอดของแบรนด์นี้เสียหน่อย โดยขอมาจับที่น้ำหอมฝ่ายหญิงอย่าง Must de Cartier ก่อน ที่รุ่น Vintage ส่วนรุ่นปัจจุบันและรุ่นของผู้ชายถ้ามีโอกาสไว้ว่ากันภายหลัง

กลิ่นเปิดถือเป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกออกทาง Classic และมีระดับกันอย่างชัดเจน ในลักษณะสไตล์น้ำหอมต้นยุค 80 ที่กลิ่นเปิดจะมาในลักษณะฟุ้งๆ ติดคมแน่นกันในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้บาดหรือเสียดอะไรเลย เพราะมีความสมดุลย์กันเป็นอย่างดี ซึ่งจะมีโทนกลิ่นออกทางสบู่ที่อวลๆ แน่นๆ พุ่งๆ ของ Aldehydes เป็นตัวเปิด และดึงเอาพวกมาตามผสมผสานกันให้ความฟุ้งของยางไม้ประเภทที่ให้โทนเขียวคมพุ่งอย่าง Gallbanum แต่ไม่ได้เสียดจมูกหรือคมเกินไป เพราะมีตัวตัดทอนชั้นดีอย่างโทนผลไม้จากพีชที่ให้ความหวานหอม แอบเจือกลิ่นคล้ายลูกพรุนอ่อนๆ และกลิ่นไม้หอมติด Spicy จางๆ เจือกุหลาบอ่อนๆ สไตล์กลิ่นแบบไม้ Rosewood พร้อมกับกลิ่น Citrus ที่ให้ความเปรี้ยวเบาๆ ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะเป็นการไล่เรียงโทนจากเขียวเจือผลไม้ สู่สบู่กึ่ง Citrus ที่อวลๆ แน่นแบบกำลังดี ไม่ได้คมพุ่งเกินไป ที่สำคัญจะสัมผัสได้ได้เลยว่ากลิ่นมีพื้นฐานที่เป็นโทนอบอุ่นให้จับต้องได้แบบประปรายแบบที่ไม่ได้แย่งซีนอะไรใดๆ เน้นสายสนับสนุนเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการผสมผสานที่มีความสมดุลย์และมีมิติที่ลงตัวมากเลยทีเดียว 

เมื่อกลิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงกลาง ก็พิสูจน์ชัดเจนกันได้ถึงคำว่า “Masterpiece” ได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะทุกอย่างในช่วงนี้จะมีความสมดุลย์มาก โดยจะจับต้องถึงมิติกลิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ตามมาจากช่วงแรกทั้งโทนสบู่อวลเคล้ากลิ่นพีช โทนเขียวของยางไม้ Gallbanum เจือกลิ่น Citrus ที่จะลดทอนลงมาทั้งหมดเหลือกลางๆ เปิดทางให้

1. กลิ่นโทน Musk นุ่มๆ เคล้าสาปปลุกเร้า Animalic ติดดาร์กหม่นหน่อยๆ แบบโทนหนัง 
2. กลิ่นโทน Spicy ติดเขียวกึ่งดอกไม้ที่มีคาร์เนชั่นเป็นตัวนำทีม โดยมีกลิ่นดอกส้มอ่อนๆ ที่ให้โทน Citrus เจืออยู่ 
3. กลิ่นโทนดอกไม้สายดึงดูดอย่างกระดังงาที่ไม่หวานอึนมากเกินไป เพราะมีกลิ่นโทนกุหลาบอ่อนๆ 
4. กลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ที่มีความอะโรม่ากำลังดีของไม้ Rosewood แต่ก็มีความแห้งหน่อยของหญ้าแฝก 
5. กลิ่นโทนแป้งของหัวเหง้าออริสกับดอกกล้วยไม้ที่เสริมกันให้มีโทนติดเย้ายวนปนสะอาด 

