Hermes
- Equipage
ถ้ามองย้อนกลับไปในการสร้างสรรค์น้ำหอมชายหรือน้ำหอมที่ผู้ชายใช้ได้ของ
Hermes ในโซนกลิ่นสไตล์ Classic หลายๆ
ตัวต่างมีความยอดเยี่ยมและยังคงความดีงามที่เหนือกาลเวลามาเสมอไม่ว่าจะเป็นสาย Bel
Ami, Eau d’Hermes, Eau d’Orange Vert และ Equipage ซึ่งในแต่ละรุ่นต่างก็ยืนยงคงกะพันในการจำหน่ายมาตลอดและยังมีผู้ใช้ที่หลงรักในกลิ่นแต่ละสายที่มีความแตกต่างกันอย่างมีระดับมาเสมอเสียด้วย
และเมื่อหลังจากผ่านหลายตัว
Classic ที่กล่าวมาข้างต้นเกือบหมดแล้ว เหลือเพียง Equipage ที่ถือเป็นน้ำหอมชายตัวแรกของแบรนด์ที่ยังไม่เคยไม่สัมผัสแบบเต็มๆ
คราวนี้ก็ได้เวลาในการมาเจอและซึมซับความหอมกันแล้ว
ซึ่งกลิ่นจะมีความเหนือกาลเวลาหรือไม่ ว่ากันตามนี้เลย
บอกก่อน
- การเล่ากลิ่นจะเล่าในรุ่น Vintage ที่ผลิตช่วงยุค 90 เป็นสำคัญ
สิ่งที่คาดหวังและเตรียมตัวกันในช่วงแรกของกลิ่นเลย
คือ กลิ่นจะต้องพุ่งฟุ้งมาเต็มตามสไตล์ของน้ำหอมสาย Classic แน่ๆ
แต่กลับกลายเป็นว่าต้องเอายางลบ ลบความคาดหวังนั้นออกไปอย่างเต็มๆ
เพราะกลิ่นที่ได้ในช่วงเปิด
คือความสมดุลย์ที่ลงตัวและพอเหมาะพอดีในการวางมิติกลิ่นสายสดชื่นที่เล่นโทนไม้หอมและสมุนไพรได้อย่างรื่นไหลและสมูธมากกว่าที่คิด
โดยตัวเดินกลิ่นหลักจะเป็นกลิ่นโทนไม้หอมอย่าง Rosewood ที่จะให้อารมณ์กลิ่นไม้หอมติดปร่าซ่า
Spicy เจือกลิ่นออกทางกุหลาบ
เคล้ากับกลิ่นโทนสมุนไพรกึ่งลาเวนเดอร์ติดหวานนวลค่อนทาง Musky หน่อยๆ ของ Clary Sage โดยจะมีกลิ่นโทนสบู่อวลๆ
หน่อยๆ กำลังดีเสริมอยู่อย่าง Aldehydes ที่จริงๆ
กลิ่นควรจะต้องคมฟุ้งพุ่ง แต่เพราะมีตัวพลิกเกมอย่างเม็ดจันทน์เทศ
ที่เป็นตัวเกลากลิ่นให้มีความกลมกลมและสร้างสมดุลย์ทางกลิ่นระหว่างความเป็นโทนไม้หอมกับกลิ่นปร่า
Spicy ได้ดีมาเป็นตัวลดทอนความคมอวลพุ่งลงไป
และมีความประปรายของกลิ่นอายสดชื่นติดขมปนเปรี้ยวหน่อยสร้างบรรยากาศของกลิ่นอายสาย
Citrus ติดเขียวปร่าแนวๆ มะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เข้ามาร่วมด้วย
ทำให้ช่วงต้นภาพรวมจะเป็นกลิ่นอายสดชื่นของไม้หอมติดปร่านวลหวานสมุนไพรที่มีความสดชื่นอย่างสมดุลย์พอเหมาพอเจาะ
สร้างออร่าทางกลิ่นออกทางสดชื่นติดสุขุมนิ่งๆ มาก Cool ได้อย่างลงตัว
เมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นปร่าติดเขียวนวลกึ่งพริกไทยอ่อนๆ
ที่อารมณ์กลิ่นกลีบดอกไม้ปร่าเขียวจืดเนียนๆ ของคาร์เนชั่นที่ค่อยๆ
แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับกลิ่นไม้หอมที่เริ่มมีความปร่า Spicy เจือสะอาดของสนไพน์เข้ามาแท็คทีมกับ
Rosewood ในช่วงต้น
การเปลี่ยนช่วงก็เกิดขึ้นและเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม
โดยตัวเดินกลิ่นหลักจะกลายเป็นกลิ่นปร่า Spicy กึ่งดอกไม้ติดเขียวของคาร์เนชั่นที่ขึ้นแท่นมาเลย
แล้วเสริมด้วยกลิ่นสนไพน์กับ Rosewood ที่ยังมีความกลมกล่อมทางกลิ่นจากการเกลาด้วยเม็ดจันทน์เทศ
ทำให้กลิ่นชจะได้อารมณ์กึ่งสมุนไพรกึ่งไม้หอมที่แน่นอนยังมีความสดชื่นล้อมอยู่
แต่จะเสริมด้วยกลิ่นที่อวลขึ้นมาหน่อยมีความอุ่นขึ้นมานิดนึงของอบเชย
และกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ แนวดอกไม้ขาวบางๆ ที่มาทำให้กลิ่นมีมิติที่ลุ่มลึกมากขึ้น
ไม่ได้ทื่อๆ กับการเป็นปร่า Spicy Aromatic กับไม้หอมเพียงอย่างเดียว
ซึ่งช่วงนี้ออร่ากลิ่นจะชัดเจนมากถึงการเป็นน้ำหอมสายสุภาพบุรุษสไตล์ Classic
ที่มีความ Cool และความสุขุมในสายสว่างและสดชื่นที่ชัดเจนมาก
แต่เมื่อพอผ่านไปซักพักกลิ่นโทนเขียวเข้มสไตล์ Dark Green จะเริ่มเนียนเข้ามาให้จับต้องได้มากขึ้นเรื่อยๆ
จนรู้ได้ว่าเป็นโทนกลิ่นของ Oakmoss ที่สร้างความน่าค้นหาในสไตล์สุภาพบุรุษเข้ามาร่วมด้วย
กลิ่นก็เริ่มขับเคลื่อนต่อในการเข้าช่วงท้ายตามลำดับ และ Oakmoss นี่แหละที่เป็นหลักสำคัญให้ช่วงท้ายได้อย่างดงามเลยทีเดียว
การสร้างออร่าทางกลิ่นของ
Oakmoss ในช่วงท้ายจะไม่ได้มีความ Dark เขียวเข้มจัดๆ
หรือสร้างความลุ่มลึกกรุยกรายนัก แต่จะได้อารมณ์แบบกลิ่นเขียวเข้มแบบกลิ่นออกทางกึ่งป่ากึ่ง
Earthy ดินๆ ตามธรรมชาติที่โดนเกลากลิ่นจนสะอาด
แต่ยังคงเสน่ห์คงเดิมไว้ได้อย่างดีเสียมากกว่า
โดยจะมีตัวสนับสนุนอย่างโทนไม้หอมที่รับช่วงต่อมาจากช่วงกลางอย่างโทนสนไพน์และ Rosewood
ที่มียังอยู่ แต่จะมีกลิ่นโทนไม้แห้งๆ เคล้า Smoky เบาๆ ของหญ้าแฝกที่เข้ามาเทคโอเวอร์ลดทอนกลิ่นติดชื้นๆ อ่อนๆ
ลงไปลงเป็นกลิ่นปร่าไม้แห้งอะโรม่าเจือควันบางๆ
และมีกลิ่นโทนคล้ายหญ้าแห้งเขียวติดหวานมีความนวลหน่อยๆ ของสารหอมที่ชื่อว่า Coumarin
(ที่สกัดได้จากถั่วตองก้า) และมีกลิ่นพิมเสนสะอาดๆ
หอมระเรื่อปร่าประปราย กลิ่นมีความ Classic แบบสุภาพบุรุษที่น่าค้นหาแบบไม่ได้ดาร์กจ๋าไป
เพราะมีโทนสว่างล้อมกลิ่นอยู่เลยทำให้กลายเป็นกลิ่นสุขุมนิ่งและสุภาพแบบ Classic
