Strangers Parfumerie - Aroon Sawat
เพียงแค่ชื่อรุ่นก็สร้างความน่าสนใจได้อย่างมากกับการเอาคำทักทายแบบไทยๆ
ในยามเช้าว่า “อรุณสวัสดิ์” มาเป็นกลิ่นอายความหอมจากการถ่ายทอดของแบรนด์ Niche Perfume ของไทยอย่าง Stranger Parfumerie ซึ่งกลิ่นนี้มีคำโปรยที่น่าสนใจและที่มาของการสร้างสรรค์กลิ่นโดยอิงคำว่า
Siam ดินแดนแหลมทองหรือเรียกกันตามประวัติศาสตร์ว่า
“ดินแดนสุวรรณภูมิ” เป็นพื้นฐานสำคัญ + กับสิ่งที่เป็นสถาปัตยกรรม
พื้นฐานทางวัฒนธรรม พืชพรรณต่างๆ ที่ปลูกในถิ่นฐานนี้
รวมถึงแสงแดดที่สาดส่องกระทบส่งต่างๆ
ซึ่งทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันออกมาจนสื่อสารถึงคำว่า Land of Gold
และเมื่อ
Aroon
Sawat มาเป็นหนึ่งใน Collection - Twenty Four-Seven ของแบรนด์ที่สื่อสารถึงความเป็นกลิ่นน้ำหอมที่มีสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่าย
แต่มีลูกเล่นและชั้นเชิงที่มีความแตกต่างตามแบบฉบับของการเป็น Niche
Perfume กลิ่นที่ได้จึงมีความพิเศษที่น่าสนใจมากแบบนี้
เปิดตัวกลิ่นได้มีชั้นเชิงในการสร้างการรับรู้ผ่านกลิ่นที่ทำให้ได้โทนสีเหลืองทองสว่างมากกับการผสมผสานกลิ่นอายสาย
Fruity ผลไม้ โดยยืนพื้นที่กลิ่นอายมะม่วงสุกที่จะมีความหวานเจือนัวหน่อยๆ เสริมด้วยความเปรี้ยวติดหวานมีความแปร่งเอียนนิดๆ
ตามธรรมชาติของเสาวรส และมีความหวานติดฉ่ำเล็กๆ
ของส้มเนียนรวมอยู่อย่างมีมิติในวูบแรก
ซักพักจะเริ่มจับต้องได้ถึงกลิ่นอายที่มีความหวานอมเปรี้ยวกึ่งไซรัปนิดๆ
อารมณ์แบบมะยงชิดหรือมะปรางที่สร้างความเป็นสีส้มอมเหลืองทองในเนื้อกลิ่นเข้าไปอีกพร้อมกับปลายกลิ่นก็มีความชัดเจนมากขึ้นกับการเป็นสาย
Citrus ติดแห้งหน่อยๆ
ของส้มโอที่ให้กลิ่นเปรี้ยวแปร่งตามธรรมชาติเคล้ากลิ่นติดขมเปรี้ยวอ่อนๆ
สร้างบรรยากาศสดชื่นยามเช้าติดชื้นๆ ของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) โดยที่กลิ่นจะมีมิติพื้นหลังออกทางนวลดอกไม้กึ่งไม้หอมสว่างๆ
ให้พอรับรู้ได้ เลยทำให้กลิ่นไม่ได้กลายเป็นโทนใสๆ แบบน้ำผลไม้ แต่มีมิตินวลๆ
คล้ายจะอบอุ่นเนียนๆ ให้รู้สึกได้ด้วย
ซึ่งภาพรวมในช่วงต้นถือเป็นการสร้างความรู้สึกของบรรยากาศยามเช้าที่แสงแดดเริ่มส่องกับกลิ่นผลไม้สีเหลืองทองสว่างอมส้มที่ลอยส่งกลิ่นให้รับรู้ออกมาได้ชัดเจนมาก
ถือว่าช่วงต้นเป็นการนำเสนอกลิ่นอายผลไม้ไทยที่ลงตัวและสมดุลย์เปิดตัวทักทายว่าอรุณสวัสดิ์กันเต็มๆ
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะเริ่มมีให้จับต้องได้เมื่อกลิ่นอายโทนดอกไม้ขาวเริ่มกลายเป็นผู้เดินกลิ่นหลักตีคู่กับผลไม้
ก็เป็นการเดินเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม
ซึ่งกลิ่นออกทางครีมมี่หวานเย้าข้นแบบไม่หนักหน่วงแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของซ่อนกลิ่นจะเข้ามาเสริม
ซ้อนกับกลิ่นออกทางครีมมี่ติดเขียวกึ่งเห็ดตุ่ยๆ เจือหวานของดอกพุด
โดยที่จะมีโทนติดสะอาดเจือเปรี้ยวอมหวานของดอกส้มที่สกัดแบบตัวทำละลาย (Orange Blossom) และกุหลาบบางๆ สร้างบรรยากาศที่ยังคุมโทนสดชื่นอยู่
ซึ่งเมื่อเจอกับกลิ่นโทนผลไม้สีเหลืองทองสว่างอมส้มที่ยังมีอิทธิพลอยู่มากจนถึงช่วงนี้
ก็ทำให้กลิ่นมีความนวลอวลกำลังดี
โดยที่ความเป็นโทนสีจากกลิ่นที่ได้รับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ให้ความนุ่มและนวลในเนื้อกลิ่นมากขึ้นอย่างมีเสน่ห์และพลิ้วไหวสร้างบรรยากาศสว่างในความเป็นสีเหลืองนวลแสงแดดเคล้าความสว่างขาว
ที่มีความหวานแบบสไตล์หวานน้อยเนียนๆ อวลๆ ในเนื้อกลิ่นให้จับต้องได้
