John Galliano - Parlez-Moi d’Amour
ถ้าพูดถึงน้ำหอมที่มีขวดเป็นแบบซองจดหมาย หลายๆ
คนอยู่เฉพาะสาวๆ ที่ใช้น้ำหอมน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีกับกลิ่นอายน่ารักๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายและเข้ากับอากาศบ้านเราสุดๆ จากแบรนด์ John Galliano อย่างรุ่น Parlez-Moi d’Amour ซึ่งถ้าท้าวความไปถึงแบรนด์นี้คร่าวๆ ก็แบรนด์ของแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดังที่ร่วมงานกับ Dior มาเป็นระยะเวลา
15 ปี จนถึงปี 2011 และได้มีการทำแบรนด์น้ำหอมของตัวเองขึ้นมา
เด่นทางด้านน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งรุ่นดังมากๆ ก็คือ สายขวดซองจดหมายนี่เลย
Parlez-Moi d’Amour เปิดต้นกลิ่นก็เรียกว่าเรียกแขกให้เสียเงินซื้อได้ในทันที
เพราะกลิ่นจะเริ่มที่ความเป็น Fruity ของบลูเบอร์รี่ที่เด่นออกมาชัดเจนมาก
โดยจะมี 2 สเต็ปที่ให้ความสดชื่นเป็นฉากหลังแบบไม่หนักมาก
คือ กลิ่นหวานเผ็ดโปร่งที่ความอวลอ่อนๆ ของขิง และกลิ่นออกทางเปรี้ยวเจือขม
Airy หน่อยๆ สดชื่นออกทางโทนแห้งมากกว่าจะฉ่ำของมะกรูดฝรั่ง
(Bergamot) ซึ่งที่ส่งเสริมให้โทนบลูเบอร์รี่ค่อนข้างให้ความครบถ้วนกับการเป็นโทนหอมติดเปรี้ยวอมหวานติดอวลอ่อนๆ
ได้ดีเลยทีเดียว และเพียงไม่นานกลิ่นโทนกุหลาบที่ถือเป็นคู่บุญหลักของน้ำหอมรุ่นนี้ก็เริ่มจะเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ
โดยมีกลิ่นใสหวานอ่อนๆ ของโทนดอกไม้ขาวหน่อยๆ เคล้ากับกลิ่นโทนเผ็ดหวานโปร่งของขิงที่ตามมาจากช่วงต้นเข้ามาด้วย
ก็เป็นการนำเข้าสู่ช่วงกลางจนตีคู่กับกลิ่นโทนผลไม้ที่แบ่งเค้กกันอย่างลงตัวไม่พอ ยังเสริมกันและกันได้อย่างดี ไม่ซับซ้อน
และให้อารมณ์ที่มีความสดใสก็ได้ ความหวานโรแมนติคก็ดี
ความวัยรุ่นมั่นใจก็สามารถ และความอ่อนโยนก็มีอยู่ประปราย
ซึ่งบอกเลยว่ามีความเป็นผู้หญิงสูงมากในเนื้อกลิ่น แบบที่ไม่เหลือเนื้อที่ให้ผู้ชายกับกลิ่นนี้เลย
ซึ่งความเป็นกุหลาบกับบลูเบอร์รี่จะมีความหวานใสในระดับหนึ่งที่ไม่ได้ดูกิงก่องแก้วหรือลั่นล้าเกินไป
เพราะจะจับต้องได้ถึงโทน Musky ที่เนียนๆ
เสริมเข้ามาทำให้กลิ่นมีความนวลมากขึ้นตามลำดับ และก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นโทนกุหลาบกับบลูเบอร์รี่จะกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วอารมณ์จะเป็นกุหลาบที่ติดผลไม้หวานอมเปรี้ยว
โดยมีกลิ่นโทน Musky นวลๆ เข้าทางโทนแป้งและมีกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ
เบาๆ เจือหวานอ้อยอิ่งที่มีเนียนๆ ประปราย รวมถึงเริ่มมีความอบอุ่นเข้ามาเนียนๆ
ด้วย ทำให้กลิ่นในช่วงท้ายเป็นโทนที่นุ่มมากขึ้น มีความสะอาดนวลเจือกลิ่นโทนดอกไม้และผลไม้ในลักษณะออกทางโทนแป้งหอม
โดยมีพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่ายมากและยังคุมโทนความหวานโรแมนติคและความมั่นใจวัยรุ่นได้อยู่
แต่เสริมโทนนุมนวลเข้ามาร่วมด้วยนั่นเอง
เหมาะสำหรับ -
ผู้หญิงเน้นๆ ตั้งแต่ ม.ปลายขึ้นไปจัดได้สบายมาก เพราะกลิ่นให้ความเป็นวัยรุ่นที่หวานใสก็ได้
โรแมนติคก็ได้ มั่นใจก็ได้ ที่สำคัญใส่ยังไงก็รอดทางกลิ่นได้ไม่ยาก
เลยได้หมดแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าเท่าไหร่
เพราะกลิ่นดูออกทาง Casual ทั่วไปมากกว่า
ส่วนยามค่ำคืนอันนี้จัดได้ทั้งใส่ออกงาน หรือทั่วๆ ไป
หรือถ้าจะใส่ไปท่องราตรีแบบปาร์ตี้ Outdoor ก็ได้
แต่ถ้าไปเที่ยวในสถานที่ปิด บอกเลยโดนกลบแน่นอน
ความทน -
ถือว่าเกินคาด เพราะ 8 ชม.
กลิ่นยังคงอยู่ ซึ่งถือว่าลงตัวจริงๆ ถ้า Focus ในเรื่องนี้
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาปานกลาง จนถึงออร่ารอบๆ ตัว พอพ้นซัก 6-8 ชม. ไปแล้ว เริ่มเป็น Skin Scent ยาวไป
สรุป - Floral Fruity หวานใสที่เด่นกับโทนกลิ่นบลูเบอร์รี่กับกุหลาบ
เป็นข้อสรุปของ Parlez-Moi d’Amour ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
เพราะกลิ่นไม่ได้ถึงกับซับซ้อนอะไรมาก มีความเข้าถึงง่ายและยังไงก็หอมโรแมนติคและน่ารักอย่างมีชั้นเชิง
เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับความนิยมมาเสมอ ที่สำคัญจับเข้ากลุ่มนี่ได้เลย #ของดีเทคนิคไม่ต้อง
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - https://www.pinterest.com/pin/160370436713970939/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น