วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Review: Penhaligon’s - Ostara

Penhaligon’s - Ostara

Daffodil ชื่อนี้คนไทยอาจจะได้ยินผ่านๆ มาในช่วงหนึ่งแต่อาจจะยังงงๆ กันอยู่ว่าเป็นดอกไม้แบบไหน
 ประเภทไหน แต่ถ้าพูดว่าชื่อนี้คือ ดอกดารารัตน์ดอกไม้ที่มีความผูกพันลึกซึ้งในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเป็นอย่างมาก จนนำมาเป็นดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพที่ประชาชนนำไปถวายแสดงความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนก็จะเข้าใจกันในทันที แต่อาจจะไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นกันนอกจากเห็นด้วยตาหรือได้ลงมือทำ เช่นนั้นเมื่อได้พบเจอน้ำหอมที่บ่งบอกถึงกลิ่นอายของดอกดารารัตน์และก็มากับแบรนด์สายเรียบหรูอย่าง Penhaligon’s ก็ต้องมาถ่ายทอดกันหน่อยว่าดอกไม้ที่สวยงามสว่างสไวและมีความลึกซึ้งชนิดนี้กลิ่นอายจะมาในลักษณะไหนและเป็นอย่างไรกับรุ่นนี้เลย Ostara 

Ostara ในทางตะวันตกถือว่าเป็นวันแรกของการเริ่มฤดูใบไม้ผลิ มักตรงกับวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี เช่นนั้นกลิ่นนี้จะเป็นการเปิดต้นทางของความเป็นฤดูใบไม้ผลิกับการนำเอากลิ่นอายของดอกไม้ปนกลิ่นอายสดชื่นติดเขียวตามธรรมชาติ ยืนพื้นที่ดอกดารารัตน์เป็นกลิ่นอายหลักที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งต้องยกให้เขาเลยว่าทำกลิ่นออกมาได้มีความเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกลิ่นอายจริงๆ ของดอกไม้ประเภทนี้ ซึ่งกลิ่นเปิดจะมากับโทนสว่างของกลิ่นด้วยโทนเขียวอมหวานที่มีความเป็นธรรมชาติมาก ให้ความรู้สึกแบบสวนดอกดารารัตน์ที่แซมไปด้วยหญ้าเขียวๆ และกลิ่นดอกไม้อื่นๆ ประปราย กลิ่นจะไม่ได้คมหรือบาดเลย เพราะจะมีความหวานเจือๆ อยู่ในเนื้อกลิ่นที่มีความเขียวตุ่นๆ เบาๆ แบบที่เวลาเราดมดอกไม้หรือนั่งเล่นในทุ่งหญ้า ซึ่งจะแอบจับได้ถึงกลิ่นส้มจางๆ หวานฉ่ำหน่อยๆ กลิ่นเขียวโปร่งปนหวานของใบไวโอเล็ต กลิ่นเขียวซ่าบางๆ จากจูนิเปอร์ และกลิ่นออกทางโปร่งสว่างเจือสบู่จางๆ ของ Aldehydes ที่ผสมผสานอยู่ในความเขียวธรรมชาติติดเมือกนิดๆ และกลิ่นอายดอกไม้ที่เด่นนำด้วยดอกดารารัตน์ ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้ชัดเจนมากมายเหมือนเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่ออกทางเขียวปนหวานใสฟุ้งๆ ออกมาและจะอยู่ยาวพอสมควรเลยทีเดียวเพราะรอยต่อระหว่างช่วงต้นกับช่วงกลางเนียนเรียบรับช่วงต่อกันได้สมูธมาก ต้องผ่านได้ซักราวๆ ชั่วโมงได้ถึงจะเริ่มสัมผัสได้ว่ากลิ่นเริ่มปรับโทนให้รับรู้บ้างแล้ว 

การเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางที่จับต้องได้จะเริ่มเป็นการชูโรงกลิ่นดอกดารารัตน์ที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งกลิ่นช่วงต้นที่จะดรอปลงมาอีกหน่อยเพื่อเป็นสายสนับสนุนเต็มๆ ให้กลิ่นมีโทนลักษณะสวนดอกไม้สว่างๆ ปนกลิ่นเขียวอะโรม่าธรรมชาติอยู่เช่นเดิม โดยมาจากการผสมผสานที่ลงตัวมากจากทั้งความเป็นดอกดารารัตน์เองที่กลิ่นเขียวดึงดูดติดเมาตุ่นๆ เล็กๆ ดอกไฮยาซินท์ที่ให้ความเขียวใสออกทางเมือกๆ กลิ่นโทนเหลืองเย้ายวนของกระดังงา และกลิ่นออกทางหวานจางปะแล่มๆ ของดอกฮาวโทรน กลิ่นออกทางจืดฉ่ำหวานเจือของไลแลค ซึ่งเป็นการผสมผสานกันออกมาแล้วมีกลิ่นหวานดอกไม้ติดแว็กซ์ที่มาจากสีผึ้งเสริมเข้ามาด้วยจนกลายเป็นกลิ่นออกทางดอกดารารัตน์ที่เขียวอมหวานตามธรรมชาติได้ดีมาก เนื้อกลิ่นจะให้ความรื่นรมย์เรื่อยๆ ไประยะหนึ่งจนเมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่ากลิ่นมีความอุ่นนวลปนครีมมี่บางๆ เข้ามาของวานิลลา ก็เป็นการเปิดทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของวานิลลาจะมาแบบ Lite Version ให้ความครีมนวลคลอเคลียความเขียวอมหวานโปร่งที่เจือในเนื้อกลิ่นอยู่ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม้หอมอ่อนๆ และโทนนุ่มสะอาดของ Musk รองพื้นให้กลิ่นนวลละมุนมากขึ้นโดยไม่ทิ้งโทนหลักของน้ำหอม คือ ความเป็นโทนสว่างออกทางโทนสีเหลืองนวลเหมือนดอกดารารัตน์ที่ชูดอกรับแสงแดดอบอุ่นให้ความรื่นรมย์ทางสายตาที่เราได้เห็นและกลิ่นที่เราได้สัมผัส ตลอดจนเก็บไว้ในความทรงจำเหมือนกับความหมายของดอกไม้ประเภทนี้ นั่นคือ 

แรงบันดาลใจ ความทรงจำ ความหวัง การเริ่มต้นใหม่ และความดีงาม 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้อย่างสบายมาก แต่กลิ่นไม่ได้ถือว่าใช้ง่ายนัก เพราะต้องมีประสบการณ์ผ่านน้ำหอมโทนดอกไม้ปนเขียวๆ อะโรม่ามาบ้างจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เพราะกลิ่นที่ธรรมชาติมากไปอาจจะทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่น้ำหอมและแปลกๆ ในความรู้สึกเอาได้ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะมีความอะโรม่าเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว กลิ่นสามารถใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ ออกกำลังกายอาจจะไม่ค่อยเข้าทางนักแต่รอช่วงท้ายๆ ก็ได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความสดใสและความหอมผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติจะลงตัวที่สุดมากกว่าใส่ไปท่องราตรีแน่นอน ส่วนคุณผู้ชายบอกกันตามตรงว่า กลิ่นนี้มีความ Unisex อยู่พอสมควร เพราะว่าเป็นกลิ่นอายสายบรรยากาศผู้ชายใช้ได้สบายๆ ถ้าไม่มายด์ว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ 

ความทน - กลิ่นทนอยู่ที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด รวมถึงสภาพผิวกายของแต่ละตัวบุคคลด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบปานกลางแบบเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว 

ทิ้งท้าย: 
1. กลิ่นนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความชอบทุกคนนัก เพราะพื้นฐานคือความเขียวอมหวานมีกลิ่นอายเมือกเขียวๆ จากพืชตามธรรมชาติ ค่อนข้างอิงตามผิวกายคนใช้ในระดับหนึ่งเลยว่าจะออกมาดีหรือว่าขอผ่าน และแน่นอนว่ากลิ่นนี้เลิกผลิตแล้ว 
2. เป็นหนึ่งในกลิ่นที่รักมากของเข็มขัดสั้น เพราะนอกจากทำให้นึกถึงพ่อหลวง ร.9 แล้วกลิ่นยังทำให้รู้สึกรื่นรมย์และสว่างสไวให้ความรู้สึกแบบเราอยู่ในสวนดอกไม้ประปรายสีเหลืองนวลตาที่สร้างรอยยิ้ม ความรื่นรมย์ และพลังใจได้ดีมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit – Pricefalls --> https://0f469d6f2fa468202d31-6b0d87410f7cc1525cc32b79408788c4.ssl.cf2.rackcdn.com/6058/339321117_1.jpg



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น