วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Review: Strangers Parfumerie - Sangre Dulce


Strangers Parfumerie - Sangre Dulce

Sangria Wine ถือเป็นไวน์ประเภทหนึ่ง ที่ถ้าว่าตามต้นกำเนิดก็จะมาจากประเทศสเปน และแพร่หลายไปในหลายๆ ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะเป็นการประยุกต์ออกมาเป็นลักษณะไวน์พันช์ ที่ทำจากไวน์แดงเอามาผสมกับผลไม้ต่างๆ เป็นลักษณะที่เอาผลไม้ลงไปแช่ในไวน์ (ซึ่งผลไม้อาจจะสดหรือนำไปปิ้งก่อนเพื่อความหอมมากขึ้นก็ได้) อาจจะมีใส่น้ำผึ้งหรือใส่น้ำตาลเพื่อให้มีความหวานทานง่าย รวมถึงสามารถใส่โซดาเพื่อความซาบซ่าสดชื่นด้วยก็แล้วแต่สูตรนั้นๆ กันไป

และเมื่อ Sangria Wine มาเป็นหนึ่งในการถ่ายทอดกลิ่นผ่านน้ำหอมโดยแบรนด์ Niche Perfumery ของไทยอย่าง Strangers Parfumerie กลิ่นที่สื่อสารออกมาจะมีลักษณะอย่างไร และยิ่งเมื่อได้เห็นคำโปรยของรุ่นน้ำหอมที่บอกแนวๆ ว่าเป็นลักษณะโทนแบบ Avant-Garde Gourmand รวมถึงเป็นการ Mix แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นมาจากภาพยนตร์เรื่อง Santa Sangre ที่สื่อสารถึงคำว่า Sangre (เลือด) และเรื่อง Climax ของ Gaspar Noe ที่เป็นส่วนของ Dulce (เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีความหวาน) และในเรื่องนี้มี Sangria Wine ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เช่นนั้นได้เวลาลิ้มลองเลือดอันแสนหวานขวดนี้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร

Spoil กันก่อนเลยว่าทุกสเต็ปของช่วงกลิ่นจะให้อารมณ์สีแดงกึ่งเลือดกึ่งไวน์แดงเป็นตัวคุมโทนกลิ่นอยู่ตลอด โดยจะมีตัวสร้างความรู้สึกต่างๆ ทั้งโทนผลไม้ โทนเครื่องดื่ม โทนหวาน โทนดอกไม้ และโทน Musky Animalic เป็นตัวสร้างอารมณ์สีโทนแดงที่มีมิติแตกต่างกันไปได้อย่างล้ำลึกและมีมิติที่เก๋ไก๋มาก โดยจุดเริ่มต้นของกลิ่นจะเริ่มจากความเป็นโทนไวน์แดงผสมผลไม้เคล้าความหวานเจือซ่าปร่าเนียนๆ ซึ่งกลิ่นติดโทนฉ่ำหน่อยๆ ของส้มสีเลือดเจือความซ่าหวานเคล้ากับสตรอเบอร์รี่ที่ให้อารมณ์ Fruity เด่น และมีกลิ่นออกทางกึ่งผลไม้กลิ่นเมทัลลิคโลหะหน่อยๆ ให้จับต้องได้ด้วยซึ่งมาจากทับทิมที่สร้างความคล้ายกลิ่นเลือดเข้าไปอีก แล้วในวูบถัดมากลิ่นไวน์แดงที่เปิดตัวมาอย่างโดดเด่นมาก โดยจะมีความหวานลึกของเมเปิ้ลไซรัปที่มีความปร่าพิมเสนหน่อยๆ เจืออยู่ ซึ่งเปิดมาก็บ่งบอกชัดเจนถึงกลิ่นอายของ Sangria Wine กันตั้งแต่เริ่มเลย เพียงแต่กลิ่นจะมีความลึกมากกว่าเป็นแค่ไวน์พันช์เพียงอย่างเดียว เพราะมันมีความหลากหลายโทนกลิ่นที่สร้างอารมณ์ความเป็นสีแดงกึ่งสีเลือดที่แอบมีความร้ายๆ ดุๆ เคล้าความหวานดึงดูดในความเป็นโทนกลิ่นสายสีแดงได้อย่างชัดเจนมากตั้งแต่เริ่มต้น

