วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Review: Acca Kappa - Black Pepper & Sandalwood


 

Acca Kappa - Black Pepper & Sandalwood

โดยส่วนใหญ่น้ำหอมสาย Niche Perfume ที่ได้รางวัล The Art & Olfaction Awards หลายๆ รุ่นเรียกว่ายากไม่ใช่น้อยถ้าจะหามาครอบครอง เพราะบางรุ่นไม่ได้หากันได้ง่ายๆ แบบน้ำหอมสาย Designer หรือ Niche ที่ได้รับความนิยม แต่เมื่อกวาดสายตาดูว่าน้ำหอมที่ได้รับรางวัลย้อนหลังแต่ละปีมีอะไรบ้าง ก็ได้เจอกับน้ำหอมรางวัลรุ่นหนึ่งที่สามารถหามาครอบครองได้ไม่ยากเพราะมี Counter ในไทยอยู่แล้วนั่นก็คือรุ่น Black Pepper & Sandalwood ของ Acca Kappa ที่ได้รับรางวัลนี้ในฝั่ง Independent Category มาครอง

และเพราะการเก็บน้ำหอมสายรางวัลมาเรียนรู้กลิ่น ถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่ดีอย่างหนึ่ง เช่นนั้นจึงจัดไปได้ครอบครองแล้วใช้งานจนตกผลึกได้ที่ จึงถ่ายทอดกลิ่นออกมาได้แบบนี้

เปิดตัวกันด้วยตัวเอกในช่วงต้นอย่างกานพลู ที่ไม่ได้มาแบบคมพุ่งฟุ้งเต็มแต่มาแบบปร่าอะโรม่าคลอมากับกลิ่นอายสาย Citrus ที่ติดไปทางขมเจือเปรี้ยวติดปร่าซ่านิดๆ ของมะกรูดฝรั่งๆ แกมกลิ่นออกทางเลมอนผสมพริกไทยกึ่งยางไม้บางๆ ซึ่งในเนื้อกลิ่นจะมีโทนไม้หอมติดปร่าสะอาดเจือเขียวติดชื้นเล็กๆ แนวๆ กลิ่นไม้สน Fir และกลิ่นที่ติดโทนเครื่องเทศกึ่งหนังหน่อยๆ ของหญ้าฝรั่นที่สร้างความหวานเจือหนังลึกๆ เข้ามารองพื้นสร้างออร่าความเป็น Woody Spicy กันตั้งแต่เริ่มต้นเลย แต่เมื่อจับโทนกลิ่นดีๆ จะได้ความรู้สึกติดปร่าเจือไม้หน่อยๆ ของเม็ดจันทน์เทศที่ทำให้กลิ่นมีความกลมกล่อมพอดีๆ เกลาและเชื่อมโทนกลิ่นแต่ละโทนเข้าด้วยกันได้สมดุลย์มาก เรียกว่ากลิ่นเปิดแม้จะกลิ่นชัดพอสมควรแต่ก็กลมๆ พอดีๆ ไม่แหลมเกินไปและไม่หนักหน่วงเกินไป อวลฟุ้งกำลังดี เรียกว่าสร้างความประทับใจกันเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่ากลิ่นจะมาแบบสายสดชื่นติดขรึมมีระดับแบบนี้

ผ่านไปไม่เท่าไหร่ จะเริ่มจับต้องได้ว่ามีกลิ่นพริกไทยที่ให้ความปร่านวลเสริมเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งกลิ่นไม่ได้ถึงกับไปสายโทนสว่างมากนัก เพราะเนื้อกลิ่นมีความปร่าเจือไม้หอมนิดๆ แบบพริกไทยดำมากกว่าจะมาสไตล์พริกไทยผงสีขาวที่ค่อยๆ เข้ามาครองพื้นที่กลิ่นมาขึ้นตามลำดับและนำเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่กลิ่นกานพลูที่เป็นตัวเอกในช่วงแรกจะผ่อนลงมาสร้างอะโรม่าให้พริกไทยดำมีความปร่าฟุ้งหน่อยๆ แทน เลยจะได้อะโรม่าความเป็นเครื่องเทศปร่านวลโปร่งและมีกลิ่นออกทางคล้ายไม้หอมที่ติดดาร์กเนียนๆ รองพื้นแต่ก็ไม่ดิ่งหรือดิบแต่อย่างใด เพราะเนื้อกลิ่นยังมีความกลมกล่อมอยู่เพราะเม็ดจันทน์เทศก็ยังตามเกลากลิ่นให้มีความปร่าเจือไม้หอมอย่างสมดุลย์เช่นเดิม แต่มิติกลิ่นไม่ได้มีแค่นี้เพราะในเนื้อกลิ่นจะมีโทนหวานอุ่นอ่อนๆ ของอบเชยที่เข้ามาเสริมแบบสมูธมากเกินคาด ไม่ได้ดูเร่าร้อนเกินไป แต่ให้ความรุ่มรวยของกลิ่นที่รื่นจมูกกำลังดี แถมมีกลิ่นเจือหวานนวลจางๆ ของกุหลาบที่คลอกลิ่นประปรายรวมอยู่ด้วย เลยได้อารมณ์กลิ่นแบบไม้หอมกึ่งดาร์กบางๆ เคล้าเครื่องเทศเทศโปร่งนวลหอมติดหวานปลายกลิ่นที่มีความลงตัวให้อารมณ์ติดขรึมที่มีความอะโรม่ากำลังดีไปเรื่อยๆ จนเมื่อเริ่มมีกลิ่นโทนไม้หอมที่ชัดมากขึ้นตามลำดับออกแนวกลิ่นติดจืดหอมนวลอ่อนๆ ก็เริ่มจับต้องได้ว่าตัวเอกที่ 2 อย่างไม้จันทน์หอมเริ่มมาแท็คทีมกับพริกไทยปร่านวลตามชื่อรุ่นแล้ว