ที่รื่นจมูกติดเรียบหรูสบายๆ อยู่เช่นเดิม
เรียกว่าคุมโทนได้ดีตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงท้ายได้อย่างงดงามในการสร้างกลิ่นอายสไตล์ Classic
ของผู้ชายที่สดชื่น มีระดับ เรียบหรู นิ่งน่าค้นหาแต่ Nice เป็นออร่าออกมาได้งดงามกันแบบยาวๆ ไปบนผิวเลย
เหมาะสำหรับ
- ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ใช้กลิ่นนี้ได้แล้ว
กลิ่นอาจจะไม่ได้ดูโฉ่งฉ่างตามยุคสมัย แต่มันสุภาพและ Cool แบบมีระดับ
สร้างออร่าผู้ชายสุขุม Cool และ Nice ที่มีความเป็นผู้ใหญ่สไตล์ลุคอบอุ่นเข้าถึงง่าย
ยิ่งถ้าแต่งตัวแบบหวีผมเรียบแปล้แบบ Vintage ร่วมสมัยกับการแต่งตัวสุภาพออกทางกึ่งเนี้ยบกึ่งสบายกลิ่นจะเสริมลุคได้ดีจริงๆ
เลยจะเหมาะมากกับยามทางการทุกกรณี รวมถึงการใส่แบบทั่วๆ ไป ที่ลามไปถึงการใส่กิจกรรมกลางแจ้งก็ได้
หรือออกกำลังกายก็ได้ ครอบจักรวาลชัดเจน
แต่จะมีเพียงยามค่ำคืนที่เหมาะกับการใส่ออกงานกับสบายๆ เสียมากกว่า
เพราะกลิ่นไม่ได้เข้าทางการใส่ไปเป็นสายเย้าเรียกแขกเสริมการท่องราตรีเลย
ความทน
- ดีงาม 8 ชม. กลิ่นยังอยู่และยาวไปจนถึง 12 ชม.
ทุกครั้งที่ใช้ กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์
การกระจาย
- กลิ่นกระจายค่อนข้างเสถียรมากในความปานกลางที่ไม่พุ่งเกินไป ไม่หนักไป
คุมโทนดีกันยาวๆ ตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงช่วงท้าย ก่อนจะค่อยๆ
ผ่อนตัวลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวตั้งแต่ชั่วโมงที่ 6 แล้วเป็น Skin
Scent เอาตอนชั่วโมงที่ 8 - 10
ตามแต่สภาพอากาศและสภาพผิว
สรุป
- หนึ่งในน้ำหอมชายที่ยอดเยี่ยมมากในการสร้างกลิ่นอายสายสดชื่น Classic เหนือกาลเวลาในการใช้งานที่สร้างความเป็นสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านในโทนกลิ่นอายสายไม้หอมและสมุนไพรที่มีระดับแบบไม่ต้องโฉ่งฉ่าง
แต่มีความ Cool และ Nice ในทุกอณูกลิ่น
แบบที่ไม่ต้องพยายามและรอดและหอมแบบที่มีเสน่ห์เรียบหรูและสุขุมได้งดงามจริงๆ
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร
และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้
ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า
”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.parfumo.net/Perfumes/Hermes/Equipage_Eau_de_Toilette
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น