วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Review: Chanel - Eau de Cologne No 22

Chanel - Eau de Cologne No 22 

คิดถึงกลิ่นอายคมๆ ติดสบู่กึ่ง Citrus ฟุ้งๆ ของ Aldehydes เมื่อไหร่ มักจะต้องนึกถึงแบรนด์ที่จุดประกายกลิ่นอายสารหอมประเภทนี้ให้เป็นที่นิยมอย่างมาในอดีตอย่าง Chanel ทุกที โดยเฉพาะรุ่น No 5 ที่เป็นตำนานเหนือกาลเวลาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นอกจาก No 5 แล้ว ยังมีอีกรุ่นที่เรียกว่าเดินตามกันมาโดยสร้างกลิ่นอายสไตล์โทนขาวสว่างเด่นที่ความเป็นโทนสดชื่นเคล้าโทนแป้งที
่ยังคงสร้างความเป็นกลิ่นอายสาย Aldehydes ที่อมตะนิรันดร์กาล เช่นเดียวกับ No 5 ซึ่งรุ่นนั้นก็คือ No 22 ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบ EDT, EDP, Parfum และ EDC ซึ่งก็ขอมาแตะที่กลิ่นอายสาย Cologne ดีกว่าเพราะเลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีจำหน่ายอีกแล้ว เพื่อให้รู้ว่าโทนกลิ่นเป็นลักษณะไหน กับรุ่นนี้เลย Eau de Cologne No 22 

บอกก่อน - เนื่องจากลอง No 22 มาผ่านๆ แบบทุกความเข้มข้น เลยจะไม่ได้เปรียบเทียบในเรื่องความแตกต่างหรือเทียบเคียงอะไร เพราะไม่ได้ถึงกับพินิจพิเคราะห์สิ่งที่ลองผิวเผินนั้น เช่นนั้นขอเจาะที่รุ่น Eau de Cologne No 22 อย่างเดียวในการถ่ายทอดกลิ่น รวมถึงน้ำหอมเลิกผลิตไปนานมากแล้ว เลยจะเล่าตามจริงในสไตล์ความงามฉบับ Vintage แทนเน้นๆ

เปิดมาก็ใช่เลย Chanel’s Style เพราะความเป็น Aldehydes จะมาชัดมาเต็มตั้งแต่แรก เพราะกลิ่นจะมาแบบสบู่คมๆ แน่นๆ แต่ไม่ถึงกับเข้มจัด แม้จะยังมีความพุ่งอยู่ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นโทนดอกไม้ต่างๆ ที่เข้ามาผสมผสาน พร้อมกับกลิ่นโทนเขียวคมกำลังดี ซึ่งกลิ่นที่จับต้องได้ต่อจาก Aldehydes เลยคือ กระดังงาที่จะมีความนัวเย้ากำลังดี เพียงแต่ไม่ได้เข้มจัดจนยวนใจเกินกว่าเหตุ เพราะว่ากลิ่นโทนมะลิจะมีความนวล ลิลลี่ที่ให้ความหวานติด Spicy กึ่งแว๊กซ์ และกลิ่นโทนซ่อนกลิ่นที่จะมีความครีมมี่เสริมเข้ามา กลิ่นเลยจะเป็นโทนสว่างนวลขาวมากกว่าจะเป็นโทนดอกไม้เหลืองเย้าแทนทำให้ได้กลิ่นอายโทนสบู่ดอกไม้ฟุ้งออกมา แต่ไม่ได้ถึงกับแน่นหนา เพราะตัวที่สร้างอัตลักษณ์ของการเป็น Eau de Cologne คือกลิ่นโทนเขียวคมๆ เหมือนเวลาเราขยี้ใบไม้รวมถึงกลิ่นอายโทนดอกส้มที่ให้ความเปรี้ยวเขียวสดชื่นแบบสไตล์ Neroli เลยทำให้ช่วงต้นเป็นสบู่ที่มีความแน่นแต่ก็ไม่ได้หนาเกินไป ยังคงมีความสดชื่นและความสว่างนวลที่ลงตัว ที่สำคัญกลิ่นแม้จะเป็นสไตล์ Vintage แต่กับได้ความรู้สึกเข้าถึงไม่ยากและมีความเหนือกาลเวลามาแตะความร่วมสมัยได้ด้วยตั้งแต่ช่วงเปิดเลยทีเดียว 

