Strangers Parfumerie - Virginia
Virginia Woolf ถือเป็นหนึ่งในนักเขียนหญิงชื่อดังชาวอังกฤษในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้หญิงถูกจำกัดไว้เพียงแค่การเป็นภรรยา แม่ และลูกสาว
ซึ่งจากพื้นเพเดิมของครอบครัวที่เป็นชนชั้นปัญญาชน จึงทำให้เธอได้รับการศึกษาและมีหัวก้าวหน้ามากพอที่ส่งเสียงของตัวเองผ่านวรรณกรรมที่เธอเขียนขึ้นมาในแต่ละเรื่อง ให้เห็นว่าผู้หญิงเองก็ประสบความสำเร็จได้เทียบเท่าผู้ชาย
แต่ฉากหลังในชีวิตและประวัติของ Virginia นั้นมีความซับซ้อนและจริงจังมาก
รวมถึงเธอเองก็เป็นหนึ่งใน LGBTIQ ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ตลอดจนบทสุดท้ายของชีวิต คือ การเป็นโรคซึมเศร้าและอารมณ์แปรปรวนอย่างต่อเนื่องจนจบชีวิตตัวเองในที่สุด
ถ้าจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเส้นเรื่องสำคัญในชีวิตของเธอเป็นลักษณะไหน
สามารถดูฝีมือการแสดงของ Nicole Kidman ที่ถ่ายทอดความเป็น Virginia Woolf ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทุกเม็ดจนได้รับรางวัล
Oscar ปี 2003 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเรื่อง
The Hours ได้เลย และนี่ก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่มาของกลิ่นที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นใน
Collection - LGBTIQ ของ Strangers Parfumerie เพื่อถ่ายทอดในอีกแง่มุมความเป็น Virginia ผ่านกลิ่นอายที่ทำให้เราเข้าถึงและเห็นอีกมิติหนึ่งในสิ่งที่เธอเป็น
เปิดต้นทางด้วยกลิ่นอายที่สร้างความรู้สึกเหมือนยืนชมสวนยามเช้าที่จะมีกลิ่นเขียวๆ
ปนชื้นน้ำค้างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวและมีความเป็นธรรมชาติมาก
เพราะจะได้กลิ่นทั้งความเป็นกลิ่นไม้พุ่มเขียวๆ กลิ่นใบไม้จากต้นไม้ที่เด่นกลิ่นหญ้า
กลิ่นสมุนไพรเขียวๆ ที่มีทั้งใสและออกทางเขียวขมๆ มีความเป็นโทน Oily เขียวติดเมือกๆ ตามธรรมชาติของกลิ่นแนวๆ
ไฮยาซินท์ หรือแนวๆ Bluebell รวมถึงดอกไม้ป่าเป็นต้นเล็กๆ
ที่จะมีความเขียวติดตุ่นหน่อยๆ ตามธรรมชาติ รวมถึงได้กลิ่นแนวๆ เขียวพุ่งๆ
ของยางไม้ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Gallbanum ที่มีความสมดุลย์กำลังดีกับโทนอื่นๆ
เคล้าโทนไม้หอมสะอาดเบาๆ ด้วย ซึ่งกลิ่นเหล่านี้จะผสมผสานกันเป็นโทนเขียวที่มีมิติต่างเลเยอร์ให้จับต้องได้รวมกัน
เสริมด้วยโทนกลิ่นออกทางชื้นๆ อากาศติดฉ่ำหน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นช่วงนี้ครบถ้วนเรื่องบรรยากาศของความเป็นสวนโปร่งๆ
สไตล์แบบสวนต้นไม้เป็นพุ่มๆ ไม่สูงมากนักแบบสวนอังกฤษที่มีความเขียวรื่นรมย์ได้อย่างลงตัวและธรรมชาติมากจริงๆ
ซึ่งกลิ่นอายความเป็นสวนจะยังตามต่อมายังช่วงกลาง
ที่จะลดทอนความเขียวแบบชัดเจนในตอนแรกลงมาเป็นสายสนับสนุนกลิ่นอายโทนดอกไม้โปร่งๆ หวานอ่อนๆ ปนเขียว ซึ่งกลิ่นดอกไม้จะออกแนวเป็นกลิ่นธรรมชาติที่ไม่ได้ตะบี้ตะบันต้องหวาน
ต้องนวล ต้องชัด แต่ให้ความเป็นธรรมชาติแบบดอกไม้ในสวนเสียมากกว่า
แต่สิ่งที่เริ่มสัมผัสได้นอกเหนือจากกลิ่นโทนดอกไม้คือ กลิ่นอายของกระดาษและไม้หอมที่ค่อยๆ
ชัดมากขึ้น โดยจะมีกลิ่นอายเจือพิมเสนโปร่งๆ ใสๆ สะอาดๆ ไม่ดิบ
เคล้ากับกลิ่นออกทางโทนหนังกลับที่ให้ความนุ่มและนวลกำลังดีที่ตีคู่ไปกับกลิ่นอายดอกไม้ที่ติดเขียว
กลิ่นไม่ได้ไปสายนวลเย้ายวนหรือว่าอ่อนโยนนัก เพราะโทนกระดาษทำให้กลิ่นมีอารมณ์ของความขรึมลึกให้รู้สึก
จนเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะโทนไม้หอมเริ่มชัดขึ้น เริ่มมีกลิ่นอายติดดาร์กหน่อย
ออกทางโทนคล้ายหมึกเขียนหนังสือ ปนกลิ่นอายเขียวเข้มจางๆ ที่น่าจะมาจาก Oak Moss ก็จะเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นเริ่มมีอารมณ์ที่จริงจังและซับซ้อนเข้ามาให้รู้สึกได้มากขึ้น
