วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Review: The Vagabond Prince - Enchanted Forest

The Vagabond Prince - Enchanted Forest 

The Vagabond Prince คือหนึ่งในแบรนด์ Niche Perfume ที่เปิดตัวออกมาในปี 2012 กับการปล่อยน้ำหอมรุ่นแรกสุดเลยอย่าง Enchanted Forest ที่ทำให้น้ำหอมแบรนด์นี้กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาในทันที กับการนำเสนอ Concept แบรนด์มาจากเรื่องเล่าของการเป็น Vagabond Prince ที่ออกมาจากเทพนิยาย ผ่านชีวิตการผจญภัย การค้นพบ และเป็นหนึ่งในนักฝันที่โรแมนติคมาก โดยมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมานั่นคือ เจ้าของเว็บไซต์ Fragrantica ที่เราๆ เข้าไปหาข้อมูลเรื่องน้ำหอมกันนักต่อนักนั่นเอง 

เช่นนั้นมีหรือที่จะพลาดกับการได้ลองกลิ่นอายที่ดังที่สุดของแบรนด์นี้ และก็ได้เวลากับการเล่ากลิ่นของป่าในเทพนิยายอย่าง Enchanted Forest ว่าจะสื่อสารกลิ่นออกมาในลักษณะใด 

เปิดความหอมของกลิ่นด้วยการเป็นโทนสาย Fruity ที่ตีคู่กับกลิ่นโทนเขียวกันก่อน โดยกลิ่นที่เด่นเป็นสง่าเลยคือ แบล็คเคอแรนท์ ที่มาหมดเลยทั้งผล ใบ และดอก ซึ่งจะผสมผสานกันออกมาเป็นกลิ่นอายแบล็คเคอแรนท์ตามธรรมชาติที่มีทั้งความเปรี้ยวหอมหวานปลายค่อนไปทางเบอร์รี่สีม่วง กลิ่นใบเขียวๆ ติดเปรี้ยวหอมค่อนไปทางไวน์แดงหน่อยๆ และกลิ่นดอกที่มีความหอมเปรี้ยวอมหวานระเรื่ออะโรม่า โดยจะมีกลิ่นอายโทนออกทางบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกปร่าอ่อนๆ เย็นๆ กึ่งสมุนไพรแนว Fresh Spicy ติดค่อนมาทางนวลๆ ของโรสแมรี่เข้ามาด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะรวมกันเป็นเหมือนแรกสูดดมอากาศออกทางสวนแบล็คเคอร์แรนท์ที่มีความปลอดโปร่ง เย้าจมูก รื่นรมย์ และดึงดูดอย่างมีเสน่ห์มาก 

เพียงชั่วขณะสิ่งที่ตามมาติดๆ คือโทนไม้หอมที่ออกทางเขียวชะอุ่มติดทึมๆ มีความดาร์ก แต่ก็มีความสะอาดร่วมด้วยไปในตัวอย่างกลิ่นสนไพน์และกลิ่นออกทางหญ้าแฝกที่เป็นโทนไม้แห้งติดดินๆ หน่อยจะเริ่มตีคู่ขึ้นมาล้อไปกับกลิ่นโทนแบล็คเคอแรนท์ทั้งหลาย ซึ่งยังไม่พอกลิ่นความเป็นบรรยากาศในเนื้อกลิ่นจะไม่ได้เป็นแค่ Background แบบในตอนต้นแล้วเพราะจะเริ่มชัดเจนมาขึ้นจนมีมิติของกลิ่นโทนป่าที่มีต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ ขอนไม้ ออกทางทึมๆ มีความปร่าปนชื้นๆ ที่เกลากลิ่นออกมาได้อย่างสมดุลย์และเป็นธรรมชาติมาก โดยจะจับต้องได้ถึงกลิ่นปร่าเครื่องเทศเผ็ดโปร่งอย่างเม็ดผักชี กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ มีความเขียวเจือๆ กลิ่นใบแบล็คเคอร์แรนท์ กลิ่นเขียวสมุนไพรติดขม และกลิ่นเหล้ารัมเคล้าไวน์แดงที่ทำให้มีความเย้ายวาดึงดูดในความทึมๆ ซึ่งทั้ง 3 โทนจะเป็นมิติกลิ่นที่เอื้อประโยชน์กันได้อย่างลงตัว สร้างสร้างในหัวถึงการยืนอยู่ในป่าทึมๆ มีแสงลอดต้นไม้มาประปราย มีอากาศที่สดชื่นปร่าปนหมอกชื้นๆ แต่ไม่ถึงกับชุ่มฉ่ำ ได้ความรู้สึกเป็นป่าในเทพนิยายที่ได้ทั้งความเป็นธรรมชาติแบบป่าจริงๆ และความสวยงามดึงดูดจากโทนฟรุตตี้ที่จำลองกลิ่นออกมาได้ลงตัว ซึ่งนี่แหละคือไฮไลท์ที่งดงามมากจริงๆ และเป็นช่วงกลางที่สื่อสารถึงชื่อน้ำหอมได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

