Penhaligon's - Equinox Bloom
ว่ากันด้วยเรื่องการจิบชายามบ่ายของชาวอังกฤษที่สามารถเป็นได้ทั้ง Afternoon Tea และ High Tea ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน เอาจริงๆ การจิบชา 2 ประเภทนี้แตกต่างกัน
โดยถ้าสรุปง่ายๆ Afternoon Tea จะเป็นชายามบ่ายแบบ Tea
Break ที่เป็นอาหารว่าง ที่เน้นช่วงเวลาราวๆ บ่าย 2 - 5 โมงเย็น แต่สำหรับ High Tea จะเป็นการควบเอาการจิบชายามบ่ายรวมกับอาหารหนักที่กินอิ่มเป็นมื้อเย็นได้เลย
ซึ่งจะเป็นราวๆ 5 โมงเย็นจนถึง 1 ทุ่ม
แน่นอนว่าต่างกันตรงประเภทอาหารและช่วงเวลาที่กิน แต่พื้นฐานของทั้ง 2
แบบมักจะมีความรื่นรมย์จากการจิบชาและบรรยากาศต่างๆ
เข้ามาผสมผสานด้วยเสมอ
และการจิบชาแบบ Afternoon Tea ก็เป็นอีกหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นอายแห่งความรื่นรมย์จากบรรยากาศการจิบชา
สภาพแวดล้อม และของว่างยามบ่ายจาก Penhaligon’s ในรุ่น Equinox
Bloom ที่เป็นกลิ่นอายโทน Gourmand ชัดๆ
ตัวแรกของแบรนด์เลยก็ว่าได้
Equinox Bloom จะมีกลิ่นที่เป็นตัวเดินเรื่องหลักเลยคือ น้ำตาลทรายแดง (Brown
Sugar ที่ตอนนี้ฮิตสุดกู่ในหมู่ชาไข่มุก)
ซึ่งจะเป็นโทนกลิ่นที่อยู่ตั้งแต่ต้นยันจบ เปรียบเสมือนเป็น Center
Note ที่จะมีกลิ่นอายโทนอื่นๆ สลับเข้ามาเยี่ยมเยียนสร้างความรื่นรมย์กันไปในแต่ละช่วงที่สอดรับกันได้ดีมากในการถ่ายทอดอารมณ์แบบบรรยากาศของ
Afternoon Tea มากกว่าที่จะเป็นกลิ่นชาตรงๆ
ซึ่งกลิ่นเปิดจะเริ่มที่ความหอมของโทนดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ (Neroli)
ที่ให้ความเป็น Citrus เคล้าความเขียวเจือหวานของใบไวโอเล็ต
โดยจะมีลักษณะโทนดอกไม้ขาวที่ให้ความหอมเย็นๆ เคล้าความสะอาดที่เป็นเลเยอร์กลิ่นรองลงมา
พร้อมกับกลิ่นของน้ำตายทรายแดงแบบโปร่งๆ หอมหวานที่เป็นตัวรองพื้นชั้นล่างสุด
ทำให้ช่วงแรกกลิ่นจะเป็นลักษณะของโทน Citrus Green และ Floral
ที่ฟุ้งกระจายชัดออกมา โดยมีความหวานหอมของน้ำตาลทรายแดงเป็นตัวสนับสนุนให้โทนหวานโปร่งในเนื้อกลิ่นเนียนๆ
เมื่อเข้าสู่ช่วงกลาง
ตัวเอกอย่างน้ำตาลทรายแดงจะเริ่มมีคู่บุญที่เป็นลูกคู่ส่งเสริมอย่างกลิ่นอายโทนดอกไม้ขาวที่ให้โทนกลิ่นหอมเย็นชื่นใจปนข้นแบบกำลังดี
ไม่หนักหน่วงมากอย่างดอกลีลาวดี ที่จะให้โทนหวานหอมเย็นชื่นใจฟุ้งกระจายออกมาแบบคล้ายดมจากดอกจริงแบบชัดๆ
และจะมีกลิ่นอายแบบหวานใสของมะลิกับกลิ่นสะอาดติดเปรี้ยวปลายอ่อนๆ
ของดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange
Blossom) ที่เข้ามาร่วมทีมด้วย ทำให้กลิ่นโทนหวานจะมีกลิ่นให้จับต้องได้
2 เลเยอร์ คือ หวานน้ำตาลทรายแดงและหวามหอมเย็นรื่นจมูกที่เป็นธรรมชาติมากของดอกไม้
รองพื้นด้วยกลิ่นโทนสะอาดและสว่างรื่นรมย์กำลังดี ทำให้ภาพรวมของช่วงกลางจะเป็นโทน
Sweet White Floral ที่ชัดเจนและให้ความรื่นรมย์หอมระเรื่อกรุ่นกลิ่นหวานโปร่งปนข้นหอมเย็นได้อย่างลงตัว
ซึ่งเมื่อผ่านไประยะหนึ่งกลิ่นจะเริ่มมีลักษณะแบบกลิ่นโทนติดเค็มผิวกายอ่อนๆ
อบอุ่นเบาๆ เคล้ากลิ่นไม้หอมหน่อยๆ ค่อยๆ แทรกตัวให้รู้สึกได้
ซึ่งก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอม โดยที่ความหวานน้ำตาลทรายแดงจะเริ่มมีลักษณะแบบติดหวานไหม้กึ่งยางไม้อ่อนๆ
