Strangers Parfumerie - Gheorghe
God’s Own Country เป็นภาพยนตร์แนว LGBTIG
จากอังกฤษที่เปิดตัวขึ้นมาในปี 2017 ในเทศกาลหนังซันแดนซ์
และคว้ารางวัลการกำกับยอดเยี่ยมมาได้ ก่อนที่จะตามไปคว้ารางวัลทางด้านภาพยนต์ต่างๆ จากเทศกาลหนังอื่นๆ ทั่วโลก
โดยเนื้อหาจะเป็นการเล่าเรื่องชีวิตของ Johnny ที่เป็นชนชั้นแรงงานในการทำฟาร์มที่อยากจะชีวิตที่ดีขึ้น แต่เพราะความจำเป็นไม่ว่าจะทั้งย่าที่ชรามากแล้วและพ่อที่ป่วยเกินกว่าจะทำงานไหว
เลยต้องแบกรับงานในฟาร์มทั้งหมดแบบไม่สามารถเลือกอะไรได้
จึงใช้ชีวิตทำงานไปวันๆ ด้วยตัวคนเดียว เย็นก็ไปดวดเหล้าให้สุดและมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับเพศเดียวกัน
วนไปเวียนมาเป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สามารถหลุดออกมาได้เพราะความเป็นจริงของชีวิตที่ปิดโอกาส
จนวันหนึ่งที่ภาระงานในฟาร์มมันไม่ไหวแล้ว จึงได้มีการจ้างแรงงานหนุ่มต่างด้าวที่มาจากประเทศโรมาเนียนั่นก็คือ
Gheorghe
เข้ามาทำงานในฟาร์มและทำให้ชีวิตของ Johnny ต้องเปลี่ยนแปลงไป
และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นอายลงใน
Collection - LGBTIQ ของแบรนด์ Strangers
Parfumerie ในรุ่น Gheorghe ที่เป็นชื่อเดียวกับตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้
กับการสื่อสารถึงเรื่องราวระหว่าง Johnny และ Gheorghe
รวมถึงฤดูใบไม้ผลิในแถบ Yorkshire ของประเทศอังกฤษ
ซึ่งการมาและคงอยู่ของ Gheorghe ผ่านกลิ่นจะบอกเราได้แบบนี้เลย
ให้ลองนึกภาพตามถึงเวลาที่เรายืนอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างๆ
อากาศเย็นๆ แห้งๆ ทึมๆ หม่นๆ มีลมแรงๆ แต่มีกลิ่นอายของดินโคลน หญ้าแห้ง
พืชล้มลุกที่มีกลิ่นเขียวตุ่นต่างๆ กลิ่นโทนดอกไม้ที่ติดหวานจางๆ
กลิ่นโทน Earthy พื้นดินและหิน
กลิ่นไม้อ้อยอิ่ง รวมถึงกลิ่นปร่าที่กึ่งๆ ระหว่าง Citrus และ
Fresh Spicy ผสมผสานอยู่ในอากาศ ซึ่งกลิ่นทั้งหมดจะเป็นเลเยอร์ที่ซ้อนกันและสนับสนุนกันชัดพอสมควร
นี่แหละคือช่วงเปิดที่สร้างโทนกลิ่นให้เราเห็นถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ
ตัวแบบชนบทอังกฤษกับภูมิประเทศที่กว้างๆ เป็นทุ่งหญ้า เนินเขาเตี้ยๆ
กันก่อนเลย แล้วถึงจะค่อยๆ จับต้องได้ถึงกลิ่นอายยาสูบที่เริ่มแทรกตัวขึ้นมาเนียนๆ
พร้อมกับกลิ่นโทนเหล้าวิสกี้ที่แทรกซึมประปรายในเนื้อกลิ่นให้รู้สึกได้ถึงการมีตัวตนของมนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้อยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานกลิ่นออกมาได้อย่างดีงามมากในการสร้างความรู้สึกและบรรยากาศ
โดยแต่ละโทนกลิ่นตามสอดประสานกันเป็นมิติในการรับรู้ที่สร้างภาพในหัวออกมาได้เลย
เหมือนเรายืนอยู่ ณ จุดนั้นที่มีความหม่นทึมและอ้างว้างกับ Lanscape ที่มีทุ่งหญ้าสีหม่นกว้างสลับกับเนินเล็กๆ