กลิ่นโทนดอกไม้ปนเขียวจะเหลือเพียงเบาๆ ให้บรยยากาศ
แต่สิ่งที่ชัดและเด่นขึ้นมา คือ กลิ่นอายของกระดาษและความดาร์กอ่อนๆ
ของกลิ่นคล้ายหมึก สอดรับด้วยกลิ่นอายไม้หอมแห้งๆ ขรึมๆ แบบห้องที่ทำด้วยไม้
มีกลิ่นไม้โอ๊คให้จับต้องได้พอสมควร ซึ่งการผสมผสานลักษณะนี้ทำให้กลิ่นมีความรู้สึกจริงจังเกิดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแบบสวนรื่นรมย์ติดเขียวเบาๆ เพียงแต่กลิ่นไม่ได้ไปสายอึดอัดมากไปหรือทึบไป
ยังมีความโปร่งอยู่ให้สัมผัสเป็นขั้นแรก แล้วจะสัมผัสได้อย่างต่อเนื่องเพราะจะจับได้อีกอารมณ์ที่เสริมเข้ามา
คือ “ความซับซ้อน” ในความรู้สึกของโทนกลิ่นที่ให้ทั้งความลุ่มลึกของโทนธูป Incense
อ่อนๆ ความนุ่มนวลของหนังกลับ และความอับติดขี้เถ้าดาร์กอ่อนๆ
ซึ่งจะมีความ Contrast สร้างความรู้สึกแบบเป็นจุดสนใจท่ามกลางบรรยากาศติดเขียวธรรมชาติ
แต่เป็นจุดที่มีความแตกต่างที่มีเสน่ห์มากอยู่ในนั้น
และทำให้เห็นภาพไล่เรียงกันมาจากช่วงต้นสู่ท้ายในลักษณะนี้เลย
1. ภาพสวนยามเช้าที่ปลอดโปร่งชุ่มชื่นน้ำค้างให้ได้รับรู้กลิ่นที่รื่นรมย์ตามธรรมชาติ
2. ก่อนจะซูมออกมาให้เห็นว่าเราอยู่ตรงหน้าต่างของห้องเขียนหนังสือที่มีวิวทิวทัศน์ของสวนด้านนอก
3. แล้วซูมออกมาอีกในมุมสูงขึ้นก็จะเห็นภาพทั้งห้องที่มี
ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเขียนหนังสือด้วยหมึกอย่างจริงจังและตั้งใจบนโซฟาหนังกลับ
ที่พื้นห้องมีกระดาษที่ทั้งโดนขยำทิ้งและแผ่กระจายตามจุดต่างๆ
มีถังที่มีขี้เถ้าจากการเผากระดาษ และคงไม่แปลกใจถ้าผู้หญิงคนนี้กำลังเขียนประโยคนี้อยู่
“Mrs. Dalloway said,
She would buy the flowers herself”
เหมาะสำหรับ -
กลิ่นลงไว้ว่าเป็น Unisex ที่ใช้ได้หมดทุกเพศ
แต่โทนกลิ่นจะไพล่ไปทางผู้หญิงมากกว่าประมาณ 70% แต่ยังไงถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบโทนเขียวธรรมชาติแบบกลิ่นอายสไตล์สวนอังกฤษกับอากาศเย็นกำลังดี
ก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก ซึ่งเหมาะกับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน
กลิ่นได้ทั้งความเป็นธรรมชาติและความจริงจังติดขรึมซับซ้อนอยู่ในนั้นไล่เรียงเป็นสเต็ป
อาจจะมีเพียงการใช้เพื่อออกกำลังกายที่ไม่ค่อยไปด้วยกันได้นัก
ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปดีกว่า เพราะถ้าใส่ไปท่องราตรีกลิ่นสไตล์นี้เบียดกับสายหวานปล่อยพลังไม่ไหวแน่นอน
ความทน -
อยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม.
อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ได้ อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพอากาศ
เพราะยามอากาศร้อนๆ ใส่ตัวนี้พอผ่านไป 4 ชม. กลิ่นจะเบาลงเรื่อยๆ จนหายไปตอนราวๆ 6 ชม.
แต่พออากาศดีๆ ไปถึงอากาศเย็นๆ กลิ่นลากยาวไปที่ 10 ชม.
ได้เลย
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนแรก ให้ความรื่นรมย์ได้ดีมาก แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลางค่อนไปทางออร่ารอบๆ
ตัว ก่อนจะเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย
ทิ้งท้าย -
ถ้ามองในแง่ของคนที่ดูภาพยนตร์เรื่อง The
Hours มา อารมณ์จะเหมือนดูฉากเขียนหนังสือของ Virginia
Woolf เลย เพราะบรรยากาศทุกอย่างมันใช่ มีความ Contrast
ที่มีเสน่ห์มาก แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานทั่วไปไม่ได้ลงลึกถึงตัวภาพยนตร์
Virginia ถือว่าเป็นน้ำหอมโทนเขียวที่มีลูกเล่นให้ความรื่นรมย์
ใช้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย แต่มีมิติที่ไล่เรียงกันไปสู่กลิ่นที่มีความน่าค้นหากำลังดีมากเลยทีเดียว
ที่สำคัญมีความแตกต่างในสไตล์ Niche Perfume ที่มีเอกลักษณ์ด้วยนั่นเอง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น