ซึ่งพื้นกลิ่นยามเมื่อดมใกล้ผิวจะจับโทนอบอุ่นที่เริ่มชัดมากขึ้นพร้อมกับกลิ่นโทนไม้หอมจิดครีมจืดนวลสไตล์ไม้จันทน์หอมและโทนธูป
Incense ที่ค่อยๆ ปล่อยความอวลขึ้นมามากขึ้นตามลำดับ
อารมณ์กลิ่นได้ลักษณะที่แตะความเป็นวัฒนธรรมทางศาสนาที่จะมีเรื่องของดอกไม้และธูปมาเกี่ยวข้องพอสมควร
โดยที่ไม่ได้หลุดความเป็นสีทองสว่างแต่อย่างใด
เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะเปลี่ยนตัวเดินกลิ่นหลักกลายเป็นโทนไม้จันทน์หอมเจือยางไม้ปนธูปที่ให้ความอวลๆ
Smoky นวลๆ กำลังดี
กลิ่นยังคุมโทนสว่างอยู่เช่นเดิมแต่เพิ่มเติมความอบอุ่นในเนื้อกลิ่นที่มีมากขึ้นอีกระดับจากโทนแอมเบอร์ที่เหมือนจะมีโทนคล้ายสารหอมอย่าง
Ambroxan ที่เสริมให้กลิ่นมีความอวลเจือไม้หอมเข้ามาร่วมด้วย
แต่ก็ไม่ได้หนักไปเพราะยังมีกลิ่นโทนช่วงกลางของดอกไม้ขาวและกลิ่นโทนผลไม้สีเหลืองยังคงมีให้จับต้องได้ประปรายแบบสายสนับสนุนเนียนเข้าไปในเนื้อกลิ่น
อารมณ์ภาพรวมของกลิ่นเลยจะยังคุมโทนสีเหลืองทองปนนวลอยู่เพียงแต่จะมีพลังและอวลหนาขึ้นมามากกว่าช่วงกลางอีกหนึ่งระดับ
ซึ่งสร้างบรรยากาศสีโทนเหลืองทองสว่างอบอุ่นในความรู้สึกโดยมีความขลังกำลังดี
ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานสำคัญทางศาสนาที่เป็นโทนสีทองสว่างและมีกลิ่นอายไม้และธูปหอมท่ามกลางความอบอุ่นของบรรยากาศได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ
- Unisex เป็นกลิ่นอายสายบรรยากาศที่ไม่ว่าเพศไหนก็ใช้ได้สบายมาก
แม้ว่ากลิ่นจะเล่าลักษณะแบบอารมณ์กลิ่นที่มีความเป็นไทย แต่มีความเป็นธรรมชาติและ Modern
ในเนื้อกลิ่น เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกใช้ยากแต่อย่างใด
กลับกลายเป็นความใช้ง่ายแต่มีชั้นเชิงสูงมากในคุณภาพกลิ่นและสร้างออร่ากลิ่นที่ไม่เหมือนใครซะมากกว่า
สำคัญเป็นอีกหนึ่งใน Daily Scent ที่ใช้ได้ทั้งทางการและทั่วๆ
ไปได้เลย ลามไปกลางคืนแบบออกงานหรือว่าใส่ชิลล์ๆ ทั่วๆ ไปก็ยังได้สำหรับคนไทย
เพียงแต่กลิ่นจะไม่เข้าทางกับการใส่เพื่อออกกำลังกาย รวมถึงการใส่ไปท่องราตรีแบบเมาเปรอะเท่าไหร่
แต่ถ้าเป้นคนต่างชาติบอกเลยว่ากลิ่นนี้จะมีความ Exotic มากและยิ่งถ้าคนที่เคยมาเที่ยวไทยแล้วใาเจอกลิ่นนี้เรียกว่าดึงความทรงจำตอนมาเที่ยวกลับมาให้ฟินกันได้เลย
ความทน
- มากกกกก เรียกว่าความทนมาเต็มมาชัดจริงๆ ลากยาวไปถึง 15 ชม.
ก็เจอมาแล้ว ขนาดอาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดผิวจางๆ อยู่เลย ซึ่งถ้าตีเป็นค่าเฉลี่ย
ยังไงก็อยู่ที่ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน
การกระจาย
- กลิ่นกระจายเรื่อยๆ ไม่หนักมากในช่วงแรก คือให้อารมณ์บรรยากาศกันก่อน
แล้วจะเริ่มเพิ่มการกระจายขึ้นมาเป็นกระจายดีและคงตัวกันยาวมากๆ จนถึงราวๆ 8 - 10
ชม. เลย ถึงจะค่อยๆ ดรอปลงไปเป้นปานกลางและออร่ารอบๆ ตัว
สรุป
- เมื่อเห็นคำว่า “ไทย” “Siam”
“สุวรรณภูมิ” ก็ “ไม่จำเป็น” ต้องเป็นกลิ่นอายแบบไทยจ๋าๆ
ร้อยดอกมะลิ ดอกไม้ขาวอวลๆ มีความเป็นน้ำอบน้ำปรุงอารมณ์แบบน้ำหอมสาย Retro
หรือ Vintage ซะหน่อย
เพราะทุกอย่างสามารถทำให้ Modern ได้และเข้าถึงง่ายโดยยังคงความเป็นกลิ่นอายแบบที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นประเทศไทยแบบที่นานาชาติก็สามารถจับต้องและเป็นภาพจำได้ไม่ยาก
นี่แหละ Aroon Sawat ของ Stranger Parfumerie
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร
และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้
ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า
”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น