Strangers
Parfumerie - Sangre Dulce
Sangria
Wine ถือเป็นไวน์ประเภทหนึ่ง
ที่ถ้าว่าตามต้นกำเนิดก็จะมาจากประเทศสเปน และแพร่หลายไปในหลายๆ ภูมิภาคทั่วโลก
ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะเป็นการประยุกต์ออกมาเป็นลักษณะไวน์พันช์
ที่ทำจากไวน์แดงเอามาผสมกับผลไม้ต่างๆ เป็นลักษณะที่เอาผลไม้ลงไปแช่ในไวน์ (ซึ่งผลไม้อาจจะสดหรือนำไปปิ้งก่อนเพื่อความหอมมากขึ้นก็ได้)
อาจจะมีใส่น้ำผึ้งหรือใส่น้ำตาลเพื่อให้มีความหวานทานง่าย
รวมถึงสามารถใส่โซดาเพื่อความซาบซ่าสดชื่นด้วยก็แล้วแต่สูตรนั้นๆ กันไป
และเมื่อ
Sangria
Wine มาเป็นหนึ่งในการถ่ายทอดกลิ่นผ่านน้ำหอมโดยแบรนด์ Niche
Perfumery ของไทยอย่าง Strangers Parfumerie กลิ่นที่สื่อสารออกมาจะมีลักษณะอย่างไร
และยิ่งเมื่อได้เห็นคำโปรยของรุ่นน้ำหอมที่บอกแนวๆ ว่าเป็นลักษณะโทนแบบ Avant-Garde
Gourmand รวมถึงเป็นการ Mix แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นมาจากภาพยนตร์เรื่อง
Santa Sangre ที่สื่อสารถึงคำว่า Sangre (เลือด) และเรื่อง Climax ของ Gaspar Noe ที่เป็นส่วนของ Dulce (เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีความหวาน)
และในเรื่องนี้มี Sangria Wine ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เช่นนั้นได้เวลาลิ้มลองเลือดอันแสนหวานขวดนี้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร
Spoil
กันก่อนเลยว่าทุกสเต็ปของช่วงกลิ่นจะให้อารมณ์สีแดงกึ่งเลือดกึ่งไวน์แดงเป็นตัวคุมโทนกลิ่นอยู่ตลอด
โดยจะมีตัวสร้างความรู้สึกต่างๆ ทั้งโทนผลไม้ โทนเครื่องดื่ม โทนหวาน โทนดอกไม้
และโทน Musky Animalic เป็นตัวสร้างอารมณ์สีโทนแดงที่มีมิติแตกต่างกันไปได้อย่างล้ำลึกและมีมิติที่เก๋ไก๋มาก
โดยจุดเริ่มต้นของกลิ่นจะเริ่มจากความเป็นโทนไวน์แดงผสมผลไม้เคล้าความหวานเจือซ่าปร่าเนียนๆ
ซึ่งกลิ่นติดโทนฉ่ำหน่อยๆ
ของส้มสีเลือดเจือความซ่าหวานเคล้ากับสตรอเบอร์รี่ที่ให้อารมณ์ Fruity เด่น และมีกลิ่นออกทางกึ่งผลไม้กลิ่นเมทัลลิคโลหะหน่อยๆ
ให้จับต้องได้ด้วยซึ่งมาจากทับทิมที่สร้างความคล้ายกลิ่นเลือดเข้าไปอีก
แล้วในวูบถัดมากลิ่นไวน์แดงที่เปิดตัวมาอย่างโดดเด่นมาก
โดยจะมีความหวานลึกของเมเปิ้ลไซรัปที่มีความปร่าพิมเสนหน่อยๆ เจืออยู่
ซึ่งเปิดมาก็บ่งบอกชัดเจนถึงกลิ่นอายของ Sangria Wine กันตั้งแต่เริ่มเลย
เพียงแต่กลิ่นจะมีความลึกมากกว่าเป็นแค่ไวน์พันช์เพียงอย่างเดียว
เพราะมันมีความหลากหลายโทนกลิ่นที่สร้างอารมณ์ความเป็นสีแดงกึ่งสีเลือดที่แอบมีความร้ายๆ
ดุๆ
เคล้าความหวานดึงดูดในความเป็นโทนกลิ่นสายสีแดงได้อย่างชัดเจนมากตั้งแต่เริ่มต้น
