วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Review: DI SER - Shiragoromo

DI SER - Shiragoromo 

สีขาวเป็นหนึ่งในโทนสียอดฮิตไม่น้อยในการนำมาเป็นแรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์น้ำหอมมานักต่อนัก ซึ่งก็เป็นไปตามแต่ละ Concept และเป้าหมายที่จะสื่อสารความเป็นสีขาวในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรียบหรู มีระดับ บริสุทธิ์ อ่อนโยน สว่างไสว นุ่มนวล สะอาด สบาย รวมถึงเย้ายวนเซ็กซี่ก็สามารถ เช่นเดียวกับงานแฟชั่นดีไซน์ที่สามารถเอาสีขาวมาสร้างสรรค์ชุดและเสื้อผ้าในอารมณ์และทิศทางที่หลากหลายไ
ด้เช่นกัน 

และเมื่อแบรนด์ญี่ปุ่นสาย Natural Perfumery อย่าง DI SER ได้สร้างสรรค์กลิ่นอายสีขาวขึ้นมา โดยมีแรงบันดาลใจมาจากชุดเสื้อผ้าสีขาวนวล (ให้นึกภาพแนวๆ ชุดกิโมโนสีขาวล้วนหรูๆ หรือชุดผ้าฝ้ายขาวล้วนเรียบๆ มีเสน่ห์แบบญี่ปุ่นก็ได้) ซึ่งจะออกมาในลักษณะไหน และสร้างสรรค์กลิ่นออกมาให้รับรู้อารมณ์ทางกลิ่นอย่างไรบ้างในการเป็นกลิ่นอายสีขาว ก็ว่ากันที่น้ำหอมรุ่นนี้เลย Shiragoromo 

Shira แปลว่า สีขาวส่วน Goromo แปลว่า เสื้อผ้าซึ่งสื่อสารทางชื่อชัดเจนขนาดนี้ แต่ช่วงต้นกลับให้อารมณ์ก่อนเกิดความสว่างขาวนวลเยือกเย็นเสียมากกว่า อารมณ์กลิ่นจะค่อนไปทางผ้าดิบก็ได้อยู่ หรืออารมณ์ติด Dirty ก่อนที่จะสะอาดขาวนวลก็ได้เช่นกัน เพราะกลิ่นเปิดคือช่วงที่อาจทำให้เอ๋อๆ ไปบ้าง ซึ่งจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างโทน Citrus ที่จะมีมะนาวเปรี้ยวเด่นวูบขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นของส้มยูซุที่ให้บรรยากาศเจือหอมเปรี้ยวอมหวานที่เป็นโทนสว่าง แต่จะมีกลิ่นที่ออกทางตุ่ยๆ เจือ Animalic ติดสาบปนชีส ซึ่งแน่นอนนั่นคือกลิ่นไม้กฤษณาหรือ Oud ที่มาในโทนไม้หอมดาร์กติดชีส เป็นลักษณะคล้าย Oud ที่มาจากลาวที่จะให้โทนแบบนี้ รวมทั้งได้เจอกันครั้งแรกกับกลิ่นโทนโกฐชฎามังสี หรือ Spikenard ที่จะเป็นลูกผสมของกลิ่นแนว Earthy ออกทางพิมเสนเย็นๆ ติดซ่าฉุนเคล้ากลิ่น Animalic Musk ที่มีความหวานปนตุ่ยเข้ามา ทำให้กลิ่นในช่วงต้นจะเป็นช่วงหยินหยางกันพอสมควรเพราะมีทั้งโทนสว่างและโทนดาร์กติด Dirty ที่ตีคู่ไปด้วยกัน ให้ความสดชื่นติดสาบตุ่ยๆ แบบที่อาจจะทำให้อึ้งไปพอสมควร แต่กลิ่นนี้ไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่ เข้าทางลักษณะการเป็น น้ำหอม Niche ที่กลิ่นเปิดไม่ได้ทำให้ทุกคนสามารถพึงใจได้เหมือนๆ กันจนเป็นแพทเทิร์นทั่วไปอยู่แล้ว 