เมื่อกลิ่นไวน์แดงเริ่มกลายเป็นตัวเด่นคุมโทนโดยยังมีกลิ่นผลไม้ผสมผสานอยู่ในนั้นให้ความเป็น Sangria Wine ยังคงอยู่ และความหวานเริ่มมีกลิ่นออกทางน้ำตาลทรายแดงเข้ามาให้จับต้องได้ตีคู่ไปด้วย กลิ่นจะเริ่มมีโทนติดสมุนไพรหน่อยๆ ที่มีความอวลกำลังดีเคล้าโทนดอกไม้ที่เริ่มเปิดตัวขึ้นมาตามลำดับ จนกลายเป็นเดินเข้าสู่ช่วงกลางที่ความเป็นโทนสีแดงเริ่มมีความหลากหลายมิติมากขึ้นและมีความข้นอวลเพิ่มอีกสเต็ป เพราะจะมีกลิ่นโทนดอกไม้ดึงดูดของกระดังงาที่สร้างความเย้ายวน รวมถึงมีกลิ่นกุหลาบที่มาแบบใสๆ อารมณ์แบบน้ำกุหลาบที่สร้างมิติกลิ่นดอกไม้เย้ากึ่งใส แต่มีกลิ่นอายยาสูบที่สร้างออร่าโทนสมุนไพรติดหวานมีเสน่ห์เข้ามาร่วมด้วย รวมถึงจับต้องได้ถึงอบเชยเข้ามาทำให้กลิ่นมีความอวลมากขึ้นพร้อมกับกลิ่นโทน Musky Animalic ของชะมดเช็ด (Civet) ที่เนียนเปิดตัวออกมาเป็นฉากหลังสร้างความกรุยกรายเนียนๆ ซึ่งกลิ่นจะมีมิติที่ซับซ้อนมากเลยทีเดียว เพราะจะมีทั้งโทนหวานเย้าที่ดึงดูด โทนไวน์ผสมผลไม้ติดปร่าเจือเมทัลลิคที่ให้ความเก๋ร้าย โทนสมุนไพรเจือดอกไม้ที่ให้ความกรุยกรายเจือเซ็กซี่ และเครื่องเทศที่โทนอุ่นร้อนให้ความ Hot เมื่อมาเจือกับกลิ่นสาย Animalic เข้าไปอีกดอก ก็ได้ความห่ามเนียนๆ เข้ามาร่วมด้วย เรียกว่าช่วงกลางคือมิติกลิ่นที่เชื่อมต่อความใสและความอวลมีพลังในโทนสีแดงได้ชัดเจนมาก

