Hermes
- Un Jardin Sur La Lagune
เมื่อเข้าสู่ช่วงของการปลดเกษียณตัวเองจากการเป็น
Perfumer ประจำแบรนด์ Hermes ของ Jean-Claude Ellena หนึ่งในผลงานส่งท้ายที่ทำให้กับ Collection กลิ่นอายสไตล์สวนอย่าง
Un Jardin อย่าง Le Jardin de Monsieur Li ก็ทำให้หลายๆ คนคาดกันว่าคงจบกันที่แค่ตัวนี้ เพราะเมื่อเปลี่ยน Perfumer
หลักของแบรนด์มาเป็น Christine Nagel อาจจะไม่ได้มาเล่นที่ความเป็นสวนแน่ๆ
เพราะ Nagel ก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองพอที่จะสร้างทิศทางใหม่ให้
Hermes อยู่มากเลยทีเดียว
แต่
Perfumer คนนี้ก็ไม่ได้ดับฝันปิดตายความเป็นกรุ่นกลิ่นหอมของความเป็นสวน
ยังคงมาต่อยอดให้กับ Un Jardin ต่อ
(ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนดีใจมากกกกก) ซึ่งจาก 4
รุ่นก่อนหน้าที่ต่างมีเอกลักษณ์ในความเป็นสวนที่แตกต่างกันไป
แต่ยืนพื้นที่ความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศสีเขียวของสวน
โดยอิงที่ความมินิมัลน้อยแต่มากเป็นหลัก
แล้วเมื่อมาเป็นฝีมือของหัวหอกในการสร้างสรรค์น้ำหอมคนล่าสุดของแบรนด์ล่ะ Nagel
จะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร มาว่ากันที่รุ่นนี้เลย Un Jardin
Sur La Lagune
ที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์กลิ่น
คือ Venetian
Garden หรือการจัดสวนในสไตล์ของเวนิช
ที่จะมีบรรยากาศหลักอย่างกลิ่นอายทะเลที่รายล้อมและความเป็นสวนต้นไม้ ดอกไม้
รูปปั้น และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เป็นสไตล์แบบโรมันอิตาลี
ซึ่งการถ่ายทอดกลิ่นออกมาถือว่าสามารถสร้างภาพการนั่งอยู่ในสวนได้ดีไม่น้อยเลย
โดยจะเริ่มจากกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่มีความกึ่งนวลกึ่งสดชื่นที่มีลูกเล่นกลิ่นเขียวเบาๆ
กลิ่นออกทางตุ่ยบางๆ ตามธรรมชาติของดอกไม้ขาวที่ควรจะเป็น และมีโทนออกทาง Citrus
คล้ายโทนเลมอนเป็นตัวสนันสนุน แล้ววูบถัดไปคือการเอาโทนบรรยากาศเข้ามาบวกเพิ่มจากกลิ่นออกทางกลิ่นอายทะเลติดไอเค็ม
ตีคู่กับกลิ่นโทนดอกไม้ขาวได้อย่างลงตัวและมีมิติในการดมจากกลิ่นอายนวลติดเขียวบางๆ
ที่มีความสดชื่นของดอกไม้ที่จับได้ไม่ยากว่าเป็นแมกโนเลียที่จะให้โทนนวลกึ่งสดชื่นติดเลมอนเย้าๆ
และตระกูลดอกส้มกึ่งมะลิที่ให้ความขาวนวลติดสะอาด
รวมถึงจะมีกลิ่นหวานติดปร่ากึ่งแว๊กซ์จากลิลลี่เข้ามาร่วมด้วย
และมีกลิ่นซ้อนลงไปอีกสเต็ปกับการเป็นไม้หอมเนียนๆ
ซึ่งทำให้กลิ่นตอนต้นเป็นดอกไม้ขาวเคล้ากลิ่นไอทะเลติดเค็มนิดๆ
สร้างบรรยากาศอารมณ์แบบสวนดอกไม้ขาวกับทะเลได้ลงตัวและไม่หนักหน่วงเลยทีเดียวในการแบ่งภาคและสร้างมิติในการได้รับกลิ่นลักษณะนี้
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะไม่โฉ่งฉ่างหรือหักมุมอะไรนัก
แต่จะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เพราะเนื้อกลิ่นที่ชัดๆ
ในช่วงต้นของการเป็นดอกไม้ขาวนวลหอมหวานระเรื่อ
จะเริ่มมีโทนเขียวกึ่งผักติดเค็มอ่อนๆ ขึ้นมาร่วมด้วยทำให้กลิ่นเริ่มมีมิติที่ชัดเจนของการเป็นสวนที่ติดทะเลแบบใกล้ชิด
ซึ่งดอกไม้ขาวที่มีความหอมนวลหวานเจือสะอาดยังคงเป็นโทนเด่นตีคู่กับกลิ่นอายทะเลอยู่
เพียงแต่กลิ่นจะมีอารมณ์ลักษณะแบบ Sea Breeze ที่ลดทอนไอเค็มลงมาหน่อย
ทำให้ได้บรรยากาศแบบกลิ่นอายสวนดอกไม้เคล้ากลิ่นพืชพรรณลอยมาตามอลมทะเลโกรกที่ได้ความนวลหอมเจือหวานอ่อนๆ
เคล้าความสดชื่นเนียนๆ จนเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมโปร่งๆ เคล้าโทน Musky เริ่มค่อยๆ เปิดตัวออกมาเรื่อยๆ
