Luciano Pavarotti for Men
ในสายคนที่ฟังเพลงแนว Opera คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Luciana
Pavarotti แน่ๆ เพราะเป็นหนึ่งในเทพด้านการร้องที่อยู่ในชนิดโทนเสียง Tenor
ที่ยอดเยี่ยมมาก (Voice Type ของผู้ชาย จะมี 4
โทน คือ Countertenor, Tenor, Baritone และ Bass)
ซึ่งมีชื่อเสียงมาก ซึ่งถ้าได้ฟังเพลง Nessan Dorma ที่เขาร้องจะบอกได้เลยว่านี่คือที่สุดในเรื่องการใช้เสียงสูงของผู้ชายจริงๆ
แต่ขอข้ามเรื่องเสียง
มาว่ากันที่เรื่องของน้ำหอม เพราะเนื่องจากเป็นที่รู้จักระดับโลกแน่นอนว่าการต่อยอดทางด้านอื่นๆ
ในการใช้ความเป็น Artist/Celebrity จึงได้มีและมาที่การเป็นแบรนด์น้ำหอมที่ใช้ชื่อ Luciano
Pavarotti ซึ่งแม้ว่าทุกวันนี้น้ำหอมแบรนด์นี้จะเลิกผลิตและหายากมากในปัจจุบัน
แต่ความดีงามของน้ำหอมยังถือว่าคงอยู่มาเสมอ เช่นนั้นเลยขอมาเล่ากลิ่นกันหน่อยดีกว่า
ว่าโทนกลิ่นสายสุภาพบุรุษของแบรนด์นี้ที่สื่อสารถึงตัวศิลปินโดยตรงจะมาในลักษณะไหน
เพียงแค่กลิ่นเปิดก็บอกได้เลยว่าเป็นน้ำหอมสไตล์สุภาพบุรุษที่มีระดับและเนื้อกลิ่นดีเกินคาดในการเป็นน้ำหอมสาย
Celebrity ที่มีคุณภาพระดับ Niche
Perfume กันเลยทีเดียว ซึ่งจะเริ่มต้นที่กลิ่นอายสาย Citrus
ติดเขียวแบบ Classic แต่ไม่ได้ดู Vintage
จ๋าๆ แบบเน้นฟุ้งๆ พุ่งคมอะไร โดยจะเป็นการแบ่งเค้กที่ลงตัวระหว่างการเป็นโทนเขียวกับโทน
Citrus สดชื่นที่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างดีงาม
โดยทางฝั่งโทนเขียวจะมีกลิ่นใบไอวี่ที่ให้ความเขียวแบบใบไม้คลอไปกับกลิ่นใบเวอร์บีน่าที่ให้ความเป็นโทนเปรี้ยวติดเขียวสะอาดที่แอบมีกลิ่นโทนเขียวติดเข้มอ่อนๆ
ของ Oakmoss และกลิ่นสมุนไพรเขียวเจือหวานของพิมเสนเนียนๆ
อยู่ด้วย โดยจะมีสายเชื่อมโทนอย่างกิ่งก้านส้มกับดอกส้มที่สกัดแบบไอน้ำ
(Neroli) ที่ทำให้กลิ่นไปผสมผสานกันได้อย่างลงตัวกับโทน
Citrus ที่มีเลมอนเป็นตัวเด่นทำให้ได้กลิ่นเปรี้ยวติดปลายหวานอ่อนๆ
ปนขมออกทางมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ซึ่งกลิ่นจะไม่ได้ออกทาง Cologne
ฉ่ำๆ หรือมาสายสดชื่นแห้งๆ เกินไป แต่คุมความเป็นกลิ่นโทนสดชื่นติด
Classic และเป็นธรรมชาติกำลังดี ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสุภาพในเวลาเดียวกันตั้งแต่เริ่มต้น
ไปจนถึงปลายๆ ช่วงกลางเลย
เมื่อกลิ่นโทน Citrus กับโทนเขียวเริ่มผ่อนตัวลงเปิดทางให้กลิ่นสายเครื่องเทศโทนเผ็ดปร่าสดชื่นเติมเต็มเข้ามาอย่างกานพลูเสริมเข้ามา
พร้อมกับกลิ่นของพิมเสนที่เริ่มเทคโอเวอร์ โดยมีมีพลพรรคกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ
ติดแป้งเบาๆ ซึ่งจับต้องได้ถึงกลิ่นโทนดอกเจอราเนียมที่ให้โทนออกทางเขียวกึ่งกุหลาบติดเลมอนและกลิ่นโทนดอกไอริสที่ให้ความขรึมๆ
เบาๆ ติดแป้งดอกไม้เบาๆ เป็นฉากหน้า โดยมีกลิ่นโทนรองพื้นของ Oakmoss ที่ให้ความเขียวติดเข้มกำลังดี กลิ่นโทนออกทางไม้หอมที่โปร่งๆ
ปนกลิ่นหวานคล้ายน้ำผึ้งที่มาแบบประปรายคลอกลิ่นแบบไม่หนัก
ให้ความหวานอ่อนๆ เนื้อกลิ่นจะเริ่มมีความอบอุ่นเนียนเข้ามาหน่อยๆ
สไตล์ยางไม้ติดกลิ่นอายคล้ายวานิลลาอ่อนๆ ติดหวานสไตล์แบบกำยาน Benzoin
และกลิ่นติดหวานแห้งกึ่งยางไม้ติด Incense หน่อยๆ ที่มาเติมเต็มกลิ่นอายในช่วงกลางที่เป็นการผสมผสานโทนเขียว
โทนสดชื่น โทนเครื่องเทศปร่าๆ โทนดอกไม้อ่อนๆ โทนไม้หอมติดดาร์กอ่อนๆ
