วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Review: Balenciaga - Rumba

Balenciaga - Rumba 

ในแง่ของ Fashion และความเก๋แบบเอาสิ่งที่เราๆ คุ้นชินมาเป็นแฟชั่นขึ้นรันเวย์แบบไม่คิดว่ามันจะเริ่ด
 โดยเฉพาะสาย Assessories อย่างกระเป๋าอิเกีย กระเป๋าสีรุ้งสำเพ็ง หรือถุงใส่ชุดเครื่องนอนทอเต็มผืนหลับเต็มตื่น ที่กลายเป็นเป็นความเก๋ของแฟชั่นที่ Balenciaga ได้เขย่าแฟชั่นวีคมานักต่อนัก แน่นอนว่าน้ำหอมเองแม้ว่าจะไม่ได้พีคเท่า แต่ความดีงามที่มาเรื่อยๆ เก็บกินยาวๆ ตั้งแต่ยุค 40 จนถึงปัจจุบัน 

เมื่อเคยผ่านการเล่าหนึ่งในกลิ่นที่สร้างความเก๋เนียนๆ ในการเป็นน้ำหอมโทนแป้งเขียวโปร่งเด่นที่ไวโอเล็ตแต่มีความเย้ายวนที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครอย่าง Balenciaga Paris ก็ขอย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ของโทน Vintage ในช่วงปลายยุค 80 ซึ่งเอาความ Classic มาเจอกับความพลิ้วไหว เย้ายวน เล่าเรื่องราวความรักผ่านท่วงท่ากับการเต้นลีลาศแบบ Rumba สิ่งที่ได้ออกมาจึงเป็นแบบนี้

Rumba เปิดตัวด้วยความน่าค้นหาในแบบสไตล์น้ำหอม Powerhouse ยุค 80 กันอย่างชัดเจน เพราะกลิ่นสามารถสร้างจุดสนใจให้หันมองได้ทันที กับพลังของกลิ่นที่เริ่มด้วยกลิ่นโทนเย้าของลูกพลัมที่จให้ความรู้สึกออกทางโทนสีม่วงดึงดูดและเย้ายวน เพียงแต่จะไม่ได้เป็นสาย Fruity ผลไม้จ๋าๆ แม้ว่าจะจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนพีชที่ให้ความหวานหอมโปร่งกับกลิ่นราสเบอร์รี่ที่หวานอมเปรี้ยวเจือกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ที่แทรกซึมสร้างออร่าความน่าสนใจในกลิ่น แต่ตัวที่สร้างพลังและความฟุ้งพุ่งเต็มๆ เหนี่ยวเลยคือ สารหอม Aldehydes ที่สร้างอัตลักษณ์ความเป็นโทนสบู่คมๆ เคล้ากับกลิ่นสะอาดติดเปรี้ยวปลายกลิ่นอ่อนๆ ของดอกส้ม และมีความขมติด Spicy หน่อยๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) กลิ่นเลยจะได้ความทรงพลังแบบสบู่คมฟุ้งติดหวานหอมผลไม้โทนเข้มที่ปล่อยพลังรอบตัว ที่สำคัญในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงโทน Animalic แบบกลิ่นหนังกับกลิ่นเขียวเข้มน่าค้นหาติดกรุยกรายของ Oakmoss ที่เป็นเสมือน Background เสริมพลังให้กลิ่นเข้าไปอีกความทรงพลังจึงมาแบบจัดเต็มในความเป็น Vintage สไตล์ชัดเจน 

ผ่านไปไม่นานกลิ่นอายโทนดอกไม้ขาวติดครีมมี่เย้ายวนอย่างซ่อนกลิ่นจะเริ่มดันเข้ามาโดยมีโทนดอกไม้ขาวอื่นๆ เป็นตัวเสริมอย่างมะลิและดอกพุด ซึ่งจะทำให้ความครีมมี่มีความหอมนวลปนหวานที่มีมิติมากขึ้น และมาผสมผสานกับกลิ่นที่ออกทางยางไม้เมือกเขียวหน่อยๆ กลิ่นทึบอ่อนๆ แบบดอกดาวเรือง รวมถึงมีความติดปร่านวลเขียวหน่อยๆ จากคาร์เนชั่นและและกลิ่นออกทางแป้งดอกไม้ที่ติดหอมหวานจะเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน กลิ่นเลยเริ่มจะเป็นลักษณะผลไม้จากตอนต้นมาผสมผสานกับดอกไม้ติดแป้งในตอนกลาง ที่จะได้ทั้งความน่าค้นหาและเย้ายวนที่ยังคงทรงพลังอยู่ โดยที่จะมีตัวแปรอีก2 กลิ่นที่มาสร้างมิติความหวานลึกและความเซ็กซี่ติด Dirty Animalic นั่นคือน้ำผึ้งที่ให้ความหวานระเรื่อติดปร่าเข้มหน่อยๆ ของ Oakmoss และกลิ่นสายปลุกเร้าของหนังที่จะเริ่มชัดขึ้นตามลำดับ สร้างความเร้าใจในความหวานดอกไม้กลั้วผลไม้ที่ยังคุมโทนความทรงพลังได้เต็มเหนี่ยวจริงๆ ซึ่งโทนหนังกับน้ำผึ้งนี่แหละที่จะเป็นตัวเดินกลิ่นสำคัญไปจนถึงช่วงท้ายของน้ำหอมเลย 