จนเปลี่ยนสถานะช่วงน้ำหอมเป็นช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายติดอบอุ่นกำลังดีเคล้ากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ
ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีโทน Musky กึ่งไม้หอม
ที่มีลักษณะแบบโทนแอมเบอร์ติดเค็มเบาๆ (คล้ายโทนของสารหอมอย่าง Ambroxan หรือ Cetalox) เลยทำให้ได้อารมณ์ผิวกายติดเค็มสบายๆ
เคล้ากลิ่นไม้หอม + ดอกไม้ขาวเจือโทนทะเลเบาๆ
ที่สร้างบรรยากาศให้กลิ่นยังคุมโทนแบบบรรยากาศใกล้ชิดทะเลได้อยู่
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถือว่าเป็นกลิ่นที่เปลี่ยนแปลงกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ให้ความรู้สึกจากชัดเจนสู่สบายๆ
อารมณ์เดียวกับนั่งในสวนโปร่งโล่งติดทะเลที่กลิ่นดอกไม้ กลิ่นต้นไม้
เคล้ากับกลิ่นไอทะเลได้อย่างน่าสนใจ และสื่อสารภาพยามได้รับกลิ่นออกมาได้ดี
โดยที่ปรับเอาความเป็น Signature โทนเขียวมาใส่ดอกไม้ขาวและทะเลได้อย่างลงตัวมาก
เหมาะสำหรับ
- Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดนึง เพราะโทนดอกไม้ขาว แต่เอาจริงๆ
ยังไงผู้ชายใส่ได้สบายมาก
ซึ่งกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายและมีลักษณะที่ให้ความหอมที่มีระดับแบบเรียบหรูแบบไม่ได้หนักหน่วงเกินไปนัก
ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป
ออกกำลังกายอาจจะรอช่วงกลางเป็นต้นไปน่าจะดีกว่า
ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความรื่นรมย์และผ่อนคลายแบบอยู่สวนริมทะเลแนวช่วงชิลล์ๆ
จะดีกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะชาวบ้านโดนกลบมิดแน่นอน
ความทน
- กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 6
- 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันไปตามจำนวนสเปรย์ที่ใช้
ซึ่งส่วนตัวใช้ไปที่ 6 สเปรย์ 8 ชม.
ได้สบายมาก แต่พอพ้นไปแล้วจะติดผิวอารมณ์แบบผิวสะอาดติดเค็มปนไม้หอมอ่อนๆ บางๆ
การกระจาย
- กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานปลางซักครู่ ที่เหลือคือออร่ารอบๆ
ตัวอ่อนๆ กันยาวๆ ไป พอพ้นซัก 6 ชม.
จะเปลี่ยนสถานะเป็นติดผิวจนกว่าจะจางไปในที่สุด
สรุป
-
เป็นการต่อยอดกลิ่นอายสไตล์สวนได้ดีโดยที่เอารากฐานเดิมในความเป็นโทนเขียวแบบที่เป็นโทนกลิ่นสวนมาเสริมดอกไม้ขาวเข้าไปแบบมินิมัล
ที่ให้ความเรียบหรูและจับต้องได้ถึงบรรยากาศที่รื่นรมย์ได้ดี โดยที่ไม่หนักไป
ซึ่ีงถ้าไล่เรียงประเภทสวนก็จัดได้แบบนี้เลย
Un
Jardin en Mediterranee – สวนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
Un
Jardin Sur Le Nil – สวนผักผลไม้ริมแม่น้ำหรือบึงบัวที่สดชื่นและผ่อนคลาย
Un
Jardin Apres la Mousson – สวนอันเงียบสงบหลังฝนตกกับเมล่อนแสนชื่นใจ
Un
Jardin Sur Le Toit – สวนบนดาดฟ้าตึกที่สดใสท่ามกลางแสงแดดและไอดิน
Le
Jardin de Monsieur Li - สวนแบบจีนยามเช้าและไอหมอกที่สดชื่นนุ่มนวล
Un
Jardin Sur La Lagune - สวนสวยติดทะเลที่เรียบหรูและรื่นรมย์
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร
และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้
ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า
”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit -
https://www.hermes.com/us/en/product/un-jardin-sur-la-lagune-eau-de-toilette-V100082V0/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น