Christian Dior - Sauvage Eau de Parfum
เมื่อ Dior Sauvage รุ่น EDT ออกมาตีตลาดในปี 2015 และก็กวาดเอาความชอบและคำชมไปมากมาย รวมถึงคำค่อนขอดเปรียบเทียบต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถทลายความฮิตติดลมบนกันสุดๆ ของรุ่นนี้ไปได้ จนเมื่อผ่านไป 3 ปี แน่นอนว่าพอฮิตแล้วการต่อยอดก็ต้องมีตามเทรนด์ของการสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ Christian Dior ที่จะมีแตกแขนงเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นตามขนบ และเมื่อรุ่นตั้งต้นเป็น EDT งานนี้รุ่นต่อมาที่เก็งกันไม่น่ายากอย่าง Eau de Parfum: EDP จึงออกมาต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความสำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าติดตลาดกันอย่างสนุกสนานและได้รับความนิยมสูงมากจนถึงทุกวันนี้กันเลยทีเดียว
และรุ่นนี้มีดีหรือไม่อย่างไง ก็ต้องมาจาระไนกันหน่อย
Dior - Sauvage EDP เปิดตัวมาในลักษณะเดียวกันกับต้น EDT ที่จะมาด้วยกลิ่นโทน Citrus ติดเครื่องเทศแนวพริกไทยที่จะมีกลิ่นโทนผลไม้แนวๆ คล้ายสับปะรดเข้ามาร่วมด้วยและค่อนข้างเด่น และที่สำคัญกลิ่นโทนลาเวนเดอร์จะค่อนข้างมีอิทธิพลพอสมควรกับช่วงนี้กับความนวลกึ่งอวลเท่ห์ เลยทำให้กลิ่นไม่ได้พุ่งคมแบบ EDT นัก แต่กลับให้ความ Smooth มากขึ้นแบบไม่หนักหน่วงเกินไป โดยที่จะมีลักษณะของโทนสารหอมที่เป็นตัวเอกหลักของการเป็น Sauvage อย่าง Ambroxan ที่ให้กลิ่นอายแบบผิวกายติดเค็มอบอุ่นคล้ายอำพันปลาวาฬ แต่จะออกมาทางไม้หอมอวลๆ ที่จะผลุบๆ โผล่ๆ ให้รู้ว่า Signature ไม่ได้หายไปไหนนะ ยังมีอยู่ และ Ambroxan นี่แหละที่จะเป็นเหมือนแกนกลางของน้ำหอมที่จะอยู่ในทุกๆ ช่วงให้จับต้องได้แบบเป็นพระเอกเลยล่ะ
ในช่วงกลางความเป็น Ambroxanจะเริ่มชัดมากขึ้น แต่ยังคงหลีกทางให้กับสายเครื่องเทศที่ชัดพอสมควรกับกลิ่นปร่าเผ็ดเจือนวลนิดๆ แต่มีความซ่าออกมาให้รู้สึกได้อย่างพริกไทยเสฉวน หรือที่เรารู้จักกันดีว่าพริกหมาล่า และมีโทนติดฝาดเผ็ดนวลกึ่งกุหลาบเล็กๆ ของพริกไทยสีชมพูประปราย ทำให้กอารมณ์กลิ่นจะเป็นการเอาโทน Fresh Spicy เป็นตัวเด่นตีคู่กับ Citrus และวูบกลิ่นผลไม้ แต่กลิ่นจะไม่ได้แหลมหรือคม ทุกอย่างมีความสมดุลย์มากเลยทีเดียว และแอบมีโทนหวานอวลกำลังดีในสไตล์เครื่องเทศของโป๊ยกั๊กหน่อยๆ รวมถึงจับได้ว่ามีตัวเกลากลิ่นสายเครื่องเทศติดปร่าและเชื่อมโทนกับไม้หอมได้ดีอย่างเม็ดจันทน์เทศที่ทำให้กลิ่นมีความกลมมากขึ้น เลยทำให้เรียกว่าเป็นช่วงที่สร้างลักษณะทางกลิ่นได้ดีต่อยอดจากต้นฉบับมาเป็นกลิ่นมีความอวลและนวลกลมกล่อมมากขึ้น และเมื่อดมใกล้ผิวเข้าไปจะจับได้ถึงกลิ่นไม้หอมแห้งๆ อย่างหญ้าแฝกและมีกลิ่นอ้อยอิ่งติดปร่าหวานหน่อยๆ ของพิมเสนให้จับต้องได้ด้วย แต่ก็ไม่ได้โดดแต่อย่างใด ให้มิติกลิ่นไม้หอมระเรื่อได้น่าสนใจมาก
