Naomi Goodsir - Nuit de Bakelite
เดิมทีรู้จักแบรนด์ Naomi Goodsir ผ่านการส่องหาน้ำหอมใหม่ๆ
และน้ำหอม Niche ที่อยากจะเอามาเข้าคลังของตัวเอง
รวมถึงได้ผ่านการดมบางรุ่นอย่าง Bois d’Ascese แบบผ่านๆ มาก่อน แต่ก็ผลัดมาเรื่อยๆ
เพราะโดนลากไปสอยแบรนด์อื่นเสียหมดทำได้แค่เล็งไว้ก่อนนะ จนกระทั่งเมื่อได้เห็นว่าน้ำหอมรุ่นส่าสุดที่ออกมาวางจำหน่ายปลายปี 2017 อย่าง Nuit de
Bakelite ได้กระทำการแฮตทริกกวาดรางวัลทางด้านน้ำหอมมาครบจาก 3 แห่งเลย คือ
1. Art & Olfaction
Awards 2018 - Winner of Independent Category
2. FIFI Awards 2018 -
Expert Awards - Best Fragrance of an Independent Niche Brand
3. Olfactorama Paris
2018 - Prix de l’Emotion
เรียกว่าเห็นแบบนี้
ทำแค่เล็งไม่ได้แล้ว ต้องเอามาครอบครองให้ได้ ซึ่งก็ได้มาสมใจอยากแบบพยายามทุกช่องทางจริงๆ
ที่จะเอารุ่นนี้มาครอบครอง (เข้าสู่สายล่าน้ำหอมรางวัลก็งานนี้)
และหลังจากที่ได้ดื่มด่ำกลิ่นอายที่กวาดรางวัลนี้จนเต็มที่ก็ได้เวลาในการเล่ากลิ่นกันหน่อยแล้วว่าจะออกมาในลักษณะไหน
ช่วงเปิด คือ “ที่สุดของแจ้” เพราะความแรง
ความฟุ้ง การกระจาย และพลังของกลิ่นพุ่งทะยานแบบสุดๆ เลยทีเดียวด้วยการนำของกลิ่นโทนสมุนไพรสดชื่นเคล้ากับยางไม้สายเขียวคมพุ่ง
นั่นก็คือ ต้นโสมตังกุย (Angelica) ที่ให้ความปร่าคมฟุ้งสมุนไพรอารมณ์เจือกลิ่นโสมและยางไม้
Galbanum ที่ให้ความเขียวคมติดเรซิ่นยางๆ
อารมณ์เหมือนยางไม้ที่ติดเปรี้ยวเขียวคมที่กลิ่นแหลมเฟี้ยว รวมถึงมีกลิ่นคล้ายๆ
เหล้าหมักที่เขียวปั๊ดๆ อย่าง Absinth ที่หมักจากโกฐจุฬาลัมพา
(Artemisia) เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งบอกเลยว่ามีความเป็น Sillage
Monster สูงมาก เพราะเพียงแค่สเปรย์เดียวก็ทำเอาฟุ้งกระจายทั่วห้องได้ในทันทีแบบไม่มีอะไรมาหยุดได้
ซึ่งนอกจากความเขียวที่มาแบบจัดเต็มไม่สนใครหน้าไหน
สิ่งที่ซ้อนเป็นเลเยอร์ในความเขียวคือ กลิ่นออกทางพลาสติคเบกาไลค์ (พลาสติคทนความร้อนชนิดหนึ่งที่มาจากการใช้ความร้อนและความดันอัดกระดาษหรือผ้า
จนก่อให้เกิดพลาสติคขึ้นมา มักใช้กับเครื่องใช้ไปฟ้าหรือพวกฉนวนกันไฟฟ้า)
แต่ไม่ได้มาแบบอุ่นร้อนแบบพลาสติคหลอม เพราะกลิ่นคุมโทนความเขียวปร่าติดเย็นได้ชัดมาก
และมีโทนหอมครีมบางๆ ของดอกซ่อนกลิ่นที่เบลนด์ไปกับกลิ่นเขียวได้ดี
ทำให้ช่วงต้นมีมิติที่ครบถ้วนแบบแปลก เก๋ ไม่เหมือนใครในความเขียว สมุนไพร
พลาสติค ที่คมแปร่งแปลก แต่ติดหวานปลายกลิ่นที่ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นอาจจะขอตัวไปอาบน้ำล้างกลิ่นได้ในทันที
