วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Review: Amouage - Library Collection: Opus II

Amouage - Library Collection: Opus II

ในช่วงของการเปิดตัว Library Collection ครั้งแรกในปี 2010 เรียกว่า Amouage เองปล่อยของออกมาแบบชัดเจนพร้อมกันเลยถึง 3 รุ่น เพื่อเบิกทางน้ำหอมสาย Unisex กับการอ้างอิงถึงความเป็นห้องสมุด สิ่งที่ได้รับจากห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นอย่างความอยากรู้ใน Opus I ตามด้วยบรรยากาศของความเป็นห้องสมุดใน Opus II และช่วงระยะเวลาของความกระจ่างแจ้งหรือเกิดความสว่างในความรู้ที่เราได้รับใน Opus III ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในห้องสมุดทั้งหมด เรียกว่าสร้างความฮือฮากันเลยทีเดียวกับการตีความออกมาให้เราได้รับรู้ถึงกลิ่นอายต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว

เช่นนั้น พอมามองที่ความสนใจที่อยากจะเล่ากลิ่น สิ่งแรกเลยต้องการสัมผัสความเป็นรูปธรรมชัดเจนและจับต้องได้ก่อนเลยอย่างบรรยากาศของห้องสมุดที่แบรนด์จะถ่ายทอดออกมา เลยได้คว้าเอา Opus II มาค้นคว้าหาความรู้ในกลิ่นกันก่อนเลย (ซึ่งอีก 2 รุ่นที่ออกมาพร้อมกัน ถ้ามีโอกาสจะมาเล่ากลิ่นภายหลัง) เมื่อซึมซับบรรยากาศจนได้ที่แล้วก็บอกต่อได้เลยแบบนี้ว่า

ช่วงเปิดอารมณ์กลิ่นออกทาง Fresh Spicy ที่มีความปร่านวลกึ่งฝาดแปร่งและคมพุ่งติดเขียวขมเฝื่อนจะชัดมาก แต่พินิจพิเคราะห์ลงไปในเนื้อกลิ่น จะสัมผัสได้ถึงเลเยอร์กลิ่นที่แม้ช่วงต้นจะคมแปร่งเฝื่อน แต่จะมีลูกเล่นซับซ้อนที่น่าสนใจมากไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของ Wormwood ที่จะให้ความสมุนไพรเขียวขมเฝื่อนแรงๆ ที่มาเป็นทัพหน้า ซ้อนกับกลิ่นพริกไทยสีชมพูที่มีความปร่านวลเจือฝาดติดโทนกุหลาบอ่อนๆ และความเผ็ดทึบนวลมีน้ำหนักกึ่งไม้หอมหน่อยๆ ของพริกไทยดำ แล้ปลายกลิ่นจะจับโทน Herbal ที่ออกทางกึ่งนวลแต่มีวูบเขียวเมทัลลิคหน่อยๆ ซึ่งเป็นลักษณะของลาเวนเดอร์ เรียกว่ากลิ่นจะมาสายสมุนไพรที่มีความเขียวคมปนวูบกลิ่นปร่าเผ็ดกันอย่างเต็มๆ ซึ่งบางช่วงจะได้ความรู้สึกเหมือนได้กลิ่นแลคเกอร์หน่อยๆ ด้วย

การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อความเขียวขมคมแปร่งของช่วงต้นที่พุ่งมาก่อนเพื่อนเลย จะค่อยๆ เริ่มเบาลงตามลำดับ แต่ยังไม่หนีไปไหน เพราะความเป็นโทนสมุนไพรติดเขียวคมพุ่งๆ เผื่อนๆ ในตอนแรกจะเริ่มเบาลงมา โดยที่ความปร่าเผ็ดของเนื้อกลิ่นยังคงคุมโทนชัดอยู่ และจะเริ่มมีความออกทางเผ็ดเย้าปร่าของเม็ดกระวานเข้ามาร่วมด้วยแบบค่อนข้างเด่นเลยทีเดียว เพียงแต่จะไม่ได้โดดออกมาจนกลายเป็นตัวคุมเกม ทุกอย่างมีความสมดุลย์ที่ให้ความปร่า เย้า น่าค้นหา โดยที่จะมีลูกผสมของกลิ่นเผ็ดอุ่นติดเปลือกไม้หน่อยๆ ของอบเชยให้จับต้องได้คลอไปกับกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ยังตามมาจากช่วงต้น ซึ่งเชื่อมโทนกับกลิ่นที่มีลักษณะคล้าย Incense ปนไม้หอมโปร่งๆ ขรึมๆ ของไม้ซีดาร์ที่เป็นพื้นหลังของกลิ่นที่สำคัญดมไปเรื่อยๆ จะรู้สึกได้ถึงความเป็นดอกไม้นวลๆ ของมะลิอ่อนๆ ให้รู้สึกได้ด้วย เรียกว่าช่วงกลางจะเป็นลักษณะที่เป็น Woody Spicy ที่มีกลิ่นดอกไม้เจือสมุนไพรกล่อมปลายกลิ่นสร้างความ Aromatic รื่นรมย์ติดปร่า โดยมีลักษณะกลิ่นออกทาง Classic ที่มีความโปร่งของเนื้อกลิ่นพอสมควรเลยทีเดียว