จนเมื่อ Ambroxan เริ่มกลายเป็นตัวเอกหลักในการเดินกลิ่นที่จะให้อารมณ์ติดเค็มบางๆ กึ่งอบอุ่นผิวกายที่มีไม้หอมอวลๆ ชัดเจนมากขึ้น แล้วโทนเครื่องเทศค่อยๆ ลงมาเป็นสายสนับสนุน พร้อมกับกลิ่นออกทางติดผลไม้เปรี้ยวอมหวานกึ่งครีมมี่อ่อนๆ ที่ยังมีอยู่ให้รู้สึกได้เป็นตัวสร้างอารมณ์เย้าๆ เนียนๆ ก็เป็นการเข้าช่วงท้ายที่กลิ่นอวลๆ จะปล่อยของ ในลักษณะที่เป็นไม้หอมแห้งอวลติดอบอุ่นเจือผลไม้เนียนๆ แกมปร่าหวานพิมเสนปลายกลิ่น ที่ให้ความมีเสน่ห์เย้าๆ ติดเซ็กซี่เนียนๆ ไม่โจ่งแจ้ง แต่มีออร่าที่ออกทางหล่อมีระดับ ซึ่งก็ยอมจริงๆ เพราะกลิ่นมีความสมดุลย์มากในการวางตำแหน่งและการให้อารมณ์กลิ่นแบบอวลไม้กึ่งเปรี้ยวอมหวานหอมที่มีระดับเลยทีเดียว คุมโทนความ Smooth ของกลิ่นที่ให้ความ Cool ความเท่ห์เป็นที่ตั้ง แต่เสริมด้วยความอวลเย้ายวนและอบอุ่นน่าเข้าใกล้มากขึ้นนั่นเอง
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็ใส่ตัวนี้ได้สบายมาก กลิ่นจะให้ความอวลมีระดับที่สร้างเสน่ห์ได้ดี เพียงแต่ว่าอย่าหนักมือเกินไป เดี๋ยวจะตึ้บซะก่อน ซึ่งเข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบใส่ทางการหรือทั่วๆ ไปได้หมด จะมีก็แต่การใส่ออกกำลังกายที่ช่วงแรกๆ ไม่เข้าทางนัก รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน จัดไป ได้หมด เผลอๆ รับคำชมได้ไม่ยากอีกด้วย
ความทน - อันนี้แหละความดีงาม 8 ชม. คือพื้นฐาน และยาวนานไปมากกว่านั้นได้อีก อิงตามจำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเจอไปเลยเต็มๆ ที่ 15 ชม. เหนาะๆ อาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดอ่อนๆ ที่ผิวอยู่เลย
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แต่ไม่ได้คมเกินไป แล้วค่อนข้างเสถียรมากในการกระจายที่จะยาวไปจนถึงราวๆ 4 ชม. เลย ก่อนที่จะผ่อนลงมาที่ปานกลางกันต่ออีกยาวๆ เช่นกัน พอพ้นไปซัก 10 ชม. จะลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วผ่อนลงไปติดผิวเอาตอนราวๆ 12 - 13 ชม. ไปแล้ว
สรุป - EDT จะให้ความรู้สึกใส มี Energy และคมกว่า อารมณ์ได้ทั้ง Cool และได้ทั้งเรียกร้องความสนใจ แบบผู้ชายเจ้าเสน่ห์ ส่วน EDP จะได้ความอวลติดลุ่มลึกที่ Cool ก็ได้ อบอุ่นก็สามารถ โดยมีความเย้ายวนนวลเนียนอย่างมีชั้นเชิงอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 ยังคุมโทนการสื่อสารทางกลิ่นอายผู้ชายสาย Metro หล่อๆ ได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งอันนี้ไม่ว่าใครใคร่ EDT หรือ EDP ต่างก็สามารถใช้เพื่อสร้างเสน่ห์ทางกลิ่นออกมาได้อย่างดีทั้งคู่เลย อยู่ที่ความชอบเน้นๆ
หมายเหตุ:
1.
Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล
ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo
Credit - https://www.myer.com.au/p/sauvage-sauvage-edp
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น