วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563

Review: Francesca Bianchi - Sex and the Sea


Francesca Bianchi - Sex and the Sea

สิ่งแรกที่สะดุดตาก่อนเลยคือชื่อรุ่นน้ำหอม ที่ได้เห็นครั้งแรกเมื่อปี 2017 จากแวดวงน้ำหอม Niche Perfume ที่เป็นสายอินดี้ เพราะชื่อสื่อสารกันได้อย่างตรงไปตรงมามากอย่าง Sex and the Sea ซึ่งก็ว่ากันไปว่าแต่ละคนจะนึกภาพตามชื่อรุ่นน้ำหอมนี้อย่างไรต่อ แล้วพอไปดูแบรนด์ที่สร้างสรรค์น้ำหอมรุ่นนี้ขึ้นมาก็เลยได้รู้จัก Francesca Bianchi มาตั้งแต่นั้น กับการเป็นสุคนธกรชาวอิตาลีที่ไปอยู่ในเนเธอแลนด์ และสร้างสรรค์น้ำหอมสายอาร์ตต่างๆ ในรูปแบบของ Extrait de Parfum หรือ Pure Parfum มาตั้งแต่ปี 2016

ที่สำคัญเมื่อได้เห็นสิ่งที่สายกูรูน้ำหอมและเว็บบอร์ดหรือกลุ่มน้ำหอมทั้งหลายต่างชื่นชมและยกย่องน้ำหอมแบรนด์นี้มาเรื่อยๆ จนเมื่อกิเลสสุกงอมได้ทีเราก็ต้องหามาลอง ซึ่งแน่นอนต้องพุ่งเป้ามาก่อนเลยทีสิ่งที่เคยสะดุดตามาตั้่งแต่แรกรู้จัก เช่นนั้น มาเรียนรู้กันดีกว่าว่า Sex and the Sea ที่แบรนด์นี้ทำจะมีท่วงท่าทางกลิ่นอย่างไรบ้าง

กลิ่นเปิดทำเอาสตันกันไปพอสมควร เพราะตอนแรกรู้สึกถึงกลิ่นอายสไตล์ค็อกเทล Pina Colada ที่เป็นการผสมผสานเหล้ารัม น้ำสับปะรดและมะพร้าวกะทิ แต่แว๊บเดียวก็ต้องลบทิ้งไปหมด เพราะมิติกลิ่นเปลี่ยนแปลงไปเป็นโทนน้ำสับปะรด หวานที่วูบขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นโทนมะพร้าวกึ่งซันแทนโลชั่นแทน และไม่พอยังมีกลิ่นอายสายดอกไม้สีเหลือง 2 โทนที่เสริมขึ้นมาไวมาก นั่นคือ Mimosa หรือดอกกระถินเทศสีเหลืองที่ให้ความเขียวเจือหวานติดอินโนเซนส์ กับดอก Immortelle ที่ให้ความเป็นกลิ่นโทนคาราเมลหวานแห้งๆ ติดสมุนไพรที่มีความดึงดูดลุ่มลึก และยังไม่พอฉากหลังของกลิ่นในช่วงนี้จะมีโทนติดเค็มปน Animalic แบบผิวกายอวลเค็มชื้นหน่อยๆ และมีโทนติดแป้งอับเซ็กซี่ติดชื้นเนียนๆ แนวๆ ดอกไอริสหรือหัวเหง้าออริส ที่มาเป็นตัวสนับสนุนให้กลิ่นมีมิติที่ซ้อนและผสมผสานกันเป็นลักษณะกลิ่นอายหวานเย้าเจือเค็มเคล้าผิวกายที่ติดชื้นเหงื่อที่มีความเขียวอ่อนๆ กลิ่นโลชั่นซันแทนมะพร้าวเย้าจมูก และมีกลิ่นสับปะรดที่สร้างบรรยากาศหวานอวล ซึ่งสื่อสารอารมณ์กลิ่นได้เห็นภาพชัดเจนมากโดยให้นึกภาพตามได้เลยว่า เหมือนฉากเริ่มต้นกิจกรรมที่ต่างคนต่างได้กลิ่นอวลผิวกายลักษณะแบบนี้จากฝ่ายตรงข้ามแล้วดึงดูดเข้าหากัน โดยมีกลิ่นบรรยากาศที่หวานเจือเค็มเป็นสิ่งเร้าเข้ามาอีก ซึ่งเรียกว่ากลิ่นมีความซับซ้อนที่วูบวาบกันอย่างมากตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว และที่แน่ๆ ไม่มีกลิ่นทะเลทื่อๆ ตรงๆ โต้งๆ มาทำให้รู้สึกแย่งซีนกลิ่นอายปลุกเร้าแต่อย่างใดด้วย