เพราะรู้สึกว่าอาจจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่ถ้าใครรู้สึกถึงความ Unique
และความเก๋ การติดตามการเดินทางของกลิ่นต่อเป็นเรื่องที่สนุกมากและจะเจอความงามซ่อนอยู่ได้เลยทีเดียวในหลังจากนี้
เมื่อโทนกลิ่นพลาสติคเริ่มจางลงและความเขียวเริ่มลดทอนลงมาในระดับหนึ่ง
แต่แน่นอนความ Strong ยังคงชัดเจนทุกเม็ด
กลิ่นที่เริ่มแทรกตัวออกมายืนหนึ่งเลย คือ ดอกซ่อนกลิ่น
แต่สิ่งที่แตกต่างจากการเป็นซ่อนกลิ่นที่มักเจอในน้ำหอมต่างๆ คือ
โทนกลิ่นจะให้ความเขียวมากกว่าครีมมี่ ความเย้ายวนจะมีความต่างเป็นเขียวเด่นซ้อนด้วยความดึงดูดแบบครีมมี่บางๆ
แต่เนียนกริบในเนื้อกลิ่นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นี้
เพราะจะจับได้ถึงโทนเย้ายวนและดึงดูดของสายดอกไม้ขาวที่ให้ความนัวเย้าแนวๆ
ดอกไม้กลางคืนที่ส่งกลิ่นลอยตามลม กับกลิ่นอายดอกไม้สายยั่วแบบมีจริตอย่างกระดังงาที่เป็นตัวเสริมความเป็นโทนดอกไม้สาวเย้ายวนในความเขียวได้เลย
ในเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะแบบกลิ่นโทน Indolic ที่ให้ความตุ่ยๆ
ตามธรรมชาติของดอกไม้และกลิ่นออกทาง Smoky หน่อยๆ
ซึ่งสร้างมิติความ Dirty ในกลิ่นแบบบางๆ เร้าใจแบบเนียนๆ
ได้เป็นอย่างดี ซ้อนเลเยอร์กลิ่นแบบโทนแป้งอับๆ หน่อยๆ
จากกลิ่นคล้ายโทนหัวเหง้าไอริสหรือจะมาจากเมล็ดแครอทก็ได้
ทำให้กลิ่นมีจริตแตะความ Vintage กรุยกรายก็ได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งช่วงกลางนี้จะเป็นการปล่อยพลังทางกลิ่นที่แทรกความเย้ายวนของโทนดอกไม้เคล้าความเขียวเจือกลิ่นพลาสติคอ่อนๆ
ได้อย่างดีงามและมีจริตที่กรุยกรายปนมาดมั่นได้ดีมากจนลืมความทรงพลังคมๆ
ในตอนต้นไปเลย
การส่งต่อทางโทนกลิ่นเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับเมื่อผ่านไปในระยะหนึ่ง
เพราะกลิ่นหนังจะเริ่มเนียนแทรกเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโทน Smoky ปนไม้หอมติดเผ็ด Spicy ที่ชัดขึ้นจากช่วงกลาง และมีกลิ่นอายสายสะอาดอย่างโทน Musky ติดสอยห้อยตามมาด้วย ก็เป็นการเปลี่ยนช่วงมาเป็นช่วงท้ายของน้ำหอมที่เริ่มมีลักษณะแตะความ
Vintage และ Timeless ชัดเจนมากขึ้น
แต่ยังมีลักษณะของโทนกลิ่นแบบ Modern ติดทางเย้ายวนอยู่
ความเขียวที่ตามมาจากตอนต้นเริ่มมาเป็นทางสายกลางที่ไม่หนักหน่วงเกินไปเคล้าไปกับกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่ให้โทนเจือสะอาดกำลังดีไปเรื่อยๆ
มีความปร่าอ่อนๆ ปนโทนแป้งให้จับต้องได้เป็นมิติที่ให้ความสว่างครีมนวลแอบนัวได้อย่างน่าสนใจ
เพียงแต่กลิ่นไม่ได้มีแค่นี้ เพราะโทนหนังเริ่มกลายเป็นผู้เล่นหลักแทนที่ให้ความดาร์กปนลุ่มลึกของโทนยางไม้ที่ติดควันไอปนอบอุ่น