เมื่อเริ่มมีการปรับเปลี่ยนโทนลงมาช่วง Dry Down หรือช่วงท้ายของน้ำหอม มันจะมีรอยต่อกลิ่นที่ให้อารมณ์ติดแป้งหอมหน่อยๆ ไม่ได้ดู Vintage ไป และไม่ได้ดูทันสมัยเว่อร์ๆ นัก ซึ่งจะได้ความรู้สึกกึ่งวานิลลาเจือไอริสแบบเบาๆ ได้อารมณ์แป้งหอมนวลเคล้ากลิ่นดอกไม้ที่ตามมาจากช่วงต้น แต่เพียงไม่นานวานิลลาที่ให้โทนติดแป้งนวลจะเด่นขึ้นมาแต่ไม่ได้หนักหน่วงฟุ้งแล้ว จะให้อารมณ์แป้งเจือหวานนวลติดผิวแทน โดทนมีกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ โปร่งๆ เนียนๆ อยู่ในกลิ่นด้วย ซึ่งกลิ่นจะได้ความรู้สึกโทนสว่างที่ไล่เลเยอร์ขาวไปครีมนวลสบายๆ โดยที่มีความหวานหอมดอกไม้อ่อนๆ ประปราย ซึ่งยังคงมีกระดังงาและลิลลี่บางๆ ให้จับต้องได้อยู่ ซึ่งกลิ่นจะให้ความเรียบหรูในที มีระดับ มีคลาส ให้อารมณ์เรื่อยๆ ละเมียดอบอุ่นอ่อนๆ และสร้างออร่าความรู้สึกสว่างนวลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว ซึ่งถ้าคุ้นชินกับกลิ่นอายแบบ No 5 มาก่อน ตัวนี้มาแบบเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า No 5 เสียอีก รวมถึงถ้าชอบกลิ่นสายเหนือกาลเวลากึ่ง Vintage กึ่ง Modern จัดไป ยังไงก็รอด ซึ่งสามารถใส่ได้กวาดเกือบหมดทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป จะมีก็แต่ออกกำลังกายที่ถ้าจะใส่ไปทำกิจกรรมแบบนี้ รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่ออกงานให้อารมณ์สุภาพและสว่างจะดีที่สุด เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรี จมหายไปกับกลิ่นนัวอวลทั้งหลายที่ชาวบ้านประโคมมาแข่งกันแน่นอน นอกจากนี้สำหรับผู้ชาย เอาจริง ใส่ได้สบายมากเพราะกลิ่นไม่ได้หนัก แอบติด Unisex อยู่ด้วยซ้ำไป แถมใส่ตัวนี้จะได้ออร่าสีนวลขาวปนครีมที่ดูเรียบหรูมีระดับเสียด้วยซ้ำ

ความทน - เพราะเป็น Eau de Cologne ความทนเลยอยู่ในระดับกลางๆ ประมาณ 4 - 6 ชม. อาจจะมียาวไปต่อได้อีกบ้างก็ว่ากันไปตามจำนวนสเปรย์ และสภาพผิวที่เก็บกักน้ำหอมได้มากหรือน้อย 

การกระจาย - กระจายดีตอนแรก แล้วจะผ่อนลงไวพอสมควรมาที่ออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent ในที่สุด 

สรุป - กลิ่นเหนือกาลเวลามาก กับตัว Eau de Cologne No 22 กลิ่นนี้ เพราะแม้จะมีความเป็น Aldehydes สไตล์ Chanel แต่เนื้อกลิ่นมีความร่วมสมัยที่แตะได้ทุกยุคเลย แถมได้ลักษณะกลิ่นแนวๆ No 5 L’Eau ที่ปรับเปลี่ยนโทนของ No 5 ให้ทันสมัยกับยุคปัจจุบันเสียด้วย ซึ่งเสียดายมาก เพราะกลิ่นนี้ดีจริงๆ และไม่ได้ทำต่อแล้ว รวมถึงรุ่น EDT ก็เลิกไปไม่นานนี้เองกับการเป็น Les Exclusifs de Chanel ที่ปรับเป็น EDP แล้วทั้งหมด เช่นนั้น เห็นทีคงต้องไปเจอกับ EDP เน้นๆ ถ้าต้องการจะเก็บกลิ่นนี้ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit https://global.rakuten.com/en/store/himawari2013/item/19338/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น