วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review: Giorgio Armani - Acqua di Gio Absolu

Giorgio Armani - Acqua di Gio Absolu 

พูดถึงไลน์น้ำหอมชายยอดนิยมของ Giorgio Armani ที่อยู่ยงคงกระพันชาตรีแถมติดทำเนียบน้ำหอมขายดีมาเสมอ ก็ให้นึกถึงไลน์ Acqua di Gio ที่ทุกวันนี้ยังเป็นตัวยอดฮิตสายสดชื่นมีระดับมาอยู่เสมอ แต่เพราะว่าเทรนด์กลิ่นน้ำหอมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การแตกไลน์ต่อยอดกลิ่นจึงมีมาเรื่อยๆ จากรุ่นปกติ --> Essenza --> Profumo --> Absolu ที่เป็นหัวหลักของการแตกตัวออกมาจากต้นตระกูล บางตัวมีการแตกหน่อออกไปอีกก็ว่ากันไป แต่เพราะผ่านหัวๆ มาจนหมดแล้วเหลือเพียง Absolu ที่ยังไม่ได้เล่ากลิ่น 

เช่นนั้นก็ได้เวลาของการเล่ากลิ่นอายตัวนี้กันหน่อยว่าDNA ของของต้นตระกูลจะปรับเปลี่ยนมาเป็นลักษณะไหน

Acqua di Gio Absolu เปิดตัวด้วยลายเซ็นของต้นตระกูลกับการเป็นกลิ่นโทน Marine หรือทะเลปนกลิ่นโทน Citrus สดชื่นในเนื้อกลิ่นที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นเลย ซึ่งได้ทั้งความรู้สึกสดชื่นของทะเลที่มีความเปรี้ยวติดขมของมะกรูดฝรั่ง เลเยอร์ซ้อนกับกลิ่นโทนปลอดโปร่งสว่างๆ เปรี้ยวหอมเกรปฟรุต และติดหวานปลายที่ได้ความรู้สึกของโทนเลมอนด้วย แต่เป็นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะจะมีโทนผลไม้ที่ให้ความเป็นโทน Fruity ติดไปทางโทนหมากฝรั่งแอปเปิ้ลเขียวปนกลิ่นหวานแต่ไม่ได้ถึงกับฉ่ำมากของลูกแพร์ ซึ่งพอมีกลิ่นโทนผลไม้ลักษณะนี้เข้ามาผสมผสาน ทำให้ช่วงต้นเลยกลายเป็นโทนทะเลที่มีลูกเล่นมากขึ้นมีมิติของกลิ่นที่มีความดึงดูดปนเย้าๆ เสริมเข้ามาในความสดชื่นได้อย่างน่าสนใจและสามารถตกเอาคนที่ดมกลิ่นสอยได้ทันทีแบบที่ไม่ต้องรอดมช่วงอื่นๆ ก็ยังได้ แต่มีสิ่งหนึ่งคือ ในช่วงต้นจะมีกลิ่นโทนที่เย้าๆ กึ่งเข้าโทนไม้หอมหน่อยๆ ออกทางพิมเสนที่โดนเกลากลิ่นไม่ได้ออกทาง Dirty หรือ Earthy ดินๆ นัก แต่มีความดาร์กน่าค้นหาอ่อนๆ อ้อยอิ่งคลอไปด้วย ซึ่งเป็นตัวเสริมชั้นดีให้กลิ่นโทนทะเลสดชื่นปนผลไม้ในช่วงต้นมีมีมิติดึงดูดได้ดีมากด้วยเช่นกัน และพิมเสนนี่แหละที่เป็นตัวปูทางเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม

