วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

Review: Frederic Malle - Superstitious

Frederic Malle - Superstitious 

เห็นขวดครั้งแรก แน่นอนว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับน้ำหอมตัวอื่นๆ ในแบรนด์ Frederic Malle เพราะขวดเป็นสีดำและฝาสีทอง โดยมีลักษณะเหมือนดวงตาหรืออาจจะเป็นลายเซ็นสีทองอะไรซักอย่างที่กลางขวด ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่นี้ก็เริ่มบอกถึงคำว่า Superstitious ที่มีความลึกลับเข้ามาเกี่ยวข้องได้ในระดับหนึ่งแล้ว และที่สำคัญน้ำหอมรุ่นนี้เองได้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Designer ชื่อดังอย่าง Alber Elbaz และ Frederic Malle โดยมีสุคนธกรผู้รับหน้าที่ในการปรุงกลิ่นอายความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติตามชื่อรุ่นที่มากฝีมืออย่าง Dominique Ropion เช่นนั้นมันต้องมีอะไรที่น่าสนใจเข้าให้แน่นอน เช่นนั้นจึงได้เวลาของการเล่ากลิ่นว่าจะเป็นในรูปแบบใด 

Superstitious มีโครงสร้าง Notes กลิ่นที่เห็นครั้งแรกอาจจะทำให้นึกถึงน้ำหอมโทน Vintage กรุยกรายหรูหราได้ในทันที โดยมีสไตล์ในลักษณะแนวๆ เดียวกับ Chanel No.5 แต่บอกเลยว่า คิดผิด 

เพราะกลิ่นเปิดมีความแปลกและมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างพอสมควร แม้ว่าจะยังยืนพื้นอยู่ที่การเป็นสไตล์คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นโทน Vintage ผสมผสานกับความ Modern อยู่บ้างก็ตาม โดยจะเริ่มต้นที่ความเป็นโทนสบู่ของ Aldehydes ที่ไม่ได้ถึงกับคมพุ่งจัดให้อารมณ์แบบกลิ่นสบู่ที่ติดผิวอวลๆ เป็นศูนย์กลางของกลิ่น ซึ่งจะมีกลิ่นอายอื่นๆ มาผสมผสานอย่างเช่นโทนออกทางกลิ่นอายคล้ายโทนหนังกึ่ง Musky ที่มีความ Animalic ปนหน่วงสาปหน่อยๆ ความดาร์กเข้มของ Oak Moss ที่กลิ่นออกทางดิบเขียวอึนๆ ผสมผสานกลิ่นออกทาง Indolic ของมะลิที่ให้ความรู้สึกตุ่ยๆ ที่เป็นลักษณะกลิ่นตามธรรมชาติของมะลิที่จะมีโทนนี้แต่น้ำหอมตัวนี้ดึงมาชัดพอสมควร (ลองเอามะลิสด วางแล้วเอาแก้วครอบไว้จนมันเริ่มเหี่ยวเป็นสีน้ำตาลแต่ยังไม่ถึงกับแห้งดูสิ นั่นแหละโทน Indolic ตุ่ยๆ ของมะลิจะชัดเจนมาก) รวมถึงมีโทนออกทางเครื่องเทศเด่นที่ความเป็นโทนสไตล์พริกไทยแซมไปด้วยกลิ่นออกทางพีชที่หวานบางๆ ค่อนไปทางแห้งๆ เรียกว่ากลิ่นมีความหลากหลายและซับซ้อนติดตุ่ยๆ และทำให้ผงะกันได้ในยามแรก เหมือนเปิดทางให้รู้สึกกลิ่นมันแปลก แปร่ง ลึกลับและมันทำให้เราไม่แน่ใจว่าจะสัมผัสต่อดีหรือไม่ ทำให้สามารถแบ่งคนที่ชอบกับไม่ชอบกลิ่นนี้ได้ในทันทีตั้งแต่แรกดมเลย 