ต่างๆ
เมื่อผ่านไประยะหนึ่งความคงที่จากโทนในตอนต้นที่สร้างสภาพแวดล้อมแบบทุ่งหญ้าโทนติดทึมๆ
พร้อมกับกลิ่นโทนยาสูบและวิสกี้ก็ยังคงที่อยู่ แต่จะมีความสว่างเพิ่มขึ้นในกลิ่นเข้ามาหน่อย
ซึ่งจะจับต้องได้ถึงโทนดอกไม้เจือสมุนไพรที่มีทั้งความแห้ง
ความหวานอ่อนๆ และความปร่า Spicy ที่มาทางนวลๆ ไม่คมบาด เจือโทนกลิ่นที่คล้ายธูป Incense เบาๆ ที่มาผสมผสานกับโทนสภาพแวดล้อมเดิมเป็นเลเยอร์อยู่ชั้นบน
แต่จะมีกลิ่นโทนออกทางติดหนังกึ่ง Smoky ติดสาป Animalic
เจือกลิ่นโคลนกับวิสกี้ พร้อมกับกลิ่นโทนไม้หอมปนอบอุ่นเป็นเลเยอร์ที่รองพื้นอยู่
ซึ่งกลิ่นเริ่มมีลักษณะอวลมากขึ้นมาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ได้มาเพื่อแย่งซีนอะไร
นอกจากเพิ่มและเสริมมิติของกลิ่น ทำให้บรรยากาศในเนื้อกลิ่นเริ่มมีอะไรที่มากกว่าความเป็นสภาพแวดล้อม
เพราะจุด Focus ของกลิ่นเริ่มเจาะจงไปที่กลิ่นอายที่สร้างอัตลักษณ์ความเป็นมนุษย์ที่จะมีเสน่ห์แบบติดดิบมีเสน่ห์หน่อยๆ
โดยมีฉากหลังเป็นกลิ่นสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มีกลิ่นดอกไม้ พื้นดิน
หิน ไม้ หญ้าแห้ง และบรรยากาศทึมๆ เป็นฉากหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างเสน่ห์ทางกลิ่นโดยไม่จงใจ
ไม่ได้ดูพยายาม และไม่ยัดเยียด มีความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติได้ลงตัวยาวไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วงสุดท้ายที่กลิ่นเริ่มจะมีความอบอุ่นเสริมเข้ามาในเนื้อกลิ่นตามลำดับ
ความทึมๆ ของกลิ่นเริ่มเบาบางลงแต่ยังคงได้อารมณ์ติดสภาพแวดล้อมอากาศสบายๆ
อยู่เบาๆ และความหวานโปร่งติดเขียวแห้งๆ อะโรม่าจะเริ่มกลายเป็นตัวเด่นที่จับต้องได้เลยว่ามาจากโทนหญ้าแห้ง
(Hay) เคล้าพิมเสนที่จะให้ความอ้อยอิ่งแบบกลิ่นติดผิวกายอ่อนๆ
และจะเริ่มจับต้องได้มากขึ้นถึงโทนวานิลลาที่มาแบบเบาๆ ไลท์เวอร์ชั่นที่มาเสริมกับกลิ่นโทนดิบที่ตามมาจากช่วงกลาง
แต่ผ่อนลงมาในลักษณะให้ความอบอุ่นแบบดึงดูดมีเสน่ห์ออกทางรื่นรมย์ตามธรรมชาติในเนื้อกลิ่น
ลักษณะกลิ่นเหมือนดูเรียบๆ แต่สิ่งที่ชัดเจนเลยคือ จะมีความโรแมนติคปนอบอุ่นที่แฝงอยู่ในกลิ่นแบบเนียนๆ
และซึมลึกจนสร้างความประทับใจในความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้เห็นภาพบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงกับภาพยนตร์ไล่เรียงกันได้ตามนี้เลย
- ความเหงาและอ้างว้างของ
Johnny กับสภาพแวดล้อมและชีวิตที่วนเวียนเป็นวัฏจักรที่ไม่อาจหลุดพ้น
- การมาของ
Gheorghe เหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่เกิดขึ้น
- ความละมุนละไมและความอบอุ่นที่เยียวยาจิตใจที่ชีวิตแม้จะเป็นอย่างไร