เมื่อโทนกลิ่นเริ่มลดทอนความเป็นโทนผลไม้ลงมาในระดับหนึ่ง แต่กลิ่นโทนสดชื่นของทะเลเจือพิมเสนยังคงอยู่ ก็เริ่มมีกลิ่นอายสายสมุนไพรนวลปนปร่าเสริมขึ้นมา ซึ่งตัวแรกที่ชัดเจนเลยคือ ลาเวนเดอร์ ที่พอมาเจอกับกลิ่นโทน Citrus 3 สหายจากช่วงต้น จะทำให้ได้โทนกลิ่นผู้ชายแมนๆ นวลๆ แต่ไม่ถึงกับนัวไปทางโทน Bad Boy นัก เพราะไม่ได้มีกระวานมาร่วมทีม แต่มีโทนสมุนไพรอื่นๆ ที่ให้ความเป็นโทนปร่าให้ความแน่นของกลิ่นในระดับที่กลางๆ กำลังดีแทน ซึ่งจะจับต้องได้ถึงโทนกลิ่นกึ่งมินต์กึ่งการบูรซึ่งเป็นลักษณะของโรสแมรี่ กับกลิ่นเจือโทนเปรี้ยวเขียวเจือกุหลาบของเจอราเนียมที่เนียนอยู่บางๆ ทำให้ช่วงกลางเป็นโทนผู้ชายแมนๆ ที่เป็นโทนทะเลกึ่งสมุนไพรให้ความแน่นของกลิ่นกำลังดี มีความเย้าของโทนผลไม้ติดหวานเคล้าพิมเสนได้ลงตัว แต่พอผ่านไปซักระยะสิ่งที่แทรกขึ้นมาสร้างมิติของกลิ่นที่เพิ่มเติมถือโทนไม้หอมที่ได้อารมณ์แบบกลิ่นไม้แห้งที่แน่นในระดับหนึ่งเคล้ากับกลิ่นนวลครีมกึ่งอัลมอนด์ขมหน่อยๆ ของถั่วตองก้า ซึ่งทำให้ช่วงกลางกลายเป็นไฮไลท์หลักของน้ำหอมได้เลย เพราะมีมิติโทนกลิ่นที่มีความหลากหลายตั้งต้นที่ความสดชื่นเจือความเย้าดึงดูด ต่อด้วยความแมนๆ สมุนไพรกำลังดีไม่ได้เป็นสายดาร์ก แล้วตามด้วยความอบอุ่นมีเสน่ห์ ซึ่งโทนท้ายสุดที่โผล่มาทีหลังนี่แหละ จะเป็นผู้เล่นหลักในช่วงท้ายของน้ำหอม โดยจะค่อยๆ เทคโอเวอร์ไปเรื่อยๆ เนียนๆ จนเปลี่ยนจากโทนน้ำหอมสดชื่นมาเป็นโทนอบอุ่นที่ติดโทนทะเลปลายๆ กลิ่น เนื้อกลิ่นจะมีความหนาปนนวลขึ้นมาในระดับหนึ่งจากโทนไม้หอมแห้งๆ ปนกลิ่นติดถั่วตองก้าที่นวลเจือหวานหอมอุ่นชัดเจนพอสมควรเลยทีเดียว และเนื้อกลิ่นจะมีลักษณะอวลๆ ปนอุ่นแบบสไตล์น้ำหอมช่วงปี2017 เป็นต้นมาที่จะมีกลิ่นสไตล์สารหอมแนวๆ Ambroxan กับ ISO E Super ที่ให้ความเป็นแอมเบอร์และไม้ซีดาร์กับหญ้าแฝกแห้งๆ เข้ามาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการรับช่วงต่อจากโทนสมุนไพรช่วงกลางมาเป็นแมนอบอุ่นมีกลิ่นทะเลสดชื่นบางๆ ปลายกลิ่น เน้นความเย้ายวนอบอุ่นมีเสน่ห์ยาวๆ ไป โดยที่ไม่ทิ้งลายเซ็นต้นตระกูลไว้กลางทางแต่อย่างใด 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่ช่วงมหาลัยเป็นต้นไป ก็สามารถใช้ได้แล้ว เอาจริงๆ น้องๆ ม.ปลายก็ใช้ตัวนี้ได้อยู่ แต่เน้นใส่วันหยุดน่าจะดีกว่า เพราะกลิ่นมันเต็มพอสมควร ซึ่งกลิ่นนี้จัดไป ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนแบบแทบทุกสถานการณ์เลย เรียกว่าเกือบจะครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่แนะนำให้ข้ามเถอะ เดี๋ยวกลิ่นตีขึ้นจนจุกเอาได้ 

ความทน - ดีงามเพราะเป็น EDP ที่เข้มข้นด้วยส่วนหนึ่ง และพื้นฐานกลิ่นมีโทนไม้หอมและสารหอมที่ช่วยเรื่องความทนพอสมควร เช่นนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นลากไปถึง 15 ชม. เลยก็สามารถ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมาก เรียกว่าฉีดออกมาฟุ้งเต็มที่กันก่อนเลย แต่จะลดลงมาที่กระจายดีสมหน้าตาแบรนด์และไลน์นี้ แล้วผ่อนลงตามลำดับ จนมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเมื่อผ่านราวๆ 8 ชม. ไปแล้ว 

สรุป - อย่าเพียงเห็นว่าเป็นกลิ่นโทน Acqua แล้วก็จะคิดว่าหวานใส สดชื่น เพราะแม้ว่า Acqua di Gio Absolu รับความเป็น DNA ของต้นตระกูลมาในลักษณะโทนกลิ่นสาย Marine หรือกลิ่นโทนทะเลก็จริง แต่ก็เอาเอาความดีงามของ Armani Code Profumo ที่มี Fruity ตอนต้นและ Tonka Bean นุ่มอบอุ่นปนโทนแอมเบอร์สายที่เป็นฐานของกลิ่นมาผสมผสานใส่เข้าไปจนเจอกันตรงกลางพอดี ซึ่งก็ตอบโจทย์เทรนด์น้ำหอมที่เข้าสู่ความเป็นโทนที่ไม่ได้เน้นความสดชื่นใสๆ เข้าไปเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว แต่เพิ่มความหนาของกลิ่นปนอบอุ่นเย้ายวนที่มีระดับมากขึ้นเข้ามาเสริม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ต่อยอดจากต้นตระกูลได้ลงตัวและสมศักดิ์ศรีเลยทีเดียว 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://ezebra.de/de/products/parfum/herrendufte/eau-de-parfum/giorgio-armani-acqua-di-gio-absolu-edp-40-ml-79540.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น