Parfums
Dusita - Melodie de l’Amour
จาก
2 ใน 3 ของน้ำหอมที่เปิดตัวแบรนด์ Parfums Dusita ที่ได้ผ่านการเล่ากลิ่นไปก่อนหน้านี้
ทั้งการสร้างประทับใจแบบมีความสุขกับกลิ่นแห่งความอิสระเสรีอย่าง Issara สู่ความมีเอกลักษณ์เฉพาะกับกลิ่นอายสาย Oud เจือ Animalic
ที่หรูหรามีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่าง Oudh Infini แต่บอกเลยว่า
Mission ยังไม่ Complete
เพราะยังไม่ได้เล่ากลิ่นหนึ่งรุ่นที่เรียกว่าสร้างความประทับใจให้กับคนใช้น้ำหอมต่างๆ
ทั่วโลกมากเลยทีเดียวกับการเป็นกลิ่นอายสายดอกไม้ขาวที่งดงามเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
และที่สำคัญเป็นกลิ่นที่ได้รับรางวัล Art & Olfaction Awards ในปี
2017 สาย Artisan Category มาด้วย
เช่นนั้นก็ได้เวลาทำให้ครบถ้วนและสำเร็จ เพราะผ่านการใช้งานกลิ่นจนตกผลึกได้ที่
เช่นนั้นมาซึมซับผ่านตัวอักษรกันได้เลยว่าความดีงามของ Melodie de l’Amour นั้นเป็นอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
ช่วงเปิดของน้ำหอมรุ่นนี้จะมีหลากอารมณ์และความรู้สึกมากทีเดียว
เพราะจะได้ทั้งความเป็นธรรมชาติ หวาน นวล และเรียบหรู
ที่มีมิติกลิ่นอย่างรื่นรมย์มากจริงๆ จากลิ่นอายดอกไม้ขาว โดยเฉพาะดอกพุด (Gardenia) ที่จะมาแบบไม่ข้นไม่นวลจัด
ให้ความรู้สึกเป็นกลิ่นอายตามธรรมชาติแบบลอยระเรื่อมาตามลมให้เราจับต้องกลิ่นได้ เนื้อกลิ่นจะได้ทั้งความครีมมี่ของดอกพุด
ได้ความเป็นตุ่ยๆ ติดกลิ่นเห็ดทึบเล็กๆ (Indolic) ตามธรรมชาติเจือกลิ่นติดเขียวที่ดอกไม้ขาวพึงมี
แต่ไม่ใช่แค่ดอกพุดที่เป็นตัวเอกหลัก เพราะจะมีซ่อนกลิ่นเข้ามาร่วมด้วย
ทำให้กลิ่นมีความครีมมี่เย้าๆ ให้ความสว่างนวลขาวแบบสมดุลย์
ไม่ได้ข้นหนักจนยั่วยวนเกินไป และแม้จะจับต้องได้ว่ามีโทนกลิ่นของมะลิที่ติดใสๆ
เข้ามาเนียนๆ อยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เบาจนใสแจ๋วเกินไป
ถือว่าเป็นการวางสมดุลย์ทางกลิ่นได้ลงตัวมาก จากดอกไม้ขาวใสๆ สู่ความนวลกึ่งใส
ไล่เลเยอร์กลิ่นสู่ครีมมี่นวลๆ แต่ยังมีกลิ่นบรรยากาศสดชื่นรอบๆ
มาตัดทอนไม่ได้ให้สายข้นเกินไปอยู่ตลอด
แถมซ้อนด้วยโทนหวานออกทางน้ำผึ้งที่แอบมีโทน Animalic ซ้อนบางๆ
ในความใสหวาน
คุมโทนระเรื่อสไตล์หวานน้อยแต่มีมิติเป็นเลเยอร์กลิ่นซ้อนให้ความครบถ้วนในการเป็นโทนดอกไม้ขาวอย่างเป็นธรรมชาติมากจริงๆ
สร้างภาพในหัวออกมาได้เลยเหมือนเปิดหน้าต่างรับกลิ่นอายจากสวนดอกไม้ขาวระเรื่อหลากชนิดที่เด่นที่ดอกพุดและซ่อนกลิ่นลอยตามลมเข้ามาในห้องอย่างไงอย่างงั้น
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในการเข้าสู่ช่วงกลางจะมาแบบค่อยเป็นค่อยไป
โดยที่ยังยืนพื้นกับการเป็นกลิ่นดอกไม้ขาวของดอกพุดและซ่อนกลิ่นอยู่
แต่วูบที่จับต้องได้ว่ามีมะลิเนียนๆ อยู่ในช่วงต้นก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น
เพราะมะลิจะมาแบบติดกึ่งนวลกึ่งใสกำลังดีให้ความสว่างพลิ้วแบบดอกไม้ขาว
ซึ่งยังไม่พอยังได้โทนออกทางดอกไม้ขาวที่มีความใสติดเขียวระเรื่อของดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) เข้ามาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีโทนหวานติดใสอย่างมีมิติของ 2
โทนคือกลิ่นโทนน้ำผึ้งที่ยังมีอยู่ และมีกลิ่นออกแนวผลไม้แนวๆ
ลูกพีชหอมติดปลายกลิ่นแบบไม่ได้จงใจ
ซึ่งแน่นอนกลิ่นจะมีภาพรวมในการเป็นดอกไม้ขาวที่ไล่เลเยอร์ทุกโทนที่ดอกไม้ขาวทำได้