แน่นอนว่ากลิ่นไม่มีหมดแม็กซ์ เพราะเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายความทรงพลังยังคงมีอยู่และเรียกร้องความสนใจแบบชัดเจนในสไตล์ Vintage ติดหวาน ซึ่งช่วงนี้กลิ่นของหนังจะให้ความปลุกเร้าเคล้าความหวานน้ำผึ้งที่เด่นออกมาชัดเจนมาก เพียงแต่ตัวที่เสริมโทนดาร์กติดน่าค้นหาปนกรุยกรายสไตล์ Vintage อย่าง Oakmoss จะเป็นอีกหนึ่งสายสนับสนุนที่ชัดเจนมากในการสร้างความน่าค้นหาติดหรู เนื้อกลิ่นจะมีความอบอุ่นมากขึ้นติดวานิลลาหน่อยๆ ลักษณะแบบโทนแอมเบอร์ที่เข้ามาเสริมพร้อมกับกลิ่นไม้หอมนวลๆ ของไม้จันทน์หอมและกลิ่นเย้าจมูกติดสมุนไพรแห้ง Earthy หน่อยๆ ของพิมเสน ที่สำคัญกลิ่นของลูกพลัมที่คิดว่าน่าจะจางลงไป ก็ยังคงอยู่ มาให้ความหวานเย้าอีกดอกให้กับกลิ่น ทำให้ช่วงท้ายจะเป็นการผสมผสานที่จะได้ความเป็นโทนปลุกเร้าหนังที่ฉาบด้วยกลิ่นอายน้ำผึ้งติดโทนดาร์กกรุยกรายและดาร์กหวานลุ่มลึก โดยมีความอบอุ่นติดเย้าปนไม้หอมที่ให้มิติดึงดูดซ้ำเข้าไป โดยยังคุมลักษณะกลิ่นอายแบบ Old School ที่กรุยกรายโดยพลังการกระจายของกลิ่นไม่มีคำว่าดรอป มาแบบแรงดีไม่มีตกยาวไปเลยทีเดียว 

เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป ที่อย่างน้อยผ่านน้ำหอมโทนยุค 80 มาบ้าง จะเข้าถึงตัวนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลิ่นจะทรงพลังพอสมควร เลยเหมาะกับบางสถานการณ์ยามกลางวัน เช่น ทำงาน และทั่วๆ ไปแบบที่เน้นสร้างออร่าความเป็นนางพญาแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม และไม่หนักมือเพราะไม่ใช่แค่คนอื่นจะขาดออกซิเจน คนฉีดเองก็สามารถลิ้นจุกคอหอยได้ ซึ่งให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายในทุกกรณีได้เลย ส่วนยามค่ำคืน ถ้าแน่ต้องการสร้างออร่าสไตล์ Vintage ที่ทรงพลัง คมคาย และมีความเย้ายวนแบบนางพญาอันนี้จัดไป เพราะใส่ออกงานก็ได้หรือว่าจะท่องราตรีก็สามารถ

ความทน - มากกกกกกก ขอให้ที่ 24 ชม. เลยน่าจะดีกว่า เพราะใช้แล้ว อาบน้ำแล้ว 2 รอบ คือ กลางคืนวันที่ใช้ และเช้าวันถัดมา กลิ่นยังติดดีอยู่ ซึ่งถ้าเอาแบบค่าเฉลี่ย 12 ชม. นี่ทำได้สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากตลอดตั้งแต่ต้นยันช่วงปลางของน้ำหอมเลย มาทรงปล่อยพลังชัดเจนไม่ลดราวาศอกใดๆ จนเมื่อผ่านไปซัก 8 ชม. ถึงจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อถึง 15 ชม. จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัว จนอาบน้ำนอนไปแล้ว ตื่นมาอายน้ำอีก กลิ่นยังอยู่ ตีขึ้นเบาๆ 

สรุป - หนึ่งในความทรงพลังที่เรียกว่า มาเต็มทุกเม็ดและสร้างความเป็นนางพญาที่มีความเย้ายวน ดาร์ก และดิบในสไตล์น้ำหอมแนว Vintage ได้ดีมาก นี่แหละ Balenciaga ที่สร้างความน่าจดจำได้อย่างงดงามอยู่เสมอ 

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credithttps://www.parfumo.net/Perfumes/Balenciaga/Rumba_Eau_de_Toilette


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น