เมื่อกลิ่นโทน Sangria Wine เริ่มลดทอนลงไปตามลำดับ เหลือเพียงความเป็นเมทัลลิคที่มีประปราย แล้วโทนสาย Musky Animalic ของชะมดเช็ดเริ่มที่จะเป็นตัวเดินกลิ่นแทน ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่กลิ่นเริ่มให้อารมณ์ของความเป็น Avant-Garde Gourmand ในลักษณะโทนสีแดง ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีความอวลมากขึ้น และมีลูกล่อลูกชนกลิ่นที่มีความอบอุ่นเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะมาจากกลิ่นโทนกำยาน Benzoin ที่สร้างความเป็นโทนติดวานิลลาหวานเคล้ากับกลิ่นน้ำตาลทรายแดงที่ยังตามมาในช่วงนี้ เสริมด้วยกลิ่นยางไม้อย่าง Peru Balsam ที่สร้างความเป็นโทนไม้หอมติดโทนอุ่นแอมเบอร์ที่ทำให้ความหวานไม่แหลมเกินไปมาก ซึ่งเป็นการสนับสนุนชั้นดีที่ทำให้กลิ่นมีความเป็นโทนอวลกรุยกรายลุ่มลึกเข้าไปร่วมด้วย เนื้อกลิ่นแตะโทนของกิน Gourmand อยู่บ้างก็จริง แต่มันมีความล้ำจากกลิ่นโทน Musky Animalic ที่เอาความเป็น Sangria เข้ามาเนียนในเนื้อกลิ่นทำให้ได้อารมณ์ติดโทนร้ายอย่างมีชั้นเชิงและกรุยกรายเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งกลิ่นจะมีทั้งมิติความอวลเนียน เย้าดึงดูด หวานแบบซ้อนลงไปลึกๆ ในเนื้อกลิ่น ซึ่งทั้งหมดจะผสมผสานโดยยืนพื้นที่สาย Musky ติดปลุกเร้าที่ให้อารมณ์ร้ายดุเข้าทางโทนสีแดงเลือดที่มีความเย้าดึงดูดอย่างน่าประหลาด เรียกว่าทั้งหมดทั้งมวลมาสายแปลก เก๋ ร้าย มีพลัง และมีลูกล่อลูกชนทางกลิ่นที่ซับซ้อนมากตั้งแต่ต้นยันจบเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงนิดนึง แต่ก็ยังคุมโทนการเป็น Unisex ที่ผู้ชายใช้ได้ ถ้าต้องการสร้างออร่าโทนสีแดงรอบๆ ตัว แบบไม่ได้ร้อนแรงแต่มีความเยือกเย็นในความดุและห่ามเนียนๆ อย่างมีชั้นเชิง ซึ่งกลิ่นนี้อาจจะไม่ได้เจ้าทางกับการใช้ยามทางการเท่าไหร่ เพราะกลิ่นไวน์เด่น เลยเน้นใช้แบบทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงาน Office ที่ไม่ได้พบปะผู้คนเพื่อสร้างออร่าบางประการจะดีกว่า แน่นอนว่า ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายไปได้เลย ไม่เข้าทางทุกประการ ส่วนยามค่ำคืน ถ้าต้องการนำเสนอความออร่าสีแดงเลือดเย้าแกมร้าย บอกกันตรงๆ ว่าใส่ได้เลยยามไหนก็ได้ ใส่ออกงานก็ดูมีอะไรที่น่าสนใจ ใส่ท่องราตรีก็ดูมีของ แต่อย่าใส่ช่วงโรแมนติคก็พอ มันดูโหดไปนิด

ความทน - ดีงามมากกับ 12 ชม. แล้วกลิ่นยังอยู่ ถ้าตีเฉลี่ยยังไงก็เกิน 8 ชม. สบายมาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ความเป็น Sangria Wine มาเต็มเลย แล้วจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วค่อยผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว สร้างออร่าความน่าค้นหา ความมีระดับติดห่ามอย่างมีชั้นเชิงกันไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 12 ชม. จะเริ่มติดผิว

สรุป - อันนี้เนื่องจากยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ที่เป็นที่มาของการสร้างสรรค์น้ำหอมกลิ่นนี้แบบเต็มๆ นอกจากอ่านสรุปเนื้อหาหนังมาคร่าวๆ เลยจะไม่ได้อ้างอิงถึงความเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานศิลปะทางกลิ่นที่สื่อสารถึงกลิ่นอายโทนสีแดงเลือดที่มีความหอมหวานได้เก๋มาก และบางครั้งที่ใช้กลิ่นจะแปรออกมาเป็นภาพผู้หญิงใส่ชุดเดรสสั้นเก๋ๆ สีแดงเลือด ทาปากแดงเข้ม ตาคม ที่จิบ Sangria สีเลือดที่ดูเฟียซดุและมีออร่าความร้ายเก่งออกมาชัดเจน หรือผู้ชายที่ใส่ชุดสูทสีแดงเลือด มือถือแก้ว Sangria ซึ่งมืออีกข้างของทั้งคู่ที่ยกขึ้นมามีเลือดชุ่มอยู่ สร้างคาแรคเตอร์กลิ่นมีความ Last Boss แบบล้ำๆ กันเลยทีเดียว

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น