วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Review: Hermes - Un Jardin Sur La Lagune


Hermes - Un Jardin Sur La Lagune

เมื่อเข้าสู่ช่วงของการปลดเกษียณตัวเองจากการเป็น Perfumer ประจำแบรนด์ Hermes ของ Jean-Claude Ellena หนึ่งในผลงานส่งท้ายที่ทำให้กับ Collection กลิ่นอายสไตล์สวนอย่าง Un Jardin อย่าง Le Jardin de Monsieur Li ก็ทำให้หลายๆ คนคาดกันว่าคงจบกันที่แค่ตัวนี้ เพราะเมื่อเปลี่ยน Perfumer หลักของแบรนด์มาเป็น Christine Nagel อาจจะไม่ได้มาเล่นที่ความเป็นสวนแน่ๆ เพราะ Nagel ก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองพอที่จะสร้างทิศทางใหม่ให้ Hermes อยู่มากเลยทีเดียว

แต่ Perfumer คนนี้ก็ไม่ได้ดับฝันปิดตายความเป็นกรุ่นกลิ่นหอมของความเป็นสวน ยังคงมาต่อยอดให้กับ Un Jardin ต่อ (ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนดีใจมากกกกก) ซึ่งจาก 4 รุ่นก่อนหน้าที่ต่างมีเอกลักษณ์ในความเป็นสวนที่แตกต่างกันไป แต่ยืนพื้นที่ความเป็นกลิ่นอายบรรยากาศสีเขียวของสวน โดยอิงที่ความมินิมัลน้อยแต่มากเป็นหลัก แล้วเมื่อมาเป็นฝีมือของหัวหอกในการสร้างสรรค์น้ำหอมคนล่าสุดของแบรนด์ล่ะ Nagel จะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร มาว่ากันที่รุ่นนี้เลย Un Jardin Sur La Lagune

ที่มาที่ไปของการสร้างสรรค์กลิ่น คือ Venetian Garden หรือการจัดสวนในสไตล์ของเวนิช ที่จะมีบรรยากาศหลักอย่างกลิ่นอายทะเลที่รายล้อมและความเป็นสวนต้นไม้ ดอกไม้ รูปปั้น และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เป็นสไตล์แบบโรมันอิตาลี ซึ่งการถ่ายทอดกลิ่นออกมาถือว่าสามารถสร้างภาพการนั่งอยู่ในสวนได้ดีไม่น้อยเลย โดยจะเริ่มจากกลิ่นโทนดอกไม้ขาวที่มีความกึ่งนวลกึ่งสดชื่นที่มีลูกเล่นกลิ่นเขียวเบาๆ กลิ่นออกทางตุ่ยบางๆ ตามธรรมชาติของดอกไม้ขาวที่ควรจะเป็น และมีโทนออกทาง Citrus คล้ายโทนเลมอนเป็นตัวสนันสนุน แล้ววูบถัดไปคือการเอาโทนบรรยากาศเข้ามาบวกเพิ่มจากกลิ่นออกทางกลิ่นอายทะเลติดไอเค็ม ตีคู่กับกลิ่นโทนดอกไม้ขาวได้อย่างลงตัวและมีมิติในการดมจากกลิ่นอายนวลติดเขียวบางๆ ที่มีความสดชื่นของดอกไม้ที่จับได้ไม่ยากว่าเป็นแมกโนเลียที่จะให้โทนนวลกึ่งสดชื่นติดเลมอนเย้าๆ และตระกูลดอกส้มกึ่งมะลิที่ให้ความขาวนวลติดสะอาด รวมถึงจะมีกลิ่นหวานติดปร่ากึ่งแว๊กซ์จากลิลลี่เข้ามาร่วมด้วย และมีกลิ่นซ้อนลงไปอีกสเต็ปกับการเป็นไม้หอมเนียนๆ ซึ่งทำให้กลิ่นตอนต้นเป็นดอกไม้ขาวเคล้ากลิ่นไอทะเลติดเค็มนิดๆ สร้างบรรยากาศอารมณ์แบบสวนดอกไม้ขาวกับทะเลได้ลงตัวและไม่หนักหน่วงเลยทีเดียวในการแบ่งภาคและสร้างมิติในการได้รับกลิ่นลักษณะนี้

การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะไม่โฉ่งฉ่างหรือหักมุมอะไรนัก แต่จะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เพราะเนื้อกลิ่นที่ชัดๆ ในช่วงต้นของการเป็นดอกไม้ขาวนวลหอมหวานระเรื่อ จะเริ่มมีโทนเขียวกึ่งผักติดเค็มอ่อนๆ ขึ้นมาร่วมด้วยทำให้กลิ่นเริ่มมีมิติที่ชัดเจนของการเป็นสวนที่ติดทะเลแบบใกล้ชิด ซึ่งดอกไม้ขาวที่มีความหอมนวลหวานเจือสะอาดยังคงเป็นโทนเด่นตีคู่กับกลิ่นอายทะเลอยู่ เพียงแต่กลิ่นจะมีอารมณ์ลักษณะแบบ Sea Breeze ที่ลดทอนไอเค็มลงมาหน่อย ทำให้ได้บรรยากาศแบบกลิ่นอายสวนดอกไม้เคล้ากลิ่นพืชพรรณลอยมาตามอลมทะเลโกรกที่ได้ความนวลหอมเจือหวานอ่อนๆ เคล้าความสดชื่นเนียนๆ จนเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมโปร่งๆ เคล้าโทน Musky เริ่มค่อยๆ เปิดตัวออกมาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนสถานะช่วงน้ำหอมเป็นช่วงท้ายที่จะเป็นกลิ่นอายติดอบอุ่นกำลังดีเคล้ากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีโทน Musky กึ่งไม้หอม ที่มีลักษณะแบบโทนแอมเบอร์ติดเค็มเบาๆ (คล้ายโทนของสารหอมอย่าง Ambroxan หรือ Cetalox) เลยทำให้ได้อารมณ์ผิวกายติดเค็มสบายๆ เคล้ากลิ่นไม้หอม + ดอกไม้ขาวเจือโทนทะเลเบาๆ ที่สร้างบรรยากาศให้กลิ่นยังคุมโทนแบบบรรยากาศใกล้ชิดทะเลได้อยู่ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลถือว่าเป็นกลิ่นที่เปลี่ยนแปลงกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้ความรู้สึกจากชัดเจนสู่สบายๆ อารมณ์เดียวกับนั่งในสวนโปร่งโล่งติดทะเลที่กลิ่นดอกไม้ กลิ่นต้นไม้ เคล้ากับกลิ่นไอทะเลได้อย่างน่าสนใจ และสื่อสารภาพยามได้รับกลิ่นออกมาได้ดี โดยที่ปรับเอาความเป็น Signature โทนเขียวมาใส่ดอกไม้ขาวและทะเลได้อย่างลงตัวมาก

เหมาะสำหรับ - Unisex ที่ค่อนไปทางผู้หญิงมากกว่านิดนึง เพราะโทนดอกไม้ขาว แต่เอาจริงๆ ยังไงผู้ชายใส่ได้สบายมาก ซึ่งกลิ่นเข้าถึงได้ง่ายและมีลักษณะที่ให้ความหอมที่มีระดับแบบเรียบหรูแบบไม่ได้หนักหน่วงเกินไปนัก ซึ่งเข้ากับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป ออกกำลังกายอาจจะรอช่วงกลางเป็นต้นไปน่าจะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเน้นใส่เพื่อความรื่นรมย์และผ่อนคลายแบบอยู่สวนริมทะเลแนวช่วงชิลล์ๆ จะดีกว่าใส่ไปท่องราตรี เพราะชาวบ้านโดนกลบมิดแน่นอน

ความทน - กลิ่นทนลงตัวที่ราวๆ 6 - 8 ชม. อาจจะมีบวกลบบ้างก็ว่ากันไปตามจำนวนสเปรย์ที่ใช้ ซึ่งส่วนตัวใช้ไปที่ 6 สเปรย์ 8 ชม. ได้สบายมาก แต่พอพ้นไปแล้วจะติดผิวอารมณ์แบบผิวสะอาดติดเค็มปนไม้หอมอ่อนๆ บางๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาปานปลางซักครู่ ที่เหลือคือออร่ารอบๆ ตัวอ่อนๆ กันยาวๆ ไป พอพ้นซัก 6 ชม. จะเปลี่ยนสถานะเป็นติดผิวจนกว่าจะจางไปในที่สุด

สรุป - เป็นการต่อยอดกลิ่นอายสไตล์สวนได้ดีโดยที่เอารากฐานเดิมในความเป็นโทนเขียวแบบที่เป็นโทนกลิ่นสวนมาเสริมดอกไม้ขาวเข้าไปแบบมินิมัล ที่ให้ความเรียบหรูและจับต้องได้ถึงบรรยากาศที่รื่นรมย์ได้ดี โดยที่ไม่หนักไป ซึ่ีงถ้าไล่เรียงประเภทสวนก็จัดได้แบบนี้เลย

Un Jardin en Mediterraneeสวนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
Un Jardin Sur Le Nil – สวนผักผลไม้ริมแม่น้ำหรือบึงบัวที่สดชื่นและผ่อนคลาย
Un Jardin Apres la Moussonสวนอันเงียบสงบหลังฝนตกกับเมล่อนแสนชื่นใจ
Un Jardin Sur Le Toit สวนบนดาดฟ้าตึกที่สดใสท่ามกลางแสงแดดและไอดิน
Le Jardin de Monsieur Li - สวนแบบจีนยามเช้าและไอหมอกที่สดชื่นนุ่มนวล
Un Jardin Sur La Lagune - สวนสวยติดทะเลที่เรียบหรูและรื่นรมย์

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.hermes.com/us/en/product/un-jardin-sur-la-lagune-eau-de-toilette-V100082V0/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น