วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Givenchy - Insense Ultramarine

Givenchy - Insense Ultramarine

น้ำหอมชายของ Givenchy ที่เราๆ น่าจะรู้จักกันดีและได้รับความนิยม เรียกว่ามีหลาย Collections เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น pour Homme, Pi, Gentleman, Gentleman Only, Xeryus, Play และสาย Classic แต่มีอยู่อีกหนึ่งที่ได้รับความนิยมแบบเรื่อยๆ และได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวในช่วงปี 90 ถึง 2000 นั่นก็คือ Insense Collection ที่เปิดตัวในปี 1993 กับการเป็นสาย Classic Aromatic Fougere กับรุ่นเบิกทางอย่าง Insense 

แต่เหตุหักมุมก็เกิดขึ้นในปีต่อมา (1994) เพราะรุ่นที่เป็น Flanker ออกมาอย่างต่อเนื่องอย่าง Insense Ultramarine ที่แตกหน่อ ออกมาเข้าสู่โทนการเป็นสายสดชื่นแบบกลิ่นอายทะเลตามยุคสมัยนิยมผสมผสานกับโทนทีมของรุ่นบุกเบิกดันออกมาแล้วได้รับความนิยมเกินหน้าเกินตารุ่นบุกเบิก จนกลายเป็นรุ่นที่แตกสายเป็นของตัวเองด้วยการมีลูกหลานสาย Ultramarine ตามมาอีกเพียบ ทิ้งให้รุ่นบุกเบิกค่อยๆ หายไปจากตลาดซะงั้น เช่นนั้น รุ่นนี้มีดีอย่างไงต้องเล่าแล้วล่ะ 

เปิดตัวด้วยกลิ่นอายสดชื่นกันก่อนเลย ซึ่งเนื้อกลิ่นจะไม่ได้เอาความเป็นโทน Citrus เด่นนำนัก แต่ให้ความเป็นโทนผลไม้ติดฉ่ำๆ อย่างแตงโมเป็นตัวเดินกลิ่นแทน โดยจะให้ความเป็นโทนลูกผสมที่จับต้องความเป็นแตโมออกทางติดฉ่ำสดชื่นหอมแต่ไม่ได้ถึงกับหวานฉ่ำ เพราะจะมีกลิ่นออกทางเขียวติดขมคมๆ ผสมกับกลิ่นออกทางผลไม้เบอร์รี่สีเข้มที่ให้ความเปรี้ยวอมหวานติดแอมโมเนียนิดๆ ที่สร้างออร่าความเป็นน้ำหอมกลิ่นออกทางแมนๆ อย่างแบล็คเคอร์แรนท์ ที่ทำให้กลิ่นในช่วงต้นสร้างออร่าของความสดชื่นที่เด่นกับความเป็นผลไม้และมีความเป็นน้ำหอมผู้ชายกันอย่างชัดเจน ที่สำคัญให้โทนกลิ่นออกทางสีฟ้าสว่างๆ ติด Aquatic ตั้งแต่เริ่ม แอบติดโทน Sport หน่อยๆ เสียด้วย

