วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: O Boticario - Malbec Noir

O Boticario - Malbec Noir 

O Boticario เป็นหนึ่งในแบรนด์สัญชาติบราซิลทางด้านเครื่องสำอางค์ ที่นอกจากจะได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างมากในประเทศของตัวเองแล้ว ยังแพร่หลายในทวีปอเมริกาทั้งเหนือ กลาง และใต้ ต่อที่ยุโรปบางประเทศ คือ ฝรั่งเศสและโปรตุเกส รวมถึงฝรั่งตะวันออกลางอย่าง UAE ตลอดจนข้ามมายังญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทเครื่องสำอางค์เป็นระดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ลักษณะของธุรกิจก็จะประมาณเดียวกันกับ Yves Rocher หรือ The Body Shop ในบ้านเราที่มี Shop ให้ซื้อหาสินค้านั่นเอง 

นอกจากแบรนด์จะเด่นเรื่องของเครื่องสำอางค์ Skin Care และ Body Care ทั้งหลายแล้ว ผลิตภัณฑ์เด็ดของแบรนด์ก็มีน้ำหอมด้วยเช่นกัน ซึ่งมีเยอะมากที่สุดของแจ้เลย ต่าง Collection กันไปทั้งน้ำหอมผู้หญิงและน้ำหอมผู้ชาย ซึ่งเมื่อได้โอกาสมาเจอกับแบรนด์นี้ครั้งแรก ก็ต้องเอาน้ำหอมกลิ่นอายสายผู้ชายเจ้าเสน่ห์มาลองกันหน่อยกับการชูโรงกลิ่นอายของไวน์ที่ทำจากองุ่นพันธุ์ Malbec ว่าจะมาในลักษณะใดกับรุ่นนี้เลย Malbec Noir 

ไวน์แดงและองุ่น จะเป็น 2 โทนหลักที่เป็นหัวใจของน้ำหอมรุ่นนี้เลย เพราะจะเป็น Center Notes ที่อยู่ยาวไปจนถึงช่วงท้ายของน้ำหอม โดยคุมโทนความมีเสน่ห์ตามลักษณะกลิ่นอายแบบไวน์องุ่นเป็นพื้นฐาน โดยจะมีกลิ่นอายแบบผู้ชายสาBad Boy ติดค็อกเทลปนดาร์กหน่อยๆ เป็นตัวสนับสนุนในแต่ละช่วงให้กลิ่นมีมิติที่แตกต่างกันไป โดยในช่วงต้นความเป็นไวน์แดงและกลิ่นโทนองุ่นจะยังเป็นสายสนับสนุนคุมพื้นหลังอยู่ แต่กลิ่นจะยังมีความใสๆ ออกทางโทนน้ำผสมผสานกับกลิ่นของ Citrus กลั้วผลไม้ที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่พอสมควร โดยจะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนCitrus ที่ค่อนไปทางเปรี้ยวติดขม ผสมผสานกับกลิ่นโทนสับปะรดและแอปเปิ้ลเขียว ที่กลิ่นจะไม่ได้เด่นและใสแจ๋วอะไรนัก เพราะเนื้อกลิ่นมีโทนออกทาง Spicy ติดนวลๆ กึ่งกุหลาบ เย้ายวนโปร่งๆ ของพริกไทยสีชมพูที่เป็นตัวดึงโทนกลิ่นให้ไม่เป็น Citrus Fruity แบบโดดเด่นเกินไปนัก กลิ่นเลยจะไม่แย่งซีนโทนไวน์แดงที่เป็นฉากหลังเท่าไหร่ซึ่งจะผสมผสานกันได้ลักษณะแบบกลิ่นอายคล้ายน้ำพันช์ผลไม้รวมปนกลิ่นปร่านวลเจือกลิ่นไวน์เบา และเพียงไม่นานจะเริ่มจับต้องได้ถึงชั้นของกลิ่นที่เริ่มหนามากขึ้นและมีความ Spicy มากขึ้นที่ทยอยออกมาเสริมทัพตามลำดับ ทำให้ได้ความอวลๆ แมนๆ เข้ามามากขึ้นตามลำดับในการเข้าสู่ช่วงถัดไปที่จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น และมีความอวลแน่นมากขึ้นอีกสเต็ป 