ยิ่งเมื่อกลิ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนสถานะเป็นเข้าสู่ช่วงกลาง ต้องบอกว่านี่แหละมหกรรมความนัวกันอย่างชัดเจน มิติกลิ่นจะจับต้องได้หมดทั้งโทนปลุกเร้า โทนดิบห่าม โทน Sexy โทนเย้ายวนรัญจวน โทนหวานติดเขียวล้ำ โทนอับนัว โทนชื้นลื่นติดเค็ม โทนลุ่มลึก โทนอบอุ่น โทน Dirty โทนดาร์ก โทนดึงดูด ซึ่งเหมือนทุกอย่างในช่วงต้นจะมารวมตัวกันในช่วงนี้เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของคำว่า Sex and the Sea (หรือเอาจริงๆ ก็ Sex ริมหาดในที่ลับตาคนก็แล้วกัน) ซึ่งกลิ่นโทนซันแทนจะมีลักษณะของกลิ่นเหงื่อและกลิ่นติด Dirty สาปผิวกายที่มีทั้งโทนติดเค็มที่เริ่มจับต้องได้แล้วว่ามาจากกลิ่นอำพันปลาวาฬ หรือ Ambergris และโทนชะมดเช็ดเป็นฐานกลิ่นสำคัญสนับสนุนให้ผู้เล่นต่างๆ อย่างกลิ่นหวานลึกล้ำปนเขียวอับชื้นที่ผสมผสานจาก Mimosa ดอก Immortelle กุหลาบแห้ง สับปะรด ครีมมะพร้าว และกลิ่นโทนยางไม้แนวๆ Opoponax ที่ให้ความหวานเย้าแห้งอับ สร้างลักษณะกลิ่นนัวติดสารคัดหลั่งบางอย่าง เช่น เหงื่อ เป็นต้น รวมถึงกลิ่นโทนอบอุ่นปนอับเซ็กซี่ของโทนไอริส โทนแอมเบอร์ ที่ผนึกความล่อลวงลึกล้ำลงไปอีก ให้นึกภาพตามง่ายๆ ว่า ช่วงกิจกรรมเข้าจังหวะน่ะแบบที่ผิวกายทาซันแทนอยู่ริมทะเล และฮอร์โมนทุกอย่างตื่นพร้อมเต็มที่เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ ในการค้นหาซอกมุมหลืบหรือของที่ยื่นได้ใต้ร่มผ้าต่างๆ กลิ่นอายรวมๆ มันเป็นอย่างไง นั่นแหละ ช่วงนี้บอกเล่าแบบนี้เลย ภาพก็มากันเต็มๆ เลยจ้า

เมื่อกลิ่นโทน Sex ทั้งหลายค่อยๆ เฟดตัวเองลงมาเรื่อยๆ จนเริ่มมีโทนอบอุ่นออกทางวานิลลาติด Smoky หน่อยๆ กลิ่นยางไม้ที่ลุ่มลึกอบอุ่นปนหวานแนวๆ กำยาน Benzoin และ Myrrh กลิ่นโทนแอมเบอร์ลึกๆ กลิ่นไม้หอมครีมมี่ติดแห้งที่เริ่มแทรกตัวขึ้นมากลายเป็นตัสหลักในการเดินกลิ่น โดยที่ยังมีกลิ่นโทนชะมดเช็ดหรือ Civet ที่ให้ความ Animalic สาบเร้ากับ Ambergris ที่ให้อารมณ์ผิวกายติดเค็มนวลที่ยังคงเป็นสายสนับสนุนอยู่ ก็เป็นการปรับโทนเข้าช่วงท้ายของน้ำหอม ที่จะเริ่มมีลักษณะติด Vintage เบาๆ แบบสายอบอุ่นปนเย้ายวนเป็นหลักแล้ว กลิ่นจะไม่ได้ล่อลวงนัวลุกล้ำจัดๆ อะไรแบบช่วงกลางแล้ว แต่ยังคุมโทนความดาร์กและ Animalic เป็นฐานกลิ่น โดยให้ความอบอุ่นแบบกลิ่นไม้หอมเจือวานิลลาติดโทนแห้งที่มีความหวานประปราย แอบมีกลิ่นซันแทนอ่อนๆ กับกลิ่นดอกไม้ Immortelle คลออยู่อ่อนๆ ด้วย อารมณ์กลิ่นไม่ได้อับนัว แต่มีความปลอดโปร่งในโทนอบอุ่นมากขึ้น อ่ะ นึกภาพตาม ก็เสร็จกิจกรรมแล้วซบกอดกันให้ความอบอุ่นปนหวาน พวกกลิ่นอับเสียดสีชื้นๆ อะไรมันก็ระเหยไปเกือบหมดแล้วน่ะสิจ้ะ