เพียงไม่นานจะเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโทนเขียวติดปร่าที่สร้างความสว่างให้เนื้อกลิ่นเข้ามาอีกอย่างมินต์ที่จะสร้างความสดชื่นติดเขียวปร่าแบบพอเหมาะสอดรับกับกลิ่นโทนสดชื่นผลไม้ฉ่ำแมนได้อย่างลงตัว แล้วกลิ่นจะเริ่มมีการปรับเปลี่ยนอย่างน่าสนใจมากในการเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม นั่นคือ กลิ่นเริ่มจะมีโทนดอกไม้เข้ามามากขึ้นตามลำดับ จนเทคโอเวอร์เต็มตัวในช่วงกลางได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ถีบหัวส่งโทนสดชื่นสีฟ้า เพียงแต่ลดบทบาทลงมาเป็นสายสนับสนุนที่ยังคงสร้างโทนสดชื่นในเนื้อกลิ่นอยู่ตลอดยาวไปจนถึงต้นช่วงท้ายเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกลิ่นโทนดอกไม้ที่กลายเป็นตัวนำโทนในช่วงกลางคือ ดอกไอริส ที่เสริมด้วยกลิ่นอายของคาร์เนชั่นที่ให้โทนปร่าติดเขียวนุ่ม ทำให้กลิ่นไม่ได้ไปเป็นโทนแป้งแต่อย่างใด และเนื้อกลิ่นมีลักษณะของเครื่องเทศโทนหวานเผ็ดเย้าอ่อนๆ มาเร้าๆ จมูกรวมอยู่ด้วย เมื่อมาเจอกับโทนสดชื่นผลไม้ที่ตามมาจากจอนต้น กลิ่นเลยจะให้ความ Airy กึ่ง Aquatic ที่ให้โทนสีฟ้าแต่มีความเซ็กซี่ประปรายในเนื้อกลิ่นอยู่ตลอด เรียกว่าตรงนี้แหละ ที่มีความแตกต่างจากโทนน้ำหอมสายกลิ่นอายติดทะเลที่มักจะได้แต่ความสดชื่นทะเลมันเข้าไป แต่ไม่ได้อารมณ์อื่นๆ ที่สร้างมิติอารมณ์อื่นๆ เท่าไหร่ ถือเป็นไฮไลท์ของน้ำหอมรุ่นนี้ได้เลย และเมื่อโทนความสดชื่นผลไม้แมนๆ กับความเป็นแตงโมเริ่มหลงเหลือเพียงเบาบาง แต่เป็นการเปิดตัวเอากลิ่นอายโทนหญ้าแฝก และยาสูบขึ้นมามีบทบาทแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นโทนดอกไม้ไอริสและความปร่านุ่มจะกลายเป็นสายสนับสนุนรองใจดีที่ให้ความนวลติAiry แต่กลิ่นยังชัดและจับต้องได้อยู่ แถมแอบค่อนไปทางสายสบู่สะอาดๆ ติดทึบมีเสน่ห์เสียด้วย ซึ่งจะเป็นตัวดันดาราให้กลิ่นอายโทนหวานอะโรม่าสบายๆ ของยาสูบเคล้ากับกลิ่นติดไม้หอมแห้งๆ ของหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์โปร่งๆ มีความเรื่อยๆ สบายๆ แต่เย้ายวนในทีแบบที่ไม่โจ่งแจ้ง ซึ่งช่วงท้ายเรียกว่าเป็นการปรับโทนความแมนจากตอนต้นที่เป็นมาสู่ความเป็นโทนผู้ชายทันสมัยที่มีเสน่ห์ แถมด้วยกลิ่นอายบรรยากาศสบายๆ ล้อมอ่อนๆ ได้อย่างลงตัวและดีงามเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปสามารถใช้ตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นมีลูกเล่นไล่เรียงโทนกลิ่นที่ไม่เหมือนน้ำหอมสดชื่นทะเลตัวไหนเลย แถมยังมีเสน่ห์เฉพาะมากอีกด้วย ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป เพราะกลิ่นมีทั้งความ Sport ก็ได้ ทะเลสดชื่นก็ดี ติดมีเสน่ห์ปนเนี้ยบหน่อยๆ ก็เหมาะ เรียกว่าขวดเดียวได้แทบทุกงานลามไปถึงออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งได้สบายมาก ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบทั่วๆ ไปจะดีกว่า เน้นเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่เอาอยู่ เพียงแต่จะไปสู้กับพวกอวลแน่นปล่อยพลังจัดเต็มได้ยากหน่อยก็เท่านั้นเอง 

ความทน - ดีเลยทีเดียวกับราวๆ 8 ชม. ซึ่งจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันที่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมากลางๆ เรื่อยๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในที่สุด พอพ้นซัก 8 ชม. กลิ่นจะเริ่มเป็น Skin Scent ในที่สุด

สรุป - Insense Ultramarine เปรียบเสมือนเป็นน้ำหอมที่ Unique มากในยุคนั้น แต่ถ้ามองจากมุมในยุค 2010 นี้ น้ำหอมตัวนี้เหมือนบอกเล่าอนาคตโทนกลิ่นจากสดชื่นสไตล์ 90 มาสู่กลิ่นอายสไตล์ยุค 2000 ที่เริ่มมีโทนเซ็กซี่กำลังดี ตามด้วยยุค 2010 ที่สร้างออร่าความเย้ายวนทันสมัยแบบเนียนๆ สบายๆ ในกลิ่น ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมกลิ่นนี้ยังคงอยู่ยืนหนึ่งใน Collection - Insense ที่ยังคงได้รับความนิยมมาเสมอ แบบที่รุ่นตั้งต้นกับรุ่นหลานๆ สาย Ultramarine ก็ค่อยๆ หายไปตามลำดับ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.amazon.com/Givenchy-Insense-Ultramarine-Ounce-Spray/dp/B00021AWV4

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 มกราคม 2566 เวลา 10:53

    หอมชื่นใจจริง ๆ สำหรับกลิ่นนี้

    ตอบลบ