สร้างออร่าความดาร์กมืดกำลังดีตีคู่กันไปกับโทนสว่างครีมเสียด้วย
และที่สำคัญกลิ่นอายพลาสติคที่คิดว่าน่าจะจางลงไป แต่กลับยังคงอยู่เบาๆ
เลยทำให้อารมณ์กลิ่นในตอนนี้ให้ความรู้สึกแบบสีครีมนวลในความดาร์กมืดที่ดึงดูดกันอย่างชัดเจนและคงตัวยาวไปแบบเสถียรทางการปล่อยพลังเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่าหน่อยราวๆ
65-70% แต่เพราะกลิ่นอายมันออกแนวสภาพแวดล้อมด้วยส่วนหนึ่ง
ผู้ชายเลยใช้ได้ไม่ยาก แต่จะยากตรงที่พลังของกลิ่นที่มาเต็มมาแรงไม่อ่อนข้อให้ใครนี่แหละ
ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำนวนสเปรย์ต้องเหมาะสมหน่อย
ไม่หนักมือเกินไป อย่างดี 2-3 สเปรย์ก็อาจจะจุกได้แล้ว
กลิ่นอาจจะไม่เหมาะกับงานทางการจัดๆ จัด เน้นใส่แบบทั่วๆ ไป
ไม่ว่าจะทำงานหรือชิลล์ๆ อย่างมีสไตล์จะดีกว่า ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย
กลิ่นจะจุกคอหอยทั้งตัวเองและคนอื่นๆ รอบทิศกันได้ ส่วนยามค่ำคืนเอาจริงๆ
ถ้าแน่ก็ใส่ไปท่องราตรีได้สบายมาก เน้นความ Unique ที่แปลกแต่มีชั้นเชิงได้เลยและสามารถแย่งซีนได้หมด
แม้กระทั่งใครจะกลิ่นแน่นหวานเยิ้มมาก็ตาม
ความทน -
ที่สุดของแจ้อีกดอก เพราะกลิ่นทนจัดมากกกกกก แบบที่ 15 ชม. แล้ว กลิ่นยังปล่อยพลังอยู่
แถมอาบน้ำล้างตัวแล้วก่อนนอนกลิ่นยังโดยออกมาอยู่ แถมข้ามวันแบบนอนตื่นมากลิ่นก็ยังติดอยู่
คือ ยอมใจ ทนไปอี๊กกกกก!
การกระจาย - Beast Mode ชัดเจน มาเต็ม มาแรง มาชัด
ข่มทุกสิ่งอย่างรอบข้าง ปล่อยพลังกระจายดีขั้นสุดและที่สุดของแจ้กันเลย
แล้วจะลดลงมากระจายดีคงตัวยาวไปเรื่อยๆ จนเมื่อพ้นซัก 5-6 ชม. จะลดลงมากระจายปานกลางที่ยังคงชัดเจนและผู้คนรอบตัวได้กลิ่นอยู่
ซึ่งชัดเจนเลยว่าตัวจริง แบบที่ถ้าใครใช้ไปเกิน 3-4 สเปรย์แล้วยังบอกว่าตัวนี้เป็น
Safe Scent หรือไม่ได้กลิ่น ขออันเชิญคนนั้นไปทำบุญกรวดน้ำให้จมูกได้เลย
จมูกคงตายไปจากโลกนี้แล้ว
สรุป -
กลิ่นนี้สร้างภาพในหัวออกมาได้เลยถึง “ผู้หญิงที่เย้ายวนในห้องที่ปูผนังด้วยพลาสติคเบกาไลท์แต่ปิดไฟสลัว
กับกลิ่นอายดอกไม้ขาวเจือกลิ่นหนังที่ดึงดูดเร้าใจปนเขียวคมรายล้อม
โดยนางกำลังมีความสุขและเคลิบเคลิ้มราวกับเสพติดบางอย่างอยู่” นี่แหละชัดเจนกับความเป็น Nuit de Bakelite
ปล.
จากรูปซ้ายเป็นขวดรุ่นใหม่ที่ปรับราคาขึ้นแล้ว ส่วนขวาเป็นขวดรุ่นเก่า
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.naomigoodsir.com/en/e-boutique/nuit-de-bakelite และhttps://www.woodberg.de/en/naomi-goodsir-parfums-nuit-de-bakelite-eau-de-parfum.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น