วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Review: Strangers Parfumerie - Gheorghe

Strangers Parfumerie - Gheorghe

God’s Own Country เป็นภาพยนตร์แนว LGBTIG จากอังกฤษที่เปิดตัวขึ้นมาในปี 2017 ในเทศกาลหนังซันแดนซ์ และคว้ารางวัลการกำกับยอดเยี่ยมมาได้ ก่อนที่จะตามไปคว้ารางวัลทางด้านภาพยนต์ต่างๆ จากเทศกาลหนังอื่นๆ ทั่วโลก โดยเนื้อหาจะเป็นการเล่าเรื่องชีวิตของ Johnny ที่เป็นชนชั้นแรงงานในการทำฟาร์มที่อยากจะชีวิตที่ดีขึ้น แต่เพราะความจำเป็นไม่ว่าจะทั้งย่าที่ชรามากแล้วและพ่อที่ป่วยเกินกว่าจะทำงานไหว เลยต้องแบกรับงานในฟาร์มทั้งหมดแบบไม่สามารถเลือกอะไรได้ จึงใช้ชีวิตทำงานไปวันๆ ด้วยตัวคนเดียว เย็นก็ไปดวดเหล้าให้สุดและมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับเพศเดียวกัน วนไปเวียนมาเป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สามารถหลุดออกมาได้เพราะความเป็นจริงของชีวิตที่ปิดโอกาส จนวันหนึ่งที่ภาระงานในฟาร์มมันไม่ไหวแล้ว จึงได้มีการจ้างแรงงานหนุ่มต่างด้าวที่มาจากประเทศโรมาเนียนั่นก็คือ Gheorghe เข้ามาทำงานในฟาร์มและทำให้ชีวิตของ Johnny ต้องเปลี่ยนแปลงไป 

และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นอายลงใน Collection - LGBTIQ ของแบรนด์ Strangers Parfumerie ในรุ่น Gheorghe ที่เป็นชื่อเดียวกับตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ กับการสื่อสารถึงเรื่องราวระหว่าง Johnny และ Gheorghe รวมถึงฤดูใบไม้ผลิในแถบ Yorkshire ของประเทศอังกฤษ ซึ่งการมาและคงอยู่ของ Gheorghe ผ่านกลิ่นจะบอกเราได้แบบนี้เลย 

ให้ลองนึกภาพตามถึงเวลาที่เรายืนอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างๆ อากาศเย็นๆ แห้งๆ ทึมๆ หม่นๆ มีลมแรงๆ แต่มีกลิ่นอายของดินโคลน หญ้าแห้ง พืชล้มลุกที่มีกลิ่นเขียวตุ่นต่างๆ กลิ่นโทนดอกไม้ที่ติดหวานจางๆ กลิ่นโทน Earthy พื้นดินและหิน กลิ่นไม้อ้อยอิ่ง รวมถึงกลิ่นปร่าที่กึ่งๆ ระหว่าง Citrus และ Fresh Spicy ผสมผสานอยู่ในอากาศ ซึ่งกลิ่นทั้งหมดจะเป็นเลเยอร์ที่ซ้อนกันและสนับสนุนกันชัดพอสมควร นี่แหละคือช่วงเปิดที่สร้างโทนกลิ่นให้เราเห็นถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวแบบชนบทอังกฤษกับภูมิประเทศที่กว้างๆ เป็นทุ่งหญ้า เนินเขาเตี้ยๆ กันก่อนเลย แล้วถึงจะค่อยๆ จับต้องได้ถึงกลิ่นอายยาสูบที่เริ่มแทรกตัวขึ้นมาเนียนๆ พร้อมกับกลิ่นโทนเหล้าวิสกี้ที่แทรกซึมประปรายในเนื้อกลิ่นให้รู้สึกได้ถึงการมีตัวตนของมนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้อยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานกลิ่นออกมาได้อย่างดีงามมากในการสร้างความรู้สึกและบรรยากาศ โดยแต่ละโทนกลิ่นตามสอดประสานกันเป็นมิติในการรับรู้ที่สร้างภาพในหัวออกมาได้เลย เหมือนเรายืนอยู่ ณ จุดนั้นที่มีความหม่นทึมและอ้างว้างกับ Lanscape ที่มีทุ่งหญ้าสีหม่นกว้างสลับกับเนินเล็กๆ ต่างๆ 