เมื่อกลิ่นไวน์แดงเริ่มกลายเป็นตัวเด่นคุมโทนโดยยังมีกลิ่นผลไม้ผสมผสานอยู่ในนั้นให้ความเป็น
Sangria
Wine ยังคงอยู่
และความหวานเริ่มมีกลิ่นออกทางน้ำตาลทรายแดงเข้ามาให้จับต้องได้ตีคู่ไปด้วย
กลิ่นจะเริ่มมีโทนติดสมุนไพรหน่อยๆ
ที่มีความอวลกำลังดีเคล้าโทนดอกไม้ที่เริ่มเปิดตัวขึ้นมาตามลำดับ
จนกลายเป็นเดินเข้าสู่ช่วงกลางที่ความเป็นโทนสีแดงเริ่มมีความหลากหลายมิติมากขึ้นและมีความข้นอวลเพิ่มอีกสเต็ป
เพราะจะมีกลิ่นโทนดอกไม้ดึงดูดของกระดังงาที่สร้างความเย้ายวน
รวมถึงมีกลิ่นกุหลาบที่มาแบบใสๆ อารมณ์แบบน้ำกุหลาบที่สร้างมิติกลิ่นดอกไม้เย้ากึ่งใส
แต่มีกลิ่นอายยาสูบที่สร้างออร่าโทนสมุนไพรติดหวานมีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วย
รวมถึงจับต้องได้ถึงอบเชยเข้ามาทำให้กลิ่นมีความอวลมากขึ้นพร้อมกับกลิ่นโทน Musky
Animalic ของชะมดเช็ด (Civet) ที่เนียนเปิดตัวออกมาเป็นฉากหลังสร้างความกรุยกรายเนียนๆ
ซึ่งกลิ่นจะมีมิติที่ซับซ้อนมากเลยทีเดียว เพราะจะมีทั้งโทนหวานเย้าที่ดึงดูด
โทนไวน์ผสมผลไม้ติดปร่าเจือเมทัลลิคที่ให้ความเก๋ร้าย
โทนสมุนไพรเจือดอกไม้ที่ให้ความกรุยกรายเจือเซ็กซี่
และเครื่องเทศที่โทนอุ่นร้อนให้ความ Hot เมื่อมาเจือกับกลิ่นสาย
Animalic เข้าไปอีกดอก ก็ได้ความห่ามเนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย
เรียกว่าช่วงกลางคือมิติกลิ่นที่เชื่อมต่อความใสและความอวลมีพลังในโทนสีแดงได้ชัดเจนมาก
เมื่อกลิ่นโทน
Sangria
Wine เริ่มลดทอนลงไปตามลำดับ
เหลือเพียงความเป็นเมทัลลิคที่มีประปราย แล้วโทนสาย Musky Animalic ของชะมดเช็ดเริ่มที่จะเป็นตัวเดินกลิ่นแทน
ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นเริ่มให้อารมณ์ของความเป็น Avant-Garde
Gourmand ในลักษณะโทนสีแดง ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความอวลมากขึ้น
และมีลูกล่อลูกชนกลิ่นที่มีความอบอุ่นเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะมาจากกลิ่นโทนกำยาน Benzoin
ที่สร้างความเป็นโทนติดวานิลลาหวานเคล้ากับกลิ่นน้ำตาลทรายแดงที่ยังตามมาในช่วงนี้
เสริมด้วยกลิ่นยางไม้อย่าง Peru Balsam ที่สร้างความเป็นโทนไม้หอมติดโทนอุ่นแอมเบอร์ที่ทำให้ความหวานไม่แหลมเกินไปมาก
ซึ่งเป็นการสนับสนุนชั้นดีที่ทำให้กลิ่นมีความเป็นโทนอวลกรุยกรายลุ่มลึกเข้าไปร่วมด้วย
เนื้อกลิ่นแตะโทนของกิน Gourmand อยู่บ้างก็จริง
แต่มันมีความล้ำจากกลิ่นโทน Musky Animalic ที่เอาความเป็น Sangria
เข้ามาเนียนในเนื้อกลิ่นทำให้ได้อารมณ์ติดโทนร้ายอย่างมีชั้นเชิงและกรุยกรายเข้ามาร่วมด้วย
ซึ่งกลิ่นจะมีทั้งมิติความอวลเนียน เย้าดึงดูด หวานแบบซ้อนลงไปลึกๆ ในเนื้อกลิ่น