ความเป็นป่าในเทพนิยายจะยังคงอยู่ไปเรื่อยๆ แต่จะผ่อนลงมาตามลำดับจนกลิ่นโทนผลไม้เริ่มจางไป ก็เริ่มสลับสับเปลี่ยนให้กลิ่นโทนไม้หอมและยางไม้ต่างๆ ขึ้นมาแทนที่ โดยมีโทนออกทาง Earthy ติดดินๆ ชื้นบางๆ เสริม ทำให้ได้ความรู้สึกผ่อนคลายปนอะโรม่า โดยกลิ่นที่เด่นออกมาให้จับได้เลยคือ กลิ่นออกทางพืชล้มลุกคลุมผิวหน้าดินอย่างพิมเสนและ Oak Moss ที่โดนเกลากลิ่นอย่างกลมกล่อมรื่นไหลให้ความรู้สึกดาร์กปนเขียวเข้มหน่อยๆ ระเรื่อคล้ายกลิ่นระเหยออกมาจากพื้นดินที่ความชื้นอ่อนๆ และมีกลิ่นอายของไม้หอมที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายๆ กับกลิ่นอายอบอุ่นน่าค้นหาจากโทนออกทางยางไม้ที่ให้โทนออกทางธูป Incense กึ่งโทนวานิลลาบางๆ ซึ่งทำให้กลิ่นในช่วงนี้ได้อารมณ์แบบนั่งเล่นในป่าลึกที่มีแสดงสาดส่องทะลุต้นไม้มาประปราย ความชื่นเริ่มจางลงเหมือนเข้าสู่ยามสายมากขึ้น แต่ก็ยังคุมโทนบรรยากาศที่ให้ความเยือกเย็นน่าค้นหาได้ดีอยู่ตลอด 

เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจนที่สุด เพราะเป็นกลิ่นอายสภาพแวดล้อมและบรรยากาศเช่นนั้นจัดได้ทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายก็ใช้ได้แล้ว ยิ่งถ้าใครชอบโทนกลิ่นที่ให้ความเป็นธรรมชาติ ยิ่งจะฟินกับกลิ่นที่สร้างภาพและความรู้สึกของบรรยากาศแบบนี้ได้เลยทีเดียว โดยสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืนแบบทั่วๆ ไปที่ให้ความอะโรม่าธรรมชาติ รวมถึงใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งได้ แต่ถ้าเป็นออกงานหรือยามทางการอาจจะต้องเลือกสถานการณ์หน่อย เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายสร้างความภูมิฐานชัดๆ นัก รวมถึงการใส่ออกกำลังกายซึ่งจริงๆ ก็ได้อยู่ แต่ถ้าเทียบกับราคา เก็บไว้ใช้แบบทั่วไปเถอะ เปลืองน้ำหอม ตลอดจนตัดทิ้งการใส่ไปท่องราตรีได้เลย นกคูณ 2 ไม่พอโดนกลบมิด แบบไม่ต้องคาดหวังเรื่องความเซ็กซี่เย้ายวนเลย กลิ่นนี้ไม่ได้มีอัตลักษณ์แบบนี้แน่ๆ 

ความทน - ราวๆ 6 ชม. เป็นสำคัญ มีบวกลบที่ 2 ชม. อิงตามสภาพผิวและจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นเรียกว่าชัดเจนจนรู้สึกได้เลยถึงกลิ่นโทนฟรุตตี้เบอร์รี่สีม่วงกันเต็มๆ แล้วจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ มาเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบยาวไป ให้ความอะโรม่ากับคนใช้เสียมากกว่า แต่ถ้าเดินสวนกันหรือยืนใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นอยู่ พอพ้นไปซัก 6 ชม. จะกลายเป็น Skin Scent แล้วค่อยๆ จางไปในที่สุด 

สรุป - ยกดาวให้ทั้งฟ้า กลิ่นดีงามมาก จำลองความเป็นป่าในเทพนิยายออกมาได้อย่างหมดจดและแตะคำว่าสมบูรณ์แบบมากจริงๆ โดยยังคุมโทนความเป็นธรรมชาติของเนื้อกลิ่นได้ดีมาก ให้คำว่าชอบอย่างเดียวคงไม่ได้ ให้คำว่า รักไปเลยน่าจะง่ายกว่า 

หมายเหตุ: 

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://essenza-nobile.de/fragrances/the-vagabond-prince/enchanted-forest.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น