จนเมื่อผ่านไปได้ซักระยะ เมื่อกลิ่นอายของกุหลาบจะเริ่มเสริมขึ้นมาแบบเรื่อยๆ ผสมผสานกับโทนสบู่ของ Aldehydes ทำให้ได้กลิ่นออกทางสบู่เจือกุหลาบ โดยที่จะเริ่มมีโทนน่าค้นหาของพิมเสนเจือเข้ามา มาตัดทอนความตุ่ยๆ Indolic และโทนที่ออกทาง Animalic ลงไปพอสมควร ทำให้กลิ่นโทนมะลิเริ่มมีความหอมนวลในระดับหนึ่ง รวมถึงกลิ่นโทนคล้ายหนังจะได้อารมณ์ลึกและอวลน่าค้นหากำลังดีมากขึ้น แต่ส่วนของ Oak Moss ยังคงชัดเจนคงที่ พร้อมกับกลิ่นของพีชที่ียังมีให้รู้สึกได้ กลิ่นในช่วงนี้เลยจะเป็นการตีคู่ระหว่างโทนสบู่หอมเจือดอกไม้เด่นที่มะลิและกุหลาบเคล้าความเป็นพีชอ่อนๆ บางๆ ยืนพื้นกลิ่นที่ความเป็นโทนดาร์กลึกลับติดเข้มที่มีความซับซ้อนของกลิ่นที่ดึงดูดจากพิมเสนไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าช่วงนี้เริ่มทำให้เห็นถึงความเป็น Niche Perfume ได้ค่อนข้างชัดมากว่าต้องลองสัมผัส และให้เวลา เราจะเห็นความดีงามของกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ จนเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโทน Musky ปนไม้หอมที่เสริมขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้กลิ่นนี้เริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนถ่ายอีกครั้งไปสู่ช่วงท้ายที่เริ่มเห็นความงดงามที่ตีคู่กันไปอย่างน่าดูชมและดมกลิ่นกับการเป็นโทน Musky ปนไม้หอมเด่นที่หญ้าแฝกและไม้จันทน์หอม โดยยังมีกลิ่นอายสบู่สไตล์ Aldehydes ผสมดอกไม้เจือๆ ในนั้น และยังคุมโทนความน่าค้นหาอยู่จาก Oak Moss และพิมเสน แต่กลิ่นจะมีความนุ่มมากขึ้น ครีมหน่อยๆ ดาร์กกำลังดี ออกทางเท่ห์ปนซับซ้อนกำลังงามให้เห็นถึงความกรุยกรายที่อยู่ระหว่างความ Vintage และความ Modern ที่ลงตัว รวมถึงมีระดับปนหรูหราได้อย่างดีมากเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับความเป็นสไตล์แฟชั่นของ Alber Elbaz ถือว่าใช่ และตอบโจทย์ลักษณะที่มีความลึกลับและน่าค้นหาของ Design ที่ทำให้เกิดความโดดเด่นแบบที่อาจจะมองว่าแปลกในตอนต้นแต่มันก็จะเปลี่ยนเป็นความงดงามและมั่นใจส่งเสริมตัวคนใส่ให้มีมิติที่ดึงดูดสายตาได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงวัยทำงานขึ้นไป ที่อาจจะต้องผ่านน้ำหอมโทนกลิ่นออกทาง Animalic หรือสาย Vintage มาบ้างจะเข้าถึงตัวนี้ได้ดีขึ้น เพราะกลิ่นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องน้ำหอมใช้ง่าย แต่เน้นสร้างบุคลิกทางด้านกลิ่นที่แปลก ลึกลับน่าค้นหาและสะกิดจมูกให้เห็นถึงความโดดเด่นผ่านกลิ่น ยิ่งถ้าใส่กับเสื้อผ้าในโทนชุดสีดำหริือสีเข้ม ยิ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไปแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ และกลิ่นมีพลังและเปิดตัวไม่ได้ถูกใจคนทุกคนนัก ซึ่งถ้าเป็นได้ให้ใส่ก่อนออกจากบ้านซัก 15 นาที ที่เหลือจะส่งเสริมภาพลักษณ์ทางด้าน Chic หรูหราน่าค้นหาในความลึกลับและมีระดับดีมากตลอดวัน แต่สิ่งหนึ่งคือ ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายไปได้เลย กลิ่นไม่ได้ไปสายนั้น ส่วนยามค่ำคืนจัดไป อันนี้สร้างความมีระดับลึกลับกรุยกรายกันอย่างชัดเจน แต่ยังไงก็ตามใส่ก่อนออกจากบ้าน 15 นาที เช่นกันจะลงตัวมาก 

ความทน - ยอมแล้ว กลิ่นทนมากลากยาวไปที่ 15 ชม. ได้เลย กับการใช้เพียง 3 สเปรย์ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น จนถึงขั้นอาจจะทำให้ผงะได้ในความแปลกและแปร่ง แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง แล้วค่อยๆ ผ่อนลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจะกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 8 ชม. จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวชัดเจน 

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ ส่วนตัวกลิ่นเปิดทำให้แอบอึ้ง นึกถึงสไตล์กลิ่นเปิดที่ทำเอาตะลึงแบบ Montale - Aoud Cuir D’Arabie กับ Serge Lutens - Muscs Koublai Khan อยู่บ้างแต่ไม่หนักเท่าขนาดนั้น เพราะความเป็น Aldehydes คุมโทนได้ดีอยู่ แต่หลังจากนั้นคือความดีงามที่ลึกลับดึงดูดแบบที่ให้ความมีระดับจนออร่าความ Chic ออกมาเอง แบบไม่ต้องท่วงท่ามากมายเยอะแยกจนดู Wannabe ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่บ่งบอกถึงความเป็น Niche Perfume ที่ชัดเจนและดีงามมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Editions_de_Parfum_Frederic_Malle/Superstitious

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น