วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: Jo Malone - Jasmine Sambac & Marigold

Jo Malone - Jasmine Sambac & Marigold

ถ้าจับดอกไม้อย่างมะลิลาและดาวเรืองมาคู่กัน คิดว่ากิจกรรมต่อไปกับดอกไม้เหล่านี้คืออะไร ง่ายๆ ก็ร้อยมาลัยนั่นไง ซึ่งดอกไม้ 2 ประเภทนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองไทยมาอย่างช้านานแล้ว เรียกว่าคนไทยทุกคนคุ้นชินเป็นแน่แท้ รวมถึงชาวเอเซียโดยส่วนใหญ่ที่อยู่กับประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธที่ต้องมีมาลัยมะลิกับดาวเรืองมาเกี่ยวด้วยเสมอ แต่ทางตะวันตกเขาไม่ได้รู้สึกอย่างเราๆ เพราะไม่ได้มีประเพณีอะไรแบบนั้น ซึ่งพอเขาได้มาเจอกลิ่นมาลัยก็อาจจะมีร้องอู้หูว อ้าหากันไปพอสมควร 

และสำหรับแบรนด์ Jo Malone เองเมื่อสุคนธกรหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการมาสร้างสรรค์กลิ่นอายสาย Cologne Intense หรือขวดดำ เมื่อได้มาเจอแหล่งผลิตมะลิลา (Jasmine Sambac) ที่อินเดีย และเจอประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่ต้องใช้มาลัยมะลิและดาวเรือง ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างสรรค์เพื่อความแปลกใหม่กับแบรนด์ซะเลย เช่นนั้น ความเป็นพวงมาลัยในแบบที่แบรนด์ Jo Malone ตีความออกมาสู่กลิ่นจะเป็นอย่างไรว่ากันที่รุ่นนี้เลย Jasmine Sambac & Marigold 

เปิดต้นกลิ่นมาก็เต็มๆ กับการเป็นกลิ่นโทนมะลิลาที่จะให้ความสดชื่นติดเขียวใส ติดหวานคมแต่ก็มีความนวลแบบดอกไม้ขาวรองพื้นกลิ่นอยู่ และมีกลิ่นออกทางติดยางๆ หน่อยที่ไม่ได้เด่นนัก ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีกลิ่นของดอกดาวเรืองมาตีคู่กันเลย ซึ่งดาวเรืองเวลาเราดมเราจะรู้สึกว่ากลิ่นมันเขียวๆ จืดๆ ยางๆ บอกไม่ถูก นั่นแหละกลิ่นของมันล่ะ ทำให้กลิ่นที่ได้ในภาพรวมสามารถทำให้เราร้องเพลง ค่าน้ำนมหรือว่า บุษบา - Modern Dog” กันได้เลย มันคือ พวงมาลัยที่ให้ความสดชื่นติดเขียวกำลังดี มีกลิ่นนวลๆ รองพื้นได้ชัดเจนมาก