แต่เมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพราะโทน Citrus เริ่มจางไป รวมถึงความตุ่ยๆ อึนๆ สาบๆ เริ่มเบาตัวลง แล้วกลิ่นดอกมะลิเคล้ากลิ่นกุหลาบเริ่มเปิดตัวออกมา กลิ่นโทนโกฐชฎามังสีเริ่มให้ความ Earthy ติดหวานซ่าๆ เย็นๆ เป็นหลัก โดยยังมีโทน Musky รองพื้นอยู่ด้านหลัง ก็เป็นการเข้าช่วงกลางของน้ำหอมที่เรียกว่าช่วงเวลาผืนผ้าสีขาวจริงๆ เพราะเนื้อกลิ่นจะให้ความหอมเย็นๆ ของดอกไม้ขาวของมะลิที่เจือหวานหอมกุหลาบ และมีความโปร่งจมูกจากโทนสมุนไพรปร่าซ่าเจือหวานเข้ามาอีกทำให้กลิ่นจะลักษณะหอมอ่อนโยนและเยือกเย็นมีระดับอย่างลงตัว (บางวูบให้ความรู้สึกแบบน้ำอบดอกไม้ไทยโบราณอบกำยานอ่อนๆ หรือน้ำปรุงดอกไม้กลิ่นอ่อนหอมชื่นใจที่ทำจากดอกไม้ธรรมชาติจริงๆ) ซึ่งกลิ่นช่วงนี้คือความงามทางกลิ่นของโทนดอกไม้ขาวที่ให้ความสว่าง หวาน อ่อนโยน และอะโรม่ารื่นรมย์ได้ชัดเจนมาก คุมโทนสีขาวได้อย่างดีงามสุดๆ จนแบบว่าลืมช่วงแรกที่มาแบบแปลกๆ ไปได้เลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นโทนหอมระเรื่อดอกไม้ขาวโปร่งจมูกนี่แหละที่จะอยู่กันยาวๆ แบบค่อยๆ ผ่อนตัวลง ไปผสมผสานกับกลิ่นโทนไม้หอมเจือติดเขียวติดชื้นหวานนิดๆ ทำให้ได้อารมณ์แบบกลิ่นไม้หอมเจือยางไม้เขียวๆ ที่เบาๆ ติดจืดแอบฉ่ำเล็กๆ ปนหวานเคล้ากลิ่นดอกไม้ขาวบางมีความใส ทำให้ได้ความรู้สึกธรรมชาติติดหวานอ่อนๆ ชื้นๆ กำลังดี กลิ่นมีความรื่นรมย์เรียบหรูในความเรียบง่าย แบบที่ให้นึกภาพตามได้เลยว่า เหมือนเราใส่ชุดสีขาวยืนอยู่ในพื้นที่สีเขียวติดชื้นที่มีกลิ่น Airy หอมหวานดอกไม้เจือความเขียวและไม้หอมอ่อนๆ นั่นแหละ คืิอ กลิ่นปิดท้ายของ Sharagoromo ที่จะคลอผิวให้ความรื่นรมย์ไปตลอดจนกว่าจะจางไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ซึ่งแม้จะเปิดตัวตุ่ยๆ ไปนิดนึงและเป็นกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเด่นก็ตาม แต่ความงามทางกลิ่นนี่เต็ม 100 แถมให้อารมณ์ปลอดโปร่งสว่างปนอ่อนโยนได้ดีมาก ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและทั่วๆ ไป ซึ่งเน้นให้ความเป็นธรรมชาติ สว่าง อ่อนโยน เรียบง่าย เรียบหรู มีระดับ และสดชื่นตามธรรมชาติเป็นสำคัญ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับแนวๆ กิจกรรม Adventure หรือว่าออกกำลังกายเท่าไหร่ ส่วนยามค่ำคืน เน้นใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้เข้ากับการท่องราตรีแต่อย่างใด 

ความทน - ตัวนี้มาสาย Pure Parfum กลิ่นเลยจะมีความเข้มข้นและคงตัวดีพอสมควร ที่สำคัญเพราะการมีกลิ่นไม้หอมและสมุนไพรของโกฐชฎามังสีเข้ามาเป็นฐานกลิ่นด้วย เลยทำให้กลิ่นอยู่ได้ยาวนานบนผิวได้ยาวเลยทีเดียว กับราวๆ 8 - 10 ชม. เป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดทอนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว ก่อนที่จะเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นระเรื่อๆ ยามขยับเนื้อตัว ซึ่งคุมโทนได้ดีในการเป็นกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความสุภาพและไม่รบกวนใคร

สรุป - มันคือความงดงามทางกลิ่นโดยแท้ ไล่เรียงจากจุดเริ่มต้นที่อาจจะมีความ Dirty เข้ามาเจือปนบ้าง แล้วจึงเข้าสู่โทนขาวนวลระเรื่อแบบผ้าผืนสีขาวที่สะอาดหอม แล้วค่อยรวมเอาความเป็นบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวเข้ามาร่วมด้วย อีกหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์นี้จริงๆ ที่ถ่ายทอดความเป็นกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.diser-parfum.com/en/index.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น