เมื่อผ่านไประยะหนึ่งความคงที่จากโทนในตอนต้นที่สร้างสภาพแวดล้อมแบบทุ่งหญ้าโทนติดทึมๆ พร้อมกับกลิ่นโทนยาสูบและวิสกี้ก็ยังคงที่อยู่ แต่จะมีความสว่างเพิ่มขึ้นในกลิ่นเข้ามาหน่อย ซึ่งจะจับต้องได้ถึงโทนดอกไม้เจือสมุนไพรที่มีทั้งความแห้ง ความหวานอ่อนๆ และความปร่า Spicy ที่มาทางนวลๆ ไม่คมบาด เจือโทนกลิ่นที่คล้ายธูป Incense เบาๆ ที่มาผสมผสานกับโทนสภาพแวดล้อมเดิมเป็นเลเยอร์อยู่ชั้นบน แต่จะมีกลิ่นโทนออกทางติดหนังกึ่ง Smoky ติดสาป Animalic เจือกลิ่นโคลนกับวิสกี้ พร้อมกับกลิ่นโทนไม้หอมปนอบอุ่นเป็นเลเยอร์ที่รองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นเริ่มมีลักษณะอวลมากขึ้นมาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ได้มาเพื่อแย่งซีนอะไร นอกจากเพิ่มและเสริมมิติของกลิ่น ทำให้บรรยากาศในเนื้อกลิ่นเริ่มมีอะไรที่มากกว่าความเป็นสภาพแวดล้อม เพราะจุด Focus ของกลิ่นเริ่มเจาะจงไปที่กลิ่นอายที่สร้างอัตลักษณ์ความเป็นมนุษย์ที่จะมีเสน่ห์แบบติดดิบมีเสน่ห์หน่อยๆ โดยมีฉากหลังเป็นกลิ่นสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มีกลิ่นดอกไม้ พื้นดิน หิน ไม้ หญ้าแห้ง และบรรยากาศทึมๆ เป็นฉากหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างเสน่ห์ทางกลิ่นโดยไม่จงใจ ไม่ได้ดูพยายาม และไม่ยัดเยียด มีความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติได้ลงตัวยาวไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วงสุดท้ายที่กลิ่นเริ่มจะมีความอบอุ่นเสริมเข้ามาในเนื้อกลิ่นตามลำดับ ความทึมๆ ของกลิ่นเริ่มเบาบางลงแต่ยังคงได้อารมณ์ติดสภาพแวดล้อมอากาศสบายๆ อยู่เบาๆ และความหวานโปร่งติดเขียวแห้งๆ อะโรม่าจะเริ่มกลายเป็นตัวเด่นที่จับต้องได้เลยว่ามาจากโทนหญ้าแห้ง (Hay) เคล้าพิมเสนที่จะให้ความอ้อยอิ่งแบบกลิ่นติดผิวกายอ่อนๆ และจะเริ่มจับต้องได้มากขึ้นถึงโทนวานิลลาที่มาแบบเบาๆ ไลท์เวอร์ชั่นที่มาเสริมกับกลิ่นโทนดิบที่ตามมาจากช่วงกลาง แต่ผ่อนลงมาในลักษณะให้ความอบอุ่นแบบดึงดูดมีเสน่ห์ออกทางรื่นรมย์ตามธรรมชาติในเนื้อกลิ่น ลักษณะกลิ่นเหมือนดูเรียบๆ แต่สิ่งที่ชัดเจนเลยคือ จะมีความโรแมนติคปนอบอุ่นที่แฝงอยู่ในกลิ่นแบบเนียนๆ และซึมลึกจนสร้างความประทับใจในความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้เห็นภาพบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงกับภาพยนตร์ไล่เรียงกันได้ตามนี้เลย 