เนียนอยู่ในเนื้อกลิ่นโทนหวานหอมที่ทำให้กลิ่นมีมิติความหวานที่มีโทนซ้อนกันทั้งหวานโปร่งแบบดมผ่านๆ
แล้วพอดมใกล้ๆ จะได้ความหวานหอมไหม้อ่อนๆ และเมื่อดมชิดผิวจะได้ความหวานนวลอวลกำลังดีที่มีโทนดอกไม้ขาวหอมเย็นสร้างความนิ่งปนอ่อนโยนให้สัมผัสได้
ซึ่งจะได้อารมณ์ลักษณะโทนของหวานก็จริง แต่ไม่ได้เป็นสายขนมจัดจ้านหนักแน่น
หวานเยิ้มแต่ประการใด เพราะกลิ่นคุมโทนการเป็นโทนหวานโปร่งแต่มีมิติให้สัมผัสความหอมที่ส่งต่อกันมาได้อย่างลงตัวมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ -
กลิ่นลงเอาไว้ว่า Unisex แต่บอกเลยว่า
ไปทางผู้หญิงถึง 85% ได้เลยเพราะเป็นโทนดอกไม้และขนมที่ไม่ได้แน่นจัด
ซึ่งสาวๆ จะชอบได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่ชอบกลิ่นอายโทนหวานอยู่ทุนเดิม
ซึ่งถ้าผู้ชายไม่มายด์ก็ใส่กลิ่นนี้ได้เลย เพราะกลิ่นเข้ากับธีมแต่งกายสีขาวได้ดีมากด้วย
โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ที่เป็นแบบใส่ทำงาน ออกงาน และทั่วๆ
ไป โดยใส่แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ไม่เช่นนั้นหวานกันรอบทิศได้เลยทีเดียว
ส่วนยามค่ำคืนใส่ได้เลย ยิ่งเหมาะมากถ้าใส่ออกงานเลี้ยงสร้างออร่าความอะโรม่าและความอ่อนโยนได้ดีจริงๆ
ส่วนท่องราตรีก็ใส่ได้ เพียงแต่จะไม่ได้ไปสายเย้ายวนเซ็กซี่อะไรนัก
ให้ความหอมเย็นอ่อนโยนเสียมากกว่า นอกจากนี้ไม่ควรใส่กลิ่นนี้เพื่อออกกำลังกายเดี๋ยวเมาความหวาน
และใส่ออกงานทางการรับแขกบ้านแขกเมืองเจรจาตกลงอะไรกัน เพราะกลิ่นมันหวานโปร่งระเรื่อก็จริง
แต่มันอาจจะไม่สะกิดต่อมความไม่ชอบกลิ่นหวานของหลายๆ
คนที่มาแบบทางการจนคุยไม่รู้เรื่องเอาได้
ความทน -
ดีเกินคาดไปจนถึงดีมาก เพราะกลิ่นยืนพื้นที่ 8
ชม. สบายมาก และยาวมากกว่านั้นไปจนถึง 12 ชม.
เลยก็ได้ ซึ่งแน่นอนอิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วย
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เรียกว่ากลิ่นเปิดอาจจะทำให้อึ้งในความหวานโปร่งกันพอสมควรก่อนเลย
แต่ถ้ารับได้จะฟินกับการกระจายในลักษณะนี้เลยทีเดียว แล้วจะค่อยๆ
ลดลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ ให้ความหอมเย็นชื่นใจ ก่อนจะเป็นปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ
ตัว จนพ้นซัก 8 ชม.
ไปแล้วจะเริ่มเป็น Skin Scent
สรุป -
ได้แรงบันดาลใจจากการจิบชา ไม่ได้หมายถึงว่าต้องทำน้ำหอมออกมาเป็นกลิ่นชานี่คือจุดหักมุมที่จะไม่ได้ตรงตามที่คาดหวัง
แต่ก็ไม่ได้หมายว่ากลิ่นจะไม่ดีและงดงามซักหน่อย เพราะกลิ่นนี้ทำหน้าที่เล่าบรรยากาศแบบ
Outdoor เคล้ากลิ่นขนมหวานโปร่งได้ดีมาก
ที่สำคัญส่วนตัวเวลาเจอน้ำหอมที่มีกลิ่นดอกลีลาวดี มักจะเจอสไตล์ Tropical
เมืองร้อนที่ให้อารมณ์สปาหรือกลิ่นออกทางครีมมี่ที่ความหอมเย็นชื่นใจไม่ได้สุดติ่งจนประทับใจอะไรนัก
แต่สำหรับ Equinox Bloom อันนี้ต้องยกนิ้วชื่นชมเลย เพราะทำกลิ่นลีลาวดีออกมาได้ธรรมชาติมากในความหอมเย็นคล้ายดมจากดอกโดยตรง
จนต้องปรบมือให้เลยว่าทำออกมาได้ชื่นใจจริงๆ
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.penhaligons.com/equinox-bloom-eau-de-parfum/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น