Review: DI SER - Akanesasu
DI SER - Akanesasu
เมื่อได้เห็นชื่อรุ่นของ DI SER อย่าง Akanesasu เป็นครั้งแรก คำว่า “ดินแดนอาทิตย์อุทัย” ก็เด้งขึ้นมาเลย เพราะเมื่อรวมเอาคำว่า Akane และ Sasu
เข้าด้วยกัน จะแปลออกมาได้เลยว่า “แสงอาทิตย์ส่องประกาย”
ซึ่งเพียงแค่นี้ก็ทำให้เกิดความน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียวกับกลิ่นอายที่สื่อสารถึงช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ส่องประกายแรกสุดบนท้องฟ้าในสไตล์แบบญี่ปุ่น เพราะดวงอาทิตย์ถือเป็น 1 ในสิ่งที่มีความผูกพันทางด้านความเชื่อและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เช่นนั้น ก็ต้องลองกันหน่อยว่ากลิ่นอายจะเป็นธรรมชาติและส่องประกายอย่างไรบ้าง
Akanesasu จะเป็นตัวด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของบรรยากาศในลักษณะยามเช้าที่แสงแดดเริ่มส่องประกายชัดเจนมาก
โดยการนำเอากลิ่นอายโทนสดชื่นติดสว่างอย่างส้มเป็นตัวชูโรง
ซึ่งกลิ่นส้มจะมาแบบติดเปรี้ยวสดชื่น ไม่ถึงกับฉ่ำหรือแห้งเกินไป และมีโทนสดชื่นติด Spicy
ขมปนเขียวหน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เข้ามาเสริมโทนสร้างบรรยากาศติดเย็นๆ
สดชื่นตอนเช้าได้อย่างชัดเจนมาก กลิ่นจะมีความเป็นธรรมชาติมากในการสื่อสารความรู้สึก
เพราะทำให้ได้บรรยากาศกลิ่นอายตอนเช้ามืดและแสงอาทิตย์ที่สร้างความรื่นรมย์ยามเช้าได้เป็นอย่างดีมาก
เพียงแค่แรกฉีดเลยทีเดียว
ความสดชื่นของกลิ่นส้มจะยังไม่ได้ไปไหน
ยังอยู่ยาวไปต่อที่ช่วงกลางที่จะมีกลิ่นมะลิเข้ามาเสริมแบบเบาๆ สบายๆ
ทำให้เป็นช่วงที่เป็นส้มเจือมะลิที่ให้ความเป็นสีออกทางท้องฟ้าที่เมฆต้องแสงอาทิตย์แล้วมีมีออกทางส้มเจือครีมนวลมากขึ้น
มีการพัฒนาเป็นไปตามช่วงเวลาจากเช้าตรู่มาสู่ช่วงเช้าที่แสงแดดเจิดจ้ามากขึ้น
กลิ่นจะไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใดมีความเรียบง่ายที่เป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องเยอะสิ่งแบบมินิมัลเลย
แบบท้องฟ้าก้นเมฆและบรรยากาศช่วงนั้นเป็นอย่างไร ถอดออกมาได้หมดแบบไม่ต้องใส่ทุกสิ่งทุกอย่างให้ดูเว่อร์วังและพยายามแต่อย่างใด
ซึ่งกลิ่นจะดำเนินไปซักระยะจนเมื่อโทน Citrus
เริ่มเบาบาง กลิ่นมะลิจะไปเจอกับหญ้าแฝกที่สะอาดๆ เรียบๆ
อารมณ์ไม้แห้งๆ สะอาดๆ สว่าง และเป็นโทนเบาๆ Airy แบบบรรยากาศเวลาแดดต้องกลิ่นไม้อ่อนๆ
บางๆ ให้เราได้รับรู้เวลาเดินผ่าน ซึ่งแน่นอนยังคุมโทนความเรียบง่ายเรื่อยๆ
มาเรียงๆ อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีความซับซ้อนแต่อย่างใด
มีความตรงไปตรงมาที่เรียบง่ายและงดงาม
เหมาะสำหรับ -
ทุกเพศเลย ใช้ได้ทุกวัย (ยกเว้นเด็กน้อยมากๆ) เพราะกลิ่นสร้างโทนบรรยากาศที่เข้าถึงได้ง่ายไม่พอ
ยังมีความเป็นธรรมชาติที่เรียบง่ายแต่สร้างความสุขในการได้รับกลิ่นได้ไม่ยากอีกด้วย
ซึ่งกวาดหมดในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แม้กระทั่งใส่ออกกำลังกายยังได้เลย
(ถ้าไม่กลัวเปลือง) ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อสร้างอะโรม่าความสดชื่นเวลาอากศร้อนๆ
จะดีมาก แต่ตัดทิ้งการใส่เพื่อไปท่องราตรีได้เลย หายแซ่บหายสอยโดนกลบมิดแน่นอน
ความทน -
เพราะคุณภาพกลิ่นที่ยอดเยี่ยมและเป็นสาย Natural
Perfumery ต้องทำใจก่อนเลยว่าจะไม่ทนมากแม้จะความเข้มข้นระดับ Eau
de Parfum ก็ตาม ซึ่งจากที่ได้ใช้จริงอยู่ระหว่าง 2 - 3
ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีไปตะ 4 ชม.
ได้บ้างเวลาอยู่ในห้องแอร์ตลอด ก็ว่ากันตามสภาพอากาศด้วยส่วนหนึ่ง
การกระจาย -
กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น เรียกว่าให้ความผ่อนคลายกับตัวเองหรือคนที่อยู่ใกล้ๆ
เราเป็นหลัก แล้วจะลดลงเรื่อยๆ มาที่ออร่ารอบๆ ตัว แล้ว Skin Scent จนจางไปตามเวลาในที่สุด
สรุป - Sunrise in the Bottle ได้เลย
เพราะเป็นกลิ่นยามเช้าอากาศเย็นๆ ที่สื่อสารทางกลิ่น
โดยให้ภาพไล่เรียงความเป็นแสงแดดส่องประกายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ -->
เช้า --> เช้าค่อนไปแตะยามสาย
ได้ธรรมชาติและดีงามมากจริงๆ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.gents.com/di-ser-akanesasu-parfum-33-ml
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น