เมื่อกลิ่นไม้จันทน์หอมเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นตามลำดับ โดยจะมีกลิ่นไม้โปร่งๆ ติดปร่าขรึมของซีดาร์และไม้แห้งๆ ของหญ้าแฝกที่เข้ามาร่วมด้วยในการสร้างออร่ากลิ่นไม้หอม คลอไปกับพริกไทยดำที่ตามมาจากช่วงกลาง แต่สิ่งที่ต้องยอมเลยคือการตัดทอนให้กลิ่นมาสาย Soft ของ Musk ที่มาเกลาให้กลิ่นไม้หอมมีความโปร่งกำลังดีติดนวลสะอาดปลายกลิ่น + ความหวานระเรื่อของพิมเสนติดปร่าอะโรม่าแบบอ่อนๆ ประปรายที่มีให้รู้สึกได้ เลยทำให้กลิ่นมีความระเรื่อๆ เรียบหรูในการเป็นไม้หอมติดปร่าเครื่องเทศกำลังดีมีระดับในเนื้อกลิ่นสูงมาก ซึ่งสร้างออร่ามีภูมิติดขรึมแต่ไม่ได้ดูเข้าถึงยาก เพราะออกทางผู้ดีสมาร์ทและมีคลาสเสียมากกว่า เรียกว่าภาพรวมทั้งหมดมีความเกินคาดในเนื้อกลิ่นมากจริงๆ เพราะให้ความสมดุลย์ที่พอเหมาะพอดีไปหมดทุกช่วงระหว่างความเป็นไม้หอมกับเครื่องเทศที่มีทั้งปร่าเผ็ดสดชื่นและเผ็ดหวานระเรื่อติดอุ่นกำลังดี โดยไม่หนักหน่วงแต่อย่างใด ลงตัวมากจริงๆ

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex แต่เอาจริงๆ ค่อนไปทางผู้ชายมากกว่าราว 70% ได้ ซึ่งกลิ่นค่อนข้างมาสายสร้างออร่าความสุขุม ขรึม น่าค้นหา โดยที่ไม่ได้หนักหน่วงเกินไปนัก ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ให้ละการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายไปได้เลยเพราะกลิ่นไม่เข้าทาง ส่วนยามค่ำคืนใส่ออกงานนี่ยอดมาก แต่ท่องราตรีเน้นแบบดื่มจิบเบาๆ คูลๆ จะดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังอยู่แล้ว

ความทน - เรียกว่าลงตัวกับราวๆ 6 - 8 ชม. ในเบื้องต้น แต่ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัวและสภาพผิวกายสอดรับได้ดี ลากยาวไปสูงสุดได้ถึง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว กับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ที่อาจจะทำให้รู้สึกว่ากลิ่นมันน่าจะหนัก แต่จริงๆ ที่เหลือลดลงมาที่ปานกลางซักระยะ แล้วค่อยเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป พอพ้นซัก 8-10 ชม. ถึงค่อยเป็น Skin Scent

สรุป - ตอนแรกคาดหวังความหนักความอวลความพุ่งความเผ็ดความเป็นไม้หนักๆ แบบเต็มเหนี่ยว แต่พอใช้จริง เปล่าเลย ไม่ได้หนักนัก มีความพอดีๆ ให้ความปร่านวลมีระดับ มีภูมิขรึมขลังอยู่ในที และยืนพื้นที่ความสุภาพติดออกมาโปร่งกว่าที่คิด แบบที่ทุกอย่างสมดุลย์ลงตัวพอเหมาะพอเจาะไปหมด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกลิ่นนี้ถึงได้รางวัลลูกแพร์ The Art & Olfaction Awards ในปี 2015 มาครอง เพราะกลิ่นไม่ได้ดูพยายามโชว์เหนือ แต่เมื่อดมดีๆ จะสัมผัสได้ถึงคุณภาพกลิ่นและความเป๊ะของการผสมผสานกันนั้นมาครบทุกสโตรกจริงๆ ยอมมมมม

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.accakappa.jp/fs/accakappa/3495

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น