และโทนอบอุ่นลุ่มลึกเนียนๆ กลายเป็นโทนกลิ่นแบบสุภาพบุรุษที่มีความสุภาพ
ภูมิฐาน คลาสสิค มีระดับ ผู้ดี และอบอุ่น โดยไม่ดูพยายาม
ถือเป็นช่วงกลิ่นที่เป็นไฮไลท์สำคัญของน้ำหอมเลยทีเดียว
จนเมื่อกลิ่นโทนอบอุ่นเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นตามลำดับ
โดยที่ความสดชื่นในเนื้อกลิ่นเริ่มจางไป ก็เข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่คราวนี้โทนยางไม้จะเป็นตัวเด่นขึ้นมาเพียงแต่จะไม่ได้ถึงกับเป็นโทนอบอุ่นข้นนัว
เพราะโทนยางไม้จะตีคู่ไปกับกลิ่นพิมเสนที่เด่นขึ้นมาให้โทนออกทาง Earthy ดินๆ ติดไม้หอมเจือหวานสมุนไพร
เสริมด้วย Oakmoss ที่ให้ลักษณะเขียวเข้มหน่อยๆ
และมีกลิ่นน้ำผึ้งที่ไม่ได้ไปสาย Animalic ให้ความหวานแบบอ่อนๆ
เข้ามาทำให้ได้ความรู้สึกหรูหราและหวานระเรื่อประปรายอย่างมีชั้นเชิง
ทำให้ภาพรวมของเนื้อกลิ่นยังมีความพอดีๆ สร้างอัตลักษณ์และคาแรคเตอร์กลิ่นได้ชัดเจนมากแบบสุภาพบุรุษตามที่กล่าวไว้จากช่วงกลาง
และไม่พอยังเพิ่มความหรูหราเจือหวานแบบไม่หนักเพิ่มเข้าไปอีก
เข้าทางการเป็นกลิ่นอายสาย Timeless ได้อย่างลงตัวและดีงามในคุณภาพกลิ่นได้เสมอต้นเสมอปลายอย่างแท้จริง
เหมาะสำหรับ -
ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปสามารถใส่ตัวนี้ได้สบายมาก แลบะถ้าอายุแตะหลัก 30 ขึ้นไป ใส่ตัวนี้จะเข้าทางมาก เพราะกลิ่นสร้างออร่าความเป็นสุภาพบุรุษที่ภูมิฐานและมีระดับมากเลยทีเดียว
กลิ่นเข้าทางทุกสถานการณ์ยามกลางวันโดยเฉพาะช่วงทางการที่จะเข้าทางมาก
นอกนั้นก็ใส่ได้สบายๆ จะมีก็แต่การออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า
ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่แบบออกงานจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่เข้าทางกับการเป็นโทนเย้ายวนสไตล์ท่องราตรีแต่ประการใด
ความทน -
ดีงามมาก พื้นฐานคือ 8 ชม.
เป็นสำคัญ และมากกว่านั้นได้ไม่ยาก อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายด้วยส่วนหนึ่ง
ซึ่งประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมากลิ่นนี้ทนลากไปที่ 15 ชม.
ได้เลยกับการใช้ที่ 6 สเปรย์ในวันที่อากาศไม่ได้ร้อนจัดๆ
นัก
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีแบบค่อนข้างคงตัวเลยทีเดียว แต่ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น
เพราะกลิ่นมันมีความสุภาพอยู่ตลอด ซึ่งพอผ่านไปซัก 4 ชม. ถึงลดลงมากระจายปานกลาง
แล้วผ่อนลงไปตามลำดับจนเมื่อพ้น 10 ชม. จึงเริ่มเป็น Skin
Scent
สรุป -
สไตล์น้ำหอมอาจจะไม่ได้หนีแนวๆ สายสุภาพบุรุษแบบยุค 80 หน่อยๆ แต่ 90 เต็มๆ
แบบพวก Chanel Pour Monsier, CK Eternity for Men, Hugo Boss Number One หรือ Yves Saint Laurent pour Homme ที่ให้ความเป็นสุภาพบุรุษมีระดับมาเชียว
ซึ่งแม้ว่าการใช้บางทีอาจจะทำให้รู้สึกว่าเป็นกลิ่นโทนผู้ใหญ่ไปบ้าง
(ก็เขาอิงตามศิลปิน) แต่เนื้อกลิ่นมีคุณภาพและมีความงามทางกลิ่นครบถ้วย
ซึ่งอันนี้ยอมรับและยกนิ้วให้เลยว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งเสียดายมากที่แบรนด์นี้ไม่ได้ดำเนินการต่อแล้ว
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Luciano_Pavarotti/Luciano_Pavarotti_Eau_de_Toilette
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น