เมื่อความสดชื่นเริ่มจะผ่อนตัวลงกลายเป็นสายสนับสนุน ความเป้นโทนดอกไม้เจือหวานนวลและมีความข้นในกลิ่นจะเริ่มเด่นขึ้นมา แต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้หนักหน่วงข้นคลั่ก เพราะยังคุมโทนสไตล์ Cologne แบบ Jo Malone อยู่ กลิ่นจะมีความหอมหวานนวลติดครีมอ่อนๆ ที่มีทั้งโทนมะลิ กลิ่นหอมเย้าอวลดึงดูดของกระดังงา และมีกลิ่นหวานใสติดน้ำผึ้งหน่อยๆ ที่ผสมผสานกัน แต่ในกลิ่นอายสายดอกไม้ขาวปนเหลืองที่มีความหวานที่มีกลิ่นดาวเรืองที่มีความเขียวเบาๆ เจือนั้น จะจับต้องได้ถึงกลิ่นออกทางตุ่ยๆ ที่เป็นโทน Indolic ตามธรรมชาติของมะลิที่มันจะมีกลิ่นติด Dirty แบบกลิ่นยางพาราให้รู้สึกได้ด้วย ซึ่งยังคุมโทนธรรมชาติของการเป็นดอกไม้ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อพอผ่านไปซักระยะ กลิ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยเสริมเข้ามา คือมีโทนติดวานิลลาเจือแอมเบอร์ยางไม้หน่อยๆ ที่ทำให้กลิ่นหวานดอกไม้ขาว เริ่มจะมีอารมณ์ลักษณะแบบกลิ่นเทียนติดหวานเนียนๆ เจืออยู่ ทำให้รู้สึกได้แบบกลิ่นขนมที่มีดอกไม้เป็นส่วนประกอบและผ่านการอบเทียนมาแบบเบาๆ ก็ได้ หรือออกแนวอยู่ในสถานที่ทางศาสนาที่มีกลิ่นเทียนเสริมกลิ่นดอกไม้ก็สามารถ ซึ่งกลิ่นจะเริ่มอุ่นขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ไม่ได้ออกแนวฮอตฉ่าแต่อย่างใด ให้ความเรื่อยๆ มาเรียงๆ กำลังดี จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจึงได้รู้ว่าตัวที่สร้าง Effect กลิ่นอบอุ่นติดกลิ่นคล้ายเทียนปนหวานนวลก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นนั่นคือ กลิ่นโทนแอมเบอร์และกำยาน Benzoin ที่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วง ให้ความสบายๆ เรื่อยๆ อบอุ่นผ่อนคลายกำลังดีมาเคล้ากับกลิ่นดอกไม้หวานนวลอ่อนๆ ที่ตามมาจากช่วงกลางซึ่งจะเป็นตัวรองพื้นที่มีอิทธิพลต่อกลิ่นภาพรวมพอสมควร แต่ก็ไม่ได้แย่งซีนตัวหลักอย่างโทนกลิ่นมะลิติดเขียวดาวเรืองที่มีความตุ่ยอ่อนๆ ที่ยังคงอยู่แบบบางๆ On Top เป็นเลเยอร์บนสุดซึ่งจะได้ความอ่อนโยน ละเมียด สุภาพ และเรียบหรูกรุ่นออกมาไปเรื่อยๆ นั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ลงไว้ว่า Unisex แต่เนื้อกลิ่นค่อนไปทางผู้หญิงราวๆ 75% ได้เลย เพราะมันมีความกุลสตรีไทยมากจริงๆ แต่จะว่าไป ไม่ใช่ว่าผู้ชายใส่น้ำหอมตัวนี้ไม่ได้ เพราะดอกไม้ประเภทนี้อยู่กับวัฒนธรรมของไทยเรามานาน เช่นนั้นยังไงผู้ชายก็ใส่ได้ ดูเป็นผู้ชายอ่อนโยนได้ดีเลยทีเดียว (ให้นึกถึงโป๊ป ในบุพเพสันนิวาสเข้าไว้ นั่นแหละอ่อนโยนแบบนั้นเลย) ยิ่งถ้าใส่กับเสื้อผ้าโทนสว่างขาวยิ่งเข้ากันมากๆ จริงๆ ซึ่งกลิ่นนี้สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังอยู่แล้ว จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ควรข้ามไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ รวมถึงการใส่ยามค่ำคืน ถ้าแบบทั่วๆ ไปหรือออกงานก็ได้อยู่ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี เกรงว่าเดี๋ยวจะทำให้คนอื่นมีความตะขิดตะขวงใจจนแอบหลอนเอาได้ ข้ามไปจะดีที่สุด 

ความทน - ดีงามสมฐานะการเป็น Cologne Intense กับราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีผ่อนไปที่ 6 ชม.บ้าง ก็ตามแต่สภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ให้ความประทับใจได้เลย แล้วจะผ่อนลงมาเป็นปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัว ที่ไม่หนักหน่วง ให้ความละเมียดกำลังดี แล้วเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย เป็น Jo Malone’s Style ชัดเจน 

สรุป - ใช่เลย มันคือ กลิ่นพวงมาลัยมะลิและดาวเรืองที่มีความสบายๆ กำลังดี ไม่หนักตามสไตล์ Whispering Scent ของ Jo Malone แต่ก็ทนมากขึ้นตามลักษณะของCologne Intense แน่นอนว่าฝั่งตะวันตกจะว้าวกับกลิ่นนี้มาก เพราะเขาไม่ได้มีประเพณีและวัฒนาธรรมที่เกี่ยวข้องกับดอกมะลิและดาวเรืองแบบสายเอเซียบ้านเรา แต่กับพวกเราอาจจะคุ้นไปหมดทุกสิ่งอย่างกับกลิ่นแบบนี้ ง่ายๆ ถ้าชอบกลิ่นพวงมาลัยที่เป็นธรรมชาติ ไม่หนักเกินไป และไม่ได้ดูยัดเยียดความเป็ยไทย ไท๊ย ไทยมากเกินกว่าเหตุ ตัวนี้เหมาะจริงจังกับการใช้งานแถมให้ความเรียบหรูอ่อนโยนมีระดับเกินคาดเสียด้วย 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://www.mimifroufrou.com/scentedsalamander/2019/01/jo-malone-jasmine-sambac-marigold-review.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น