- ความเหงาและอ้างว้างของ Johnny กับสภาพแวดล้อมและชีวิตที่วนเวียนเป็นวัฏจักรที่ไม่อาจหลุดพ้น 
- การมาของ Gheorghe เหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่เกิดขึ้น 
- ความละมุนละไมและความอบอุ่นที่เยียวยาจิตใจที่ชีวิตแม้จะเป็นอย่างไร ขอให้เข้าใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน เพราะกลิ่นมาสายสภาพแวดล้อมและบรรยากาศเป็นสำคัญ และแม้ว่ากลิ่นจะบอกถึงความเป็น Gheoghe ก็ตาม แต่ยังไงผู้หญิงก็ใส่ได้ เพียงแต่กลิ่นมันมีความเป็นธรรมชาติและมีบรรยากาศที่ออกทางหม่นๆ ทึมๆ อาจจะต้องผ่านน้ำหอมมาในระดับหนึ่งและถ้าเข้าใจอารมณ์ของน้ำหอมที่จะสื่อสารด้วยก็ยิ่งจะดีมากในการปรับจูนตัวเองให้เข้าถึงน้ำหอมรุ่นนี้ ที่ดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลย เพราะกลิ่นนี้ถือว่ามีความสตรองในการเล่าเรื่องผ่านกลิ่นมากเลยทีเดียว ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่จะทางการก็พอได้อยู่ หรือจะทั่วๆ ไปก็สามารถ เพราะถ้าดมผ่านๆ มันจะถือว่า Unique และขรึมพอสมควรเลย ส่วนยามค่ำคืนก็ใส่ได้ เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ไปสายที่พร้อมตะลุยราตรี ให้ใส่เพื่อซึมซับบรรยากาศผ่านกลิ่นแบบสบายๆ ทั่วไปจะดีกว่า 

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ และมากกว่านั้นได้ด้วยถ้าจำนวนสเปรย์เหมาะสม 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น เรียกว่าความเข้มข้นของบรรยากาศชัดมาก แล้วจะค่อยๆ ผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆตัวแบบยาวไปจนถึงช่วงท้ายแบบคงที่ พอพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเบาลงเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นหวานเจือเขียวแห้งๆ มีเสน่ห์ปนอบอุ่นยามเมื่อขยับเนื้อตัว 

สรุป - ส่วนตัว กลิ่นนี้ทำให้เห็นถึงฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประทับใจมาก คือ

เมื่อ Johnny กับ Gheorghe เดินขึ้นไปบนเนินสูง แล้วชมวิวท่ามกลางอากาศทึมๆ หม่นๆ เย็นๆ แต่วิวที่ปลายฟ้ามีความสว่างแบบฟ้าเปิดเคล้าโทนสีวานิลลาอ่อนๆ แล้วเมื่อ Johnny หันมาเห็นสายตาของ Gheorghe ที่มองมา มันคือความอบอุ่นที่ส่งมาให้ท่ามกลางความเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา จนทำให้ Johnny ที่เก๊กอยู่เผลอยิ้มบางๆ กึ่งเขินออกมา แล้วเบือนหน้าแก้เก้อ ไปยิ้มกับวิวที่เห็นตรงหน้าแทน รับรู้ได้อย่างทันทีว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้เกิดขึ้นกับ Johnny แล้วโดยผู้ชายที่ชื่อว่า Gheorghe” 

เพียงฉากนี้ฉากเดียว มันคือความสุขท่ามกลางอากาศทึมๆ บรรยากาศหม่นๆ ปนกลิ่นเขียวแห้งๆ ที่ทำให้เรายิ้มตามเอาได้เลย และทุกสิ่งทุกอย่างในฉากนี้สามารถสัมผัสและรับรู้ได้จากกลิ่นน้ำหอมขวดนี้ได้ด้วยเช่นกัน 

หมายเหตุ: 
1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ” 


Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/photos/a.127354841263041/296384927693364/?type=3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น