ในช่วงกลางกลิ่นลักษณะที่ค่อนไปทางแมนๆ ติด Bad Boy จะเริ่มชัดขึ้น เพราะเมื่อโทน Citrus ติดผลไม้ในตอนต้นมาเจอกับกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ และมีโทน Fresh Spicy ที่ให้ความปร่าติดนุ่มปนซ่าของพริกไทยและเม็ดผักชี กลิ่นจะให้โทนแมนๆ ติด Bad Boy แต่ไม่หนักหน่วงมาก ยังคุมโทนความมีคลาสของเนื้อกลิ่นได้อย่างดีอยู่ ไม่ได้แน่นนัวแบบน้ำหอมชายสาย Bad Boy เสียส่วนใหญ่นัก ซึ่งกลิ่นสายแมนๆ นี้จะตีคู่กับโทนไวน์แดงและองุ่นที่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ได้อารมณ์แบบผู้ชายแมนๆ จิบไวน์แดงได้อยู่ ซึ่งถ้าพินิจพิเคราะห์กลิ่นต่อจะเริ่มจับต้องได้ว่ามีโทนกลิ่นออกทาง Rooty ติดไม้หอมที่เป็นลักษณะของหญ้าแฝกผสมผสานกับกลิ่นที่ออกทางกึ่งแป้งอัลมอนด์ขมๆ กลั้วกลิ่นเขียวหญ้าแห้งค่อนไปทางนวลๆ ของถั่วตองก้า และกลิ่นโทนอบอุ่นแนวๆ แอมเบอร์อวลอุ่นนัวๆ ที่ค่อยเนียนแทรกเข้ามาตามลำดับด้วย จนเมื่อ 3 โทนสายเนียนนี้สามารถเทคโอเวอร์กลิ่นได้ทั้งหมด ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้าย ที่แน่นอนว่ากลิ่นขอวไวน์แดงและองุ่นยังคงสตรองอยู่ แต่จะเพิ่มความนวสปนอวลเย้าอบอุ่นมีเสน่ห์น่าค้นหาเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นในช่วงกลางแม้โดยเทคโอเวอร์ก็จริง แต่ก็ลดทอนตัวเองมาเป็นสายสนับสนุนให้ความแมนในเนื้อกลิ่นต่อ รวมถึงจะมีกลิ่นอายแบบดาร์กหน่อยๆ น่าค้นหาจากพิมเสนที่เริ่มเปิดตัวมาให้รู้สึกได้ในช่วงนี้พร้อมกับกลิ่นโทนไม้หอมติดครีมมี่ของจันทน์หอม ปนกลิ่นอวลลึกสไตล์แอมเบอร์ปนโทน Musky ที่พอรวมกันทำให้ช่วงท้ายจะค่อนข้างครอบคลุมพอสมควรกับการเป็นกลิ่นอายผู้ชายเจ้าเท่ห์น่าค้นหาและเย้ายวนอวลอุ่นที่สตรองกำลังดี มีทั้งอารมณ์ดึงดูด อารมณ์เท่ห์ อารมณ์เจ้าเสน่ห์ อารมณ์แมนนิ่ง และอารมณ์ดาร์กนัวแต่ไม่ได้ข้นหนัก ออกแนวติดซีทรูมองทะลุได้เสียมาก ซึ่งจะไม่ได้มาสายตะบี้ตะบันพรีเซนต์ตัวเองว่ามีเสน่ห์ แต่มันคูลออกมาเองจากเนื้อกลิ่นที่มีอะไรมากกว่าน้ำหอมผู้ชายสายแมนเย้าทั่วไปนั่นเอง 

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้งานตัวนี้ได้แล้ว เพราะมันกลิ่นแมนๆ จิบไวน์กันอย่างมีระดับ แบบที่ใส่ยามกลางวันได้อยู่ในบางสถานการณ์ที่ไม่ควรเป็นสายทางการจัดๆ นัก เพราะกลิ่นมันมีไวน์คนจะมองหน้าเอาได้ว่ากรึ่มก่อนมาพบปะทางธุรกิจหรืออย่างไร รวมถึงใส่ออกกำลังกายก็ไม่เข้าทางนัก แต่ถ้าใส่แบบอยู่ Office หรือทั่วๆ ไป ยิ่งกับชุดสีเข้มด้วยแล้ว เออ เท่ห์ Cool ไม่หยอกเลย ส่วนยามค่ำคืน ไม่ว่าจะออกงานหรือท่องราตรีบอกเลยจัดไป กลิ่นมีดีพอ และเรียกร้องความสนใจแบบมีชั้นเชิงได้ไม่ยาก 

ความทน - มากกกกกก เพราะใช้กี่ครั้งกลิ่นก็ลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้สบายๆ และสูงสุดที่เจอคือ 15 ชม. เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเทียบกับสภาพผิวอื่นๆ ค่าเฉลี่ยก็น่าจะอยู่ที่ราว8 ชม. ได้ไม่ยาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แต่ก็พลิกเกมมากระจายดีมากในช่วงกลางยาวนานพอสมควร ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ เข้าเข้าช่วงท้ายถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวเท่ห์ๆ ยาวไป 

สรุป - ไม่ได้ไก่กา แม้ว่าจะเป็นกลิ่นแมนๆ สายเจ้าเสน่ห์แต่ก็มีดีในตัวสูงที่สร้างออร่าแมนๆ จิบไวน์มีระดับได้อย่างลงตัว แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้มาสายนัวข้นมาก แต่แค่นี้ก็ถือว่าสร้างอัตลักษณ์โทนค็อกเทลไวน์ที่เข้ากับผู้ชายได้อย่างน่าสนใจมากจริงๆ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - https://www.perfumemaster.com/o-boticario/malbec-noir-mens-cologne

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น