ไม่ว่าจะใส นวล ครีมมี่ หวาน สว่าง เย้าแบบไม่จงใจ
อารมณ์กลิ่นจะบอกถึงความเรียบหรูมีระดับที่ชัดเจนมาก
จากช่วงต้นที่เป็นกลิ่นอายดอกไม้ขาวตามธรรมชาติลอยเข้ามา
ก็เพิ่มลักษณะที่เป็นเหมือนช่อดอกไม้ขาวรวมเข้ามาร่วมด้วย
แบบตัดดอกไม้มาประดับตามจุดต่างๆ แบบกำลังดีและสมดุลย์ กลิ่นเลยจะระเรื่ออะโรม่าพลิ้วไหวอย่างลงตัวมาก
โดยไม่ละทิ้งความเป็นธรรมชาติที่ควรจะเป็น
จนเมื่อกลิ่นดอกไม้เริ่มเบาลงไปในระดับหนึ่ง
และมีกลิ่นอายนวลสะอาดของ Musk
แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ
ก็จะปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่แค่ลดทอนกลิ่นในช่วงกลางลงมาหน่อย
แต่เพิ่มความนวลละมุนเข้าไป เสริมด้วยกลิ่นอายไม้หอมโปร่งๆ สบายๆ ติดขรึมๆ เบาๆ
ที่ทำให้กลิ่นมีมิติมากขึ้นในโทนสว่างนวลหอมเจือหวานอ่อนๆ ครีมมี่เบาๆ นุ่มๆ
คลอผิว อารมณ์กลิ่นให้ความรู้สึกแบบกลิ่นดอกไม้ขาวต่างๆ
ที่ส่งกลิ่นหอมยาวมาตั้งแต่ช่วงต้นก่อนหน้านี้มาคลอผิวนวลๆ
และได้ภาพในความรู้สึกเหมือนเราใช่ชุดขาว Casual เรียบหรูสบายๆ
นั่งอยู่ในห้องที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ขาวเคล้ากับกลิ่นอายรื่นรมย์ระเรื่อจากสวนดอกไม้ภายนอกที่ลอยเข้ามาในหน้าต่างให้เรารู้เบาๆ
อยู่ตลอดเวลาแบบไม่หนักหน่วงเติมเต็มการเป็นกลิ่นอายดอกไม้ขาวอ่อนโยนและงดงามที่อยู่รอบตัวเราได้อย่างชัดเจน
เหมาะสำหรับ
- ทุกเพศเพราะมาสาย Unisex
แต่จะค่อยไปทางผู้หญิงมากกว่า เพราะกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเด่น
แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายมาก ยิ่งใส่กับเสื้อผ้าโทนขาวถือว่าเป็น Perfect
Match ได้เลย ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ
สถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืนไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป
กลิ่นให้ความเรียบหรูและเป็นธรรมชาติที่สามารถสร้างความประทับใจกับตัวคนใส่เองและคนรอบข้างที่ได้รับกลิ่นได้ไม่ยาก
แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายและท่องราตรีออกไปได้เลย ไม่เข้าทาง
ความทน
- ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีมากหรือน้อยกว่าก็อิงตามจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง
การกระจาย
- กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาที่ปานกลางกันยาวพอสมควร
ส่วนที่เหลือจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ
ให้ความเรียบหรูและรื่นรมย์กับตัวสนใจเต็มๆ
สรุป
- ต้องชื่นชมเลยเพราะว่ากลิ่นนี้ดึงเอาความดีงามของดอกไม้ขาวมาสร้างสรรค์เป็นกลิ่นแบบโทน
Light สว่าง ที่ไม่หนักหน่วง
ให้ความเป็นธรรมชาติในแต่ละช่วงได้ดีและงดงามในความรื่นไหลของกลิ่นได้ยอดเยี่ยม
และสื่อสารถึงคำว่า “น้อยแต่มาก” ในความรู้สึกขาวนวลได้ดีจริงๆ
นี่แหละน้ำหอมรางวัล Art & Olfaction Awards ประจำปี
2017
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2.
Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร
และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้
ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย
รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า
”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.nicheessence.com/products/dusita-melodie-de-lamour-extrait
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น