วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Review: Parfums Dusita - Melodie de l’Amour


Parfums Dusita - Melodie de l’Amour

จาก 2 ใน 3 ของน้ำหอมที่เปิดตัวแบรนด์ Parfums Dusita ที่ได้ผ่านการเล่ากลิ่นไปก่อนหน้านี้ ทั้งการสร้างประทับใจแบบมีความสุขกับกลิ่นแห่งความอิสระเสรีอย่าง Issara สู่ความมีเอกลักษณ์เฉพาะกับกลิ่นอายสาย Oud เจือ Animalic ที่หรูหรามีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่าง Oudh Infini แต่บอกเลยว่า Mission ยังไม่ Complete

เพราะยังไม่ได้เล่ากลิ่นหนึ่งรุ่นที่เรียกว่าสร้างความประทับใจให้กับคนใช้น้ำหอมต่างๆ ทั่วโลกมากเลยทีเดียวกับการเป็นกลิ่นอายสายดอกไม้ขาวที่งดงามเป็นลำดับต้นๆ ของโลก และที่สำคัญเป็นกลิ่นที่ได้รับรางวัล Art & Olfaction Awards ในปี 2017 สาย Artisan Category มาด้วย เช่นนั้นก็ได้เวลาทำให้ครบถ้วนและสำเร็จ เพราะผ่านการใช้งานกลิ่นจนตกผลึกได้ที่ เช่นนั้นมาซึมซับผ่านตัวอักษรกันได้เลยว่าความดีงามของ Melodie de l’Amour นั้นเป็นอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ช่วงเปิดของน้ำหอมรุ่นนี้จะมีหลากอารมณ์และความรู้สึกมากทีเดียว เพราะจะได้ทั้งความเป็นธรรมชาติ หวาน นวล และเรียบหรู ที่มีมิติกลิ่นอย่างรื่นรมย์มากจริงๆ จากลิ่นอายดอกไม้ขาว โดยเฉพาะดอกพุด (Gardenia) ที่จะมาแบบไม่ข้นไม่นวลจัด ให้ความรู้สึกเป็นกลิ่นอายตามธรรมชาติแบบลอยระเรื่อมาตามลมให้เราจับต้องกลิ่นได้ เนื้อกลิ่นจะได้ทั้งความครีมมี่ของดอกพุด ได้ความเป็นตุ่ยๆ ติดกลิ่นเห็ดทึบเล็กๆ (Indolic) ตามธรรมชาติเจือกลิ่นติดเขียวที่ดอกไม้ขาวพึงมี แต่ไม่ใช่แค่ดอกพุดที่เป็นตัวเอกหลัก เพราะจะมีซ่อนกลิ่นเข้ามาร่วมด้วย ทำให้กลิ่นมีความครีมมี่เย้าๆ ให้ความสว่างนวลขาวแบบสมดุลย์ ไม่ได้ข้นหนักจนยั่วยวนเกินไป และแม้จะจับต้องได้ว่ามีโทนกลิ่นของมะลิที่ติดใสๆ เข้ามาเนียนๆ อยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เบาจนใสแจ๋วเกินไป ถือว่าเป็นการวางสมดุลย์ทางกลิ่นได้ลงตัวมาก จากดอกไม้ขาวใสๆ สู่ความนวลกึ่งใส ไล่เลเยอร์กลิ่นสู่ครีมมี่นวลๆ แต่ยังมีกลิ่นบรรยากาศสดชื่นรอบๆ มาตัดทอนไม่ได้ให้สายข้นเกินไปอยู่ตลอด แถมซ้อนด้วยโทนหวานออกทางน้ำผึ้งที่แอบมีโทน Animalic ซ้อนบางๆ ในความใสหวาน คุมโทนระเรื่อสไตล์หวานน้อยแต่มีมิติเป็นเลเยอร์กลิ่นซ้อนให้ความครบถ้วนในการเป็นโทนดอกไม้ขาวอย่างเป็นธรรมชาติมากจริงๆ สร้างภาพในหัวออกมาได้เลยเหมือนเปิดหน้าต่างรับกลิ่นอายจากสวนดอกไม้ขาวระเรื่อหลากชนิดที่เด่นที่ดอกพุดและซ่อนกลิ่นลอยตามลมเข้ามาในห้องอย่างไงอย่างงั้น

การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในการเข้าสู่ช่วงกลางจะมาแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ยังยืนพื้นกับการเป็นกลิ่นดอกไม้ขาวของดอกพุดและซ่อนกลิ่นอยู่ แต่วูบที่จับต้องได้ว่ามีมะลิเนียนๆ อยู่ในช่วงต้นก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น เพราะมะลิจะมาแบบติดกึ่งนวลกึ่งใสกำลังดีให้ความสว่างพลิ้วแบบดอกไม้ขาว ซึ่งยังไม่พอยังได้โทนออกทางดอกไม้ขาวที่มีความใสติดเขียวระเรื่อของดอกกระดิ่ง (lily-of-the-valley) เข้ามาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีโทนหวานติดใสอย่างมีมิติของ 2 โทนคือกลิ่นโทนน้ำผึ้งที่ยังมีอยู่ และมีกลิ่นออกแนวผลไม้แนวๆ ลูกพีชหอมติดปลายกลิ่นแบบไม่ได้จงใจ ซึ่งแน่นอนกลิ่นจะมีภาพรวมในการเป็นดอกไม้ขาวที่ไล่เลเยอร์ทุกโทนที่ดอกไม้ขาวทำได้ ไม่ว่าจะใส นวล ครีมมี่ หวาน สว่าง เย้าแบบไม่จงใจ อารมณ์กลิ่นจะบอกถึงความเรียบหรูมีระดับที่ชัดเจนมาก จากช่วงต้นที่เป็นกลิ่นอายดอกไม้ขาวตามธรรมชาติลอยเข้ามา ก็เพิ่มลักษณะที่เป็นเหมือนช่อดอกไม้ขาวรวมเข้ามาร่วมด้วย แบบตัดดอกไม้มาประดับตามจุดต่างๆ แบบกำลังดีและสมดุลย์ กลิ่นเลยจะระเรื่ออะโรม่าพลิ้วไหวอย่างลงตัวมาก โดยไม่ละทิ้งความเป็นธรรมชาติที่ควรจะเป็น

จนเมื่อกลิ่นดอกไม้เริ่มเบาลงไปในระดับหนึ่ง และมีกลิ่นอายนวลสะอาดของ Musk แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะปูทางเข้าสู่ช่วงท้ายที่แค่ลดทอนกลิ่นในช่วงกลางลงมาหน่อย แต่เพิ่มความนวลละมุนเข้าไป เสริมด้วยกลิ่นอายไม้หอมโปร่งๆ สบายๆ ติดขรึมๆ เบาๆ ที่ทำให้กลิ่นมีมิติมากขึ้นในโทนสว่างนวลหอมเจือหวานอ่อนๆ ครีมมี่เบาๆ นุ่มๆ คลอผิว อารมณ์กลิ่นให้ความรู้สึกแบบกลิ่นดอกไม้ขาวต่างๆ ที่ส่งกลิ่นหอมยาวมาตั้งแต่ช่วงต้นก่อนหน้านี้มาคลอผิวนวลๆ และได้ภาพในความรู้สึกเหมือนเราใช่ชุดขาว Casual เรียบหรูสบายๆ นั่งอยู่ในห้องที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ขาวเคล้ากับกลิ่นอายรื่นรมย์ระเรื่อจากสวนดอกไม้ภายนอกที่ลอยเข้ามาในหน้าต่างให้เรารู้เบาๆ อยู่ตลอดเวลาแบบไม่หนักหน่วงเติมเต็มการเป็นกลิ่นอายดอกไม้ขาวอ่อนโยนและงดงามที่อยู่รอบตัวเราได้อย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศเพราะมาสาย Unisex แต่จะค่อยไปทางผู้หญิงมากกว่า เพราะกลิ่นโทนดอกไม้ขาวเด่น แต่ยังไงผู้ชายก็ใส่ได้สบายมาก ยิ่งใส่กับเสื้อผ้าโทนขาวถือว่าเป็น Perfect Match ได้เลย ซึ่งกลิ่นเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืนไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นให้ความเรียบหรูและเป็นธรรมชาติที่สามารถสร้างความประทับใจกับตัวคนใส่เองและคนรอบข้างที่ได้รับกลิ่นได้ไม่ยาก แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายและท่องราตรีออกไปได้เลย ไม่เข้าทาง

ความทน - ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมีมากหรือน้อยกว่าก็อิงตามจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมาที่ปานกลางกันยาวพอสมควร ส่วนที่เหลือจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ ให้ความเรียบหรูและรื่นรมย์กับตัวสนใจเต็มๆ

สรุป - ต้องชื่นชมเลยเพราะว่ากลิ่นนี้ดึงเอาความดีงามของดอกไม้ขาวมาสร้างสรรค์เป็นกลิ่นแบบโทน Light สว่าง ที่ไม่หนักหน่วง ให้ความเป็นธรรมชาติในแต่ละช่วงได้ดีและงดงามในความรื่นไหลของกลิ่นได้ยอดเยี่ยม และสื่อสารถึงคำว่า “น้อยแต่มาก” ในความรู้สึกขาวนวลได้ดีจริงๆ นี่แหละน้ำหอมรางวัล Art & Olfaction Awards ประจำปี 2017

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.nicheessence.com/products/dusita-melodie-de-lamour-extrait

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น