ขอให้เข้าใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะกลิ่นมาสายสภาพแวดล้อมและบรรยากาศเป็นสำคัญ
และแม้ว่ากลิ่นจะบอกถึงความเป็น Gheoghe ก็ตาม
แต่ยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้ เพียงแต่กลิ่นมันมีความเป็นธรรมชาติและมีบรรยากาศที่ออกทางหม่นๆ
ทึมๆ อาจจะต้องผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่งและถ้าเข้าใจอารมณ์ของน้ำหอมที่จะสื่อสารด้วยก็ยิ่งจะดีมากในการปรับจูนตัวเองให้เข้าถึงน้ำหอมรุ่นนี้ ที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลย
เพราะกลิ่นนี้ถือว่ามีความสตรองในการเล่าเรื่องผ่านกลิ่นมากเลยทีเดียว
ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่จะทางการก็พอได้อยู่
หรือจะทั่วๆ ไปก็สามารถ เพราะถ้าดมผ่านๆ มันจะถือว่า Unique และขรึมพอสมควรเลย
ส่วนยามค่ำคืนก็ใส่ได้ เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ไปสายที่พร้อมตะลุยราตรี
ให้ใส่เพื่อซึมซับบรรยากาศผ่านกลิ่นแบบสบายๆ ทั่วไปจะดีกว่า
ความทน -
อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ
และมากกว่านั้นได้ด้วยถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าความเข้มข้นของบรรยากาศชัดมาก แล้วจะค่อยๆ
ผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆตัวแบบยาวไปจนถึงช่วงท้ายแบบคงที่ พอพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเบาลงเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นหวานเจือเขียวแห้งๆ
มีเสน่ห์ปนอบอุ่นยามเมื่อขยับเนื้อตัว
สรุป - ส่วนตัว
กลิ่นนี้ทำให้เห็นถึงฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประทับใจมาก คือ
“เมื่อ Johnny
กับ Gheorghe เดินขึ้นไปบนเนินสูง
แล้วชมวิวท่ามกลางอากาศทึมๆ หม่นๆ เย็นๆ แต่วิวที่ปลายฟ้ามีความสว่างแบบฟ้าเปิดเคล้าโทนสีวานิลลาอ่อนๆ
แล้วเมื่อ Johnny หันมาเห็นสายตาของ
Gheorghe ที่มองมา มันคือความอบอุ่นที่ส่งมาให้ท่ามกลางความเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา
จนทำให้ Johnny ที่เก๊กอยู่เผลอยิ้มบางๆ กึ่งเขินออกมา
แล้วเบือนหน้าแก้เก้อ ไปยิ้มกับวิวที่เห็นตรงหน้าแทน
รับรู้ได้อย่างทันทีว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้เกิดขึ้นกับ Johnny
แล้วโดยผู้ชายที่ชื่อว่า Gheorghe”
เพียงฉากนี้ฉากเดียว
มันคือความสุขท่ามกลางอากาศทึมๆ บรรยากาศหม่นๆ ปนกลิ่นเขียวแห้งๆ
ที่ทำให้เรายิ้มตามเอาได้เลย และทุกสิ่งทุกอย่างในฉากนี้สามารถสัมผัสและรับรู้ได้จากกลิ่นน้ำหอมขวดนี้ได้ด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ:
1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/photos/a.127354841263041/296384927693364/?type=3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น