ทั้งหมดต่างทยอยขึ้นมาสร้างมิติในการดมที่มี 7 โทนกลิ่นที่สอดรับผสมผสานกันเป็นอย่างดี มีหลากหลายแต่เป็นหนึ่งเดียว โดยให้ความอะโรม่าติดอบอุ่นกำลังดีเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะค่อยๆ ลดทอนลงไปบางส่วนเมื่อผ่านไปพอสมควร ให้กลิ่นโทนแป้งติดไม้หอมและดอกไม้ โดยมีกลิ่นโทนอบอุ่นติดนวลกลิ่นหนังและกลิ่นโทนสาปปลุกเร้าบางอย่างที่โดนเกลากลิ่นให้มีความเย้ายวนในความนวลละมุนของกลิ่นที่มีเสน่ห์มากเลยทีเดียว อารมณ์กลิ่นเป็นลักษณะรอยต่อที่สมดุลย์มากของการเป็นโทน Classic ติดอบอุ่นปนเย้ายวนที่มีระดับ และมีความ Modern ในกลิ่นที่เนียนๆ กลมละมุนไปเรื่อยๆ จนเริ่มจับถึงโทนกลิ่นที่ 8 ที่เป็นตัวแฝงสร้างความอบอุ่นมาตลอดอย่างแอมเบอร์เคล้ากลิ่นโทนวานิลลาที่ติดแป้งนวลปนไม้หอมครีมมี่ที่เริ่มเปิดตัวชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ พร้อมกับกลิ่นโทนสาปปลุกเร้าบางอย่างที่โดนเกลาก็เริ่มชัดมากขึ้นโดยเป็นตัวสนับสนุนให้กลิ่นยังคงมีมิติของโทน Animalic ที่กำลังดี มีความเย้ายวนเซ็กซี่กำลังงามนั่นก็คือ Civet หรือชะมดเช็ดนั่นเอง ซึ่งจะโดนวานิลลากับกลิ่นที่สนับสนุนให้มีความเป็นแป้งครีมมี่อย่างถั่วตองก้าเกลาให้กลิ่นมีความนวลละมุนติดเซ็กซี่เคล้าโทนแป้งเย้ายวนที่มีความพลิ้วละมุนกำลังดีอยู่ตลอด รวมถึงกลิ่นมีลักษณะที่เป็นโทนสว่างนวลปนอบอุ่นอย่างมีชั้นเชิงและมีระดับมาก และแตะความ Modern สูงโดยเฉพาะเมื่อผ่านไปพอสมควรที่วานิลลาจะเป็นแบบเบาๆ เคล้ากลิ่นไม้หอมปนนัวอ่อนๆ ที่มีทั้งความนุ่มนวลก็ได้ ความเซ็กซี่ก็ดี และความดึงดูดเย้ายวนที่มีคลาสมาก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงท้ายของ Must de Cartier ที่สมบูรณ์และงดงามมากจริงๆ 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป กลิ่นให้ความอบอุ่นติดโทนแป้งเย้ายวนมีระดับและมีลุคที่เข้าทางนางพญาวางตัวดีหน่อยๆ แต่ไม่ได้ไปสาย Fierce แต่อย่างใด แต่เอาจริงๆ กลิ่นนี้ Unisex มากเลยทีเดียวเมื่อพ้นช่วงต้นไปแล้ว เช่นนั้นยังไงก็ตามผู้ชายสามารถใช้งานได้สบายมากแถมให้ออร่าผู้ชายอบอุ่นและมีเสน่ห์ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป แต่ให้ข้ามการใช้เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่าออกกำลังกายจะดีที่สุด ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ยิ่งใส่ออกงานยิ่งเสริมออร่าความอบอุ่นแต่มีพลังได้ดีมากจริงๆ 

ความทน - ดีงามสุดๆ กับ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ที่ผิวแบบกำลังดี แถมลากไปที่ 15 ชม. เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเฉลี่ยกับสภาพผิวอื่นๆ ยังไงก็แตะที่ 8 ชม. ได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น สไตล์แบบมาชัดเจนตั้งแต่ต้น แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาที่กระจายดี ปานกลาง ก่อนปิดท้านด้วยออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป 

สรุป - หนึ่งในกลิ่นอายเหนือกาลเวลาที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างงดงามมาก สมแล้วที่เป็น Masterpiece ของแบรนด์นี้ ทุกอย่างสมบูรณ์มากจริงๆ ในการเป็นรุ่น Vintage EDT ที่สร้างโทน Timeless Oriental อย่างลุ่มลึกและน่าจดจำมาก 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://cdn1.feelunique.com/img/products/25163/Cartier_Must_de_Cartier_Eau_De_Toilette_Spray_100ml_1402992167.png


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น