Review: Aquolina - Black Sugar
Aquolina - Black Sugar
กลับมาหาแบรนด์เครื่องสำอางค์ที่โด่งดังในเรื่องการทำกลิ่นอายหอมหวานจากอิตาลีอย่าง Aquolina ที่รุ่น Pink Sugar ทำให้คนชอบกลิ่นหวานๆ ฟินกันมานักต่อนักแล้วอีกครั้ง ซึ่งก็ได้เวลาของการสูดกลิ่นหวานๆ
ในต่างเฉดสีที่น่าสนใจในความเป็น Sugar ของแบรนด์อย่างสีดำกันบ้าง
ว่าจะออกมาในลักษณะไหนและเกินคาดหรือไม่กับรุ่นนี้เลย Black Sugar
ให้คำตอบโดยสรุปกันก่อนเลยว่า
“กลิ่นมีความดีงามเกินคาดมากเลยทีเดียว”
กับการเป็นกลิ่นโทนหวานที่มีโทนดาร์กดึงดูดและ Smoky สร้างความน่าค้นหาอย่างลงตัว โดยไม่ทิ้งความหวานตามแบบฉบับ Sugar
ที่ควรจะเป็นได้ดีจริงๆ ซึ่งเมื่อเริ่มสเปรย์กลิ่นที่ได้รับจะเป็นลักษณะของกลิ่นโทนหนังเคล้ากับกลิ่นออกทางยางไหม้
ปนกลิ่นอายแบบปิโตรเลียมน้ำมันดิบซึ่งเรียกว่าอาจจะทำให้เหวอกันไปพอสมควร
แต่เพียงแค่นี้ยังตัดสินกันไม่ได้ เพราะในเนื้อกลิ่นช่วงนี้จะสัมผัสได้ทันทีว่าเนื้อกลิ่นมีโทนวานิลลาหอมหวานรองพื้นอยู่เพียงแต่ยังไม่ได้ผันตัวเป็นตัวเด่นนัก
ซึ่งกลิ่นจะพัฒนาเข้าสู่ช่วงกลางโดยเริ่มลดทอนกลิ่นโทนยางไหม้ๆ
กับปิโตรเลียมลง มาเป็นสายกลิ่นอายหนังกับไม้หอมสไตล์ Oud ปนหวานไม้หอมคล้ายชะเอม เคล้ากลิ่น Smoky ควันไอติดยางไม้สร้างความน่าค้นหาปนดาร์กเด่นตีคู่กับความหวานหอมวานิลลา
โดยที่มีมิติกลิ่นอายผลไม้โทนเบอร์รี่หวานๆ ของราสเบอร์รี่มาเป็นตัวสนับสนุนรองใจดีและเข้ากันกับทั้งโทนหนัง
โทนไม้หอม Smoky และวานิลลา กลิ่นช่วงกลางเลยเรียกว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของน้ำหอมกับการปล่อยโทนหวานปนดาร์กลึกลับแบบติดโทนเซ็กซี่น่าค้นหา
จนเมื่อเริ่มสู่การเข้าช่วงท้าย กลิ่นจากช่วงกลางจะยังคงคุมโทนเด่นอยู่
แต่จะมีบางโทนที่บางลงไปบ้างนั่นคือกลิ่นอายราสเบอร์รี่
ทำให้วานิลลาจะเป็นตัวเด่นเคล้ากลิ่นหนังที่นุ่มลงมา ให้ความเย้ายวนเซ็กซี่กำลังดี
แตะโทนขนมก็ได้ เข้าโทนเคร่ื่องเทศ Oriental อุ่นหวานก็สามารถ
ซึ่งในช่วงนี้กลิ่นจะมีความเป็นโทนไม้หอมครีมมี่บางๆ
เคล้ากับกลิ่นยางไม้หวานอุ่นและธูป Incense เข้ามาเป็นตัวเสริมให้กลิ่นมีความนัวและเซ็กซี่ดึงดูดมากขึ้น
ซึ่งผสมผสานกันเป็นเลเยอร์ที่ชัดเจนเลยว่ามีทั้งความหวานหอม ความอบอุ่น
ความดาร์กแบบกลิ่นอบควัน และความดิบแบบตัดสาป Animalic ออกของโทนหนังรวมกันอยู่ในนั้น
ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นอายที่ทำออกมาได้หวานดาร์กได้ดีและมีมิติน่าสนใจมากเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ -
แบรนด์ลงเอาไว้ว่าสำหรับผู้หญิง แต่จริงๆ มัน Unisex มาก เพราะกลิ่นลักษณะนี้แตะได้ทั้งความแมนเท่ห์และความเป็นสตรีที่หวานเซ็กซี่ก็ได้
ซึ่งเข้ากับวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็สามารถใส่ตัวนี้ได้แล้ว
ออกแนวให้ความรู้สึกเซ็กซี่น่าค้นหาท่ามกลางความหวานประมาณนั้น
โดยเข้ากับบางสถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดสเปรย์ เพราะกลิ่นถือว่ามาสายหวานนัว
จัดหนักไปเดี๋ยวมึนรอบทิศเอาได้ ซึ่งถ้าสเปรย์ลงตัวกลิ่นจะงามน่าค้นหาและหวานเซ็กซี่มากจริงๆ
สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ตอนกลางวันแบบให้ตัดยามทางการและออกกำลังกายไปได้เลยไม่เข้าทาง
นอกนั้นถ้าใส่แบบ ทำงาน Office หรือว่าทั่วๆ
ไปอันนี้ถือว่าได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนจัดไป สู้กับชาวบ้านสายหวานอื่นๆ ได้สบาย
ความทน -
ดีงามมมมมมม 12 ชม.
กลิ่นยังอยู่ ที่เคยทดสอบสูงสุดในการใช้กับผิวคือ 15 ชม.
และกับเสื้อที่สวมซักแล้วเวลาเอาไปรีดกลิ่นยังฟุ้งออกมาจากเสื้ออยู่เลย
มันคือที่สุดของแจ้
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น และจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง พอพ้นไปซัก 4 ชม. จะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ
พอเข้า 8 ชม. จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป
ทิ้งท้าย -
เป็นอีกตัวที่พลิกเกมและสื่อสารถึงคำว่า Black
Sugar ได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญอย่าได้ตกใจไป กลิ่น Oud ในนี้ไม่แรงเลย มาแบบควันไอบางๆ เสียมาก ซึ่งมาแบบนี้ถือว่าดีงาม
เพราะทำให้กลิ่นน่าค้นหาและเย้ายวนใช่ย่อยจริงๆ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit -
Fragrance Net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น