วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

Review: Strangers Parfumerie - Les Mauvais Garçons


 Strangers Parfumerie - Les Mauvais Garçons

Bad Boy ในลักษณะของการเป็นน้ำหอมโดยส่วนใหญ่ที่เราจะต้องมีความเย้า อวล ร้าย และมาดแมนสไตล์เพลย์บอย อาจจะมีความอบอุ่นเข้ามาเนียนๆ แต่แน่นอนว่าต้องเรียกร้องความสนใจแม้ว่าหน้าคนใส่จะนิ่งมากก็ตาม ก็ Bad Boy ต้องดูเย็นชากันหน่อย ไม่งั้นจะดูพยายาม ซึ่งบางครั้งถ้าเราได้กลิ่นโทน Citrus ติดขม เช่น Bergamot มาเคล้ากระวาน ตามด้วยลาเวนเดอร์เข้ามาเสริมทัพ ในน้ำหอมผู้ชายส่วนใหญ่ เรียกว่าแทบจะตัดสินได้ไม่ยากว่ากลิ่นนี้น่าจะมีอารมณ์ Bad Boy แน่ๆ ทั้งโจ่งแจ้งและเนียนๆ แต่ความ Bad Boy มันจำเป็นต้องยืนพื้นที่แค่นี้เหรอ

เช่นนั้น เมื่อพบว่าแบรนด์ Strangers Parfumerie มานำเสนอโทนสไตล์ Bad Boy โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก Bad Boy ต่างๆ ที่ปรากฎในภาพยนตร์ฝรั่งเศสในช่วงปลายยุค 50 พร้อมกับอ้างอิงถึงถนนสายหนึ่งที่มีป้ายว่าติดไว้ว่า Rue des Mauvais Garçon หรือแปลว่า The Street of the Bad Boys ที่อยู่ในย่าน La Marais ที่ทั้งเก๋และชิค เป็น SOHO ของปารีสเลยก็ว่าได้ (ซึ่งในถนนสายนี้มีภัตตาคารที่ชื่อ Les Mauvais Garçons อยู่ด้วย) เช่นนั้น ความเป็น Bad Boy จะมาในรูปแบบไหน ตามต่อกันย่อหน้าถัดไปได้เลย

Les Mauvais Garçons เปิดตัวกับกลิ่นอายโทนเขียวหญ้าแห้ง Hay เด่นมาเลย แต่จะมีความฟุ้งคมเขียวหน่อยๆ ที่ดันกลิ่นเขียวหญ้าแห้งเด่นออกมาจากกลิ่นแนวกิ่งก้านส้ม (Petitgrain) ที่ติด Citrus เปรี้ยวเนียนๆ เคล้ายางไม้ที่มาสายเขียวขมอย่าง Gallbanum แต่เพราะความสมดุลย์ของการปรุงกลิ่นที่จับเอากลิ่นที่ควรจะคมและเด่นเกินหน้าเกินตาอย่างสายฟุ้งเขียว 2 ตัวนี้ให้เป็นตัวสนับสนุน และในเนื้อกลิ่นจะจับต้องได้ถึงโทนติดกึ่งพริกไทยกึ่งเลมอนหน่อยๆ ที่เป็นลักษณะค่อนไปทางยางไม้ด้วยเนียนๆ เลยทำให้หญ้าแห้งเขียวที่มีตัวดันกลิ่นที่ดีให้ฟุ้งออกมาสร้างความเป็นโทนเขียวติดแห้งอย่างมีชั้นเชิง ซึ่งเปิดมากลิ่นจะได้ความแมนเข้ามาแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดูพยายามยัดเยียดความแมนในเนื้อกลิ่นแต่อย่างใด และมีลูกเล่นความเขียวที่ติด Classic ก็ได้ Modern ก็ดี

และเมื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ที่มาสร้างอารมณ์ติดนวลติด Herbal สมุนไพรเข้ามาในเนื้อกลิ่น และความคมฟุ้งที่เป็นตัวดันดาราในช่วงแรกเริ่มเบาลงไปตามลำดับ ก็ปูทางเข้าสู่สเต็ปถัดไปที่โทนกลิ่นหญ้าแห้งจะยังคุมโทนเป็นตัวเด่นอยู่ แต่จะมีโทนออกทางเขียวหอมนวลของชา และเขียวติดนวลค่อนไปทางสมุนไพรของลาเวนเดอร์เข้ามาเสริมทัพจนปรับโทนกันซักครู่ แล้วจะเริ่มมีโทนกลิ่นแบบคล้ายควันบุหรี่เข้าทางยาสูบติดควันเข้ามา รวมถึงจะจับต้องได้ถึงกลิ่นค่อนไปทางโทนแป้งทึบหน่อยๆ ซึ่งอารมณ์กลิ่นจะได้ความนิ่งแต่มีเสน่ห์ อารมณ์แบบกลิ่นโทนเขียวเจือสมุนไพรที่แห้งติดผิวแล้วมีกลิ่นควันยาสูบอวลรุมๆ กำลังดี ให้เสน่ห์แบบผู้ชายเท่ห์ๆ มาดร้ายนิดๆ ที่มีกลิ่นน้ำหอมติดเขียวสบายๆ เคล้าติดบุหรี่ติดผิวกายแบบพอเหมาะไม่ได้แบบสิงห์รมควันมาจากไหน ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นจะไม่ได้ดูแบบ Bad Boy แบบขนบกลิ่นที่ต้องมาเด่นมาร้ายดูเพลย์บอยอวลจัดหนักจัดเต็มแต่อย่างใด แต่สามารถเอาอยู่เรื่องกลิ่นที่ให้ความเป็นธรรมชาติแบบผู้ชายได้ดีมากเลยทีเดียว

การเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของกลิ่นที่อยู่กันไปยาวๆ แน่นอนว่ากลิ่นโทนหญ้าแห้งเขียวยังคงมีอยู่ แต่จะเบาลงไปเหลือเพียงประปรายติดปลายกลิ่น แต่ตัวที่โดดเด่นขึ้นมาเลยคือ Oak Moss ที่จะให้ความเขียวติดเข้มสร้างออร่ากลิ่นติดเท่ห์ๆ ซึ่งจะสนับสนุนด้วยกลิ่นโทนติดแป้งทึบเจือวานิลลาอุ่นเย้าหน่อยๆ และที่สำคัญจะมีกลิ่นอายโทน Incense เนียนๆ เข้ามาสร้างความซับซ้อนในเนื้อกลิ่นให้มีความลึกและมีมิติที่ดึงดูดมากขึ้น โดยที่อารมณ์กลิ่นจะไม่ได้แบบโฉ่งฉ่าง ยังคุมโทนอารมณ์กลิ่นแบบผิวกายที่มีโทนเขียวที่เข้มขึ้นและเจือควันบุหรี่อ่อนๆ อยู่เช่นเดิม ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกลิ่นอายผู้ชายตามธรรมชาติที่มีพื้นฐานกลิ่นอายที่สะอาด แต่มีกลิ่นติดโทนน้ำหอมสมุนไพรสบายๆ เคล้ากลิ่นบุหรี่ที่สร้างความแมนแบบกำลังดี ติดแอบแสบห่ามเนียนๆ ที่ยังคุมโทนร่วมสมัยทางกลิ่นได้ลงตัว

เหมาะสำหรับ - กลิ่นลงไว้ว่า Unisex ซึ่งผู้หญิงใส่ได้ แต่จะดูออกแนวลุคห่ามๆ บอยๆ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าผู้ชายอันนี้เรียกว่าเข้ากันอย่างแรงเพราะว่ากลิ่นเสริมความเท่ห์ ความ Cool และความในแบบที่เป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดูพยายามยัดเยียดกลิ่นร้ายๆ กลิ่นแมนๆ ที่ต้องยั่วและอบอวลฟุ้งกระจาย 3 บ้าน 8 บ้าน แต่ให้ความเรื่อยๆ เสริมบุคลิกเสียมากกว่า (เพราะเสน่ห์ของน้ำหอมไม่ไช่เอากลิ่นมาฆ่าและกลบคาแรคเตอร์ผู้ใช้ แต่ต้องเป็นตัวสนับสนุนที่ดีต่อบุคลิกคนนั้นๆ เพื่อสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวต่างหาก) ซึ่งกลิ่นนี้ใช้ได้เลยครอบจักรวาลยามกลางวันทั้งหมด รวมถึงใส่ยามค่ำคืนแบบสบายๆ ชิลล์ๆ ก็ยังได้ แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรี ถ้าไม่เน้นเรื่องปล่อยพลังและต้องโดดเด่นเหนือใคร ใส่ได่สบายมาก

ความทน - กลิ่นทนอยู่ที่ 8 ชม. กำลังดี สูงสุดที่เคยเจอคือ 12 ชม. กับการใช้ที่ 6 สเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะผ่อนลงมาที่ออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป จนเมื่อผ่านไปซัก 6 ชม. กลิ่นจะเป็น Skin Scent ที่ตีขึ้นยามขยับเนื้อตัว

สรุป - ใส่กลิ่นนี้แล้วได้อารมณ์เหมือนเป็นผู้ชายใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ และสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนัง นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงโต๊ะหน้าร้านกาแฟเล่นมือถือหรืออ่านอะไรอยู่ซักอย่างที่ดึงดูดสายตาคนเดินผ่านไปผ่านมาในความลุค Bad & Cool ซึ่งกลิ่นดูเหมือนจะธรรมดา แต่เอาจริงๆ พอมาอยู่บนผิวมันไม่ธรรมดา มันมีเสน่ห์ตามที่ควรจะเป็นและมีความเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่เสริมบุคลิคติดห่ามเท่ห์เนียนๆ ได้ดีมากจริงๆ อันนี้ยอม

หมายเหตุ:

1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.facebook.com/strangersparfumerie

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น