เหมาะสำหรับ - Unisex กลิ่นมีความกลางๆ ที่แตะได้ทั้งหญิงและชาย เพราะกลิ่นจะมีมิติที่สลับสับเปลี่ยนเดี๋ยวบางวูบมาออกทางผู้หญิง แต่พอดมอีกทีมันก็ผู้ชายได้นี่นา เช่นนั้น Sex มันคนเดียวไม่ได้ มันก็ Unisex ไปนั่นแหละ ซึ่งบอกเลยกลิ่นนี้มีความยากในการใช้สูง เพราะไม่ได้เข้ากับยามทางการและออกกำลังกายแบบเข้าฟิตเนตเข้าคลาสเต้นแต่อย่างใดเลย และอย่างน้อยต้องผ่านน้ำหอม Niche ที่มีความซับซ้อนมาพอสมควรจะเข้าใจกลิ่นได้ง่ายขึ้น ไม่งั้นเพียงแต่ได้กลิ่นช่วงต้น อาจจะแบบว่า “กลิ่นอะไรของมันวะเนี่ยเอาได้” ซึ่งควรใช้โดยดูตามความเหมาะสมแล้วกัน (ส่วนตัวใส่อยู่บ้าน ใส่ไปเดินเล่นห้าง และแอบใส่ไปทำงาน Office แบบน้อยสเปรย์ได้อยู่นะ) ส่วนยามค่ำคืนถ้ามั่นใจใส่ไปท่องราตรี อันนี้ก็จัดไป หรือจะใส่เย้ายวนใครแบบที่สเปรย์อย่าเยอะมันเข้มข้นมาก ก็อาจจะสร้างความเซ็กซี่ดึงมาดูดส่วนบุคคลได้เลยนะนั่น

ความทน - มากกกกกกกกก คือ ข้ามวันจ้ะนายจ๋า มัน Pure Parfum อ่ะ ความเข้มข้นมันสูงมาก มันก็ติดตั๋งหนับมากจริงๆ ขนาดเสื้อที่สวมแบบไม่ได้ฉีดเข้าเสื้อตรงๆ ซักแล้วกลิ่นยังติดแบบเบาๆ อยู่เลย เออออ เด็ดตรงนี้

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีเสมอต้นเสมอปลายเลย เปิดกระจายดียังไง ก็ลากยาวแบบนั้นไปจนถึงปลายช่วงกลาง ที่จะเริ่มเบาลงมาเป็นกึ่งออร่ารอบๆ ตัวกึ่งปานกลางไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 12 ชม. ก็ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวยาวไปจนกว่าจะอาบน้ำแล้วจะกลายเป็นกลิ่นติดผิวเบาๆ

สรุป - จากที่ถ่ายทอดและบอกเล่ากลิ่นน้ำหอมมาหลายปี ต้องบอกว่านี่คืออีกกลิ่นที่เขียน Review ยากมากจริงๆ เพราะความซับซ้อนที่สลับเลเยอร์หลากหลายโทนในความเป็น Sex and the Sea มันมีมิติที่หลากหลายมาก ซึ่งแม้ว่าเป้าหมายปลายทางของกลิ่นคือ ความอีโรติคริมหาดที่นัวกันอย่างเต็มแม็กซ์ แต่ลูกเล่นของกลิ่นมันสามารถทำให้ต้องเลือกได้เลยระหว่าง “รักหรือเกลียด” เพราะในมุมชาวตะวันตกกลิ่นนี้จะสร้างอารมณ์ที่ไล่เรียงคำว่า Sex ริมหาดในแบบฝั่งชาวตะวันตกได้ลงลึกอย่างมีศิลปะถึงกลิ่นอายที่ควรจะเป็นได้เห็นภาพและเป็นธรรมชาติจากสเต็ปสู่สเต็ปได้แบบ อืมมมมม วู้ววววว เลย แต่ถ้าคนไทยอย่างเราๆ อาจจะไม่ได้คุ้นชิน และอาจจะนึกถึงกลิ่นอายโทนพลาสติคหรือกลิ่นเอียนๆ จนแพ้บายไปแบบไม่รอช่วงท้ายได้เลย ซึ่งส่วนตัวขอเลือกคำว่า “รัก” ให้กลิ่นนี้ เพราะมันสร้างภาพให้รู้สึกได้ชัดจริงๆ ว่าถ้าจะต้องฟาดฟันอะไรกันริมหาดกับชาวตะวันตกซักคนมันก็ต้องกลิ่นแบบนี้แหละ 555555

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.fragrantica.com/perfume/Francesca-Bianchi/Sex-and-the-Sea-40883.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น