และเมื่อกลิ่นโทนไม้หอมแห้งๆ ติดธูป Incense เริ่มขยับมาเป็นตัวหลักในการเดินกลิ่น ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของกลิ่นที่จะให้อารมณ์แบบกลิ่นไม้หอมโปร่งรื่นจมูกเจือความหวานอ่อนๆ ที่มาจากเครื่องเทศช่วงกลางอย่างกระวานและอบเชย และมีความระเรื่อรื่นรมย์แบบกำลังดีของพิมเสนที่ล้อมกลิ่นอยู่ด้วย เนื้อกลิ่นมีความอบอุ่นกำลังดีให้พอสัมผัสได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงท้ายนี้จะทำให้รู้สึกได้ชัดเจนถึงสถานที่โปร่งๆ มีความอบอุ่นหน่อยๆ สบายๆ มีกลิ่นไม้หอมอ่อนๆ ติดแห้งๆ เจือความเป็นไม้เก่าหน่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกลิ่นกระดาษเก่าก็ได้กระดาษสะอาดก็ได้ ซึ่งปิดท้ายให้อารมณ์ตาม Concept การเป็นกลิ่นอายบรรยากาศแบบห้องสมุดได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว   

เหมาะสำหรับ - ที่แบรนด์ปูไว้คือ Unisex ซึ่งก็ได้อยู่ เพียงแต่จะมีความเป็นกลิ่นอายสายผู้ชายมากกว่าพอสมควร โดยมีลักษณะที่มีความ Classic ให้สัมผัสได้ประปรายตลอด เลยเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะเป็นทางการหรือทั่วๆ ไปแบบไม่ได้ไปสายลุยๆ เน้นความสุขุม นิ่ง และวางตัวดีอะไรประมาณนี้ ซึ่งกลิ่นไม่ได้เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งอะไรมากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงท้ายๆ ก็พอได้อยู่ ส่วนยามค่ำคืนให้ตัดการใส่เพื่อท่องราตรีไปได้เลย เพราะไม่เข้าทาง แต่ถ้าใส่ออกงานแบบทางการอันนี้จัดไป

ความทน - ลงตัวที่พื้นฐานราว 8 ชม. แต่จะไปต่อได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวจัดไป 6 สเปรย์ ไปจบที่ราวๆ 12 ชม.

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น สไตล์ Amouage เลยที่เปิดมาจะมาเต็มก่อน แล้วจะผ่อนลงมาปานกลางไปเรื่อยๆ จนเข้าช่วงท้ายถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัวแบบสร้างบรรยากาศ พอพ้นไปซัก 8 ชม. ก็จะติดผิวกันจนกว่าจะจางไปในที่สุด

สรุป - ช่วงแรกๆ ของน้ำหอมอาจจะไม่ได้รู้สึกเสมือนการเปิดเข้าสู่ห้องสมุดเท่าไหร่ ออกแนวแบบปร่าคมพุ่งเขียวเฝื่อนออกทางสมุนไพรมากกว่า แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางถึงเป็นลักษณะแบบบรรยากาศห้องสมุดมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งเรียกว่าไม่ได้หลุด Concept แต่อย่างใด แต่ให้ความขรึม สุขุมนิ่งได้ดีแบบที่ไม่ได้หนักหน่วง ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นของ Amouage ที่ไม่ได้มาสายหนักแต่คุมโทนการเป็นสไตล์ของแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.perfumenz.co.nz/products/opus-ii-by-amouage-100ml-edp

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น