ซึ่งทั้งหมดจะผสมผสานโดยยืนพื้นที่สาย Musky ติดปลุกเร้าที่ให้อารมณ์ร้ายดุเข้าทางโทนสีแดงเลือดที่มีความเย้าดึงดูดอย่างน่าประหลาด
เรียกว่าทั้งหมดทั้งมวลมาสายแปลก เก๋ ร้าย มีพลัง
และมีลูกล่อลูกชนทางกลิ่นที่ซับซ้อนมากตั้งแต่ต้นยันจบเลยทีเดียว
เหมาะสำหรับ
- Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงนิดนึง แต่ก็ยังคุมโทนการเป็น Unisex ที่ผู้ชายใช้ได้ ถ้าต้องการสร้างออร่าโทนสีแดงรอบๆ ตัว
แบบไม่ได้ร้อนแรงแต่มีความเยือกเย็นในความดุและห่ามเนียนๆ อย่างมีชั้นเชิง
ซึ่งกลิ่นนี้อาจจะไม่ได้เจ้าทางกับการใช้ยามทางการเท่าไหร่ เพราะกลิ่นไวน์เด่น
เลยเน้นใช้แบบทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงาน Office ที่ไม่ได้พบปะผู้คนเพื่อสร้างออร่าบางประการจะดีกว่า
แน่นอนว่า ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย
ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืน ถ้าต้องการนำเสนอความออร่าสีแดงเลือดเย้าแกมร้าย
บอกกันตรงๆ ว่าใส่ได้เลยยามไหนก็ได้ ใส่ออกงานก็ดูมีอะไรที่น่าสนใจ
ใส่ท่องราตรีก็ดูมีของ แต่อย่าใส่ช่วงโรแมนติคก็พอ มันดูโหดไปนิด
ความทน
- ดีงามมากกับ 12 ชม. แล้วกลิ่นยังอยู่ ถ้าตีเฉลี่ยยังไงก็เกิน 8 ชม.
สบายมาก
การกระจาย
- กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ความเป็น Sangria Wine มาเต็มเลย
แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วค่อยผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว
สร้างออร่าความน่าค้นหา ความมีระดับติดห่ามอย่างมีชั้นเชิงกันไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 12 ชม. จะเริ่มติดผิว
สรุป
- อันนี้เนื่องจากยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ที่เป็นที่มาของการสร้างสรรค์น้ำหอมกลิ่นนี้แบบเต็มๆ
นอกจากอ่านสรุปเนื้อหาหนังมาคร่าวๆ
เลยจะไม่ได้อ้างอิงถึงความเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานศิลปะทางกลิ่นที่สื่อสารถึงกลิ่นอายโทนสีแดงเลือดที่มีความหอมหวานได้เก๋มาก
และบางครั้งที่ใช้กลิ่นจะแปรออกมาเป็นภาพผู้หญิงใส่ชุดเดรสสั้นเก๋ๆ สีแดงเลือด
ทาปากแดงเข้ม ตาคม ที่จิบ Sangria
สีเลือดที่ดูเฟียซดุและมีออร่าความร้ายเก่งออกมาชัดเจน
หรือผู้ชายที่ใส่ชุดสูทสีแดงเลือด มือถือแก้ว Sangria ซึ่งมืออีกข้างของทั้งคู่ที่ยกขึ้นมามีเลือดชุ่มอยู่
สร้างคาแรคเตอร์กลิ่นมีความ Last Boss แบบล้ำๆ กันเลยทีเดียว
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร
และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้
ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า
”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น