วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Review: Chanel - Bleu de Chanel Parfum

Chanel - Bleu de Chanel Parfum

เป็นหนึ่งในใต้หล้ามานานในเรื่องน้ำหอมสายเมโทรที่ฮิตติดลมบนมาตลอด (แถมมีคนไปใส่บอกว่าใส่แล้วได้ผัวได้เมียฟูฟ่องอะล่องฉ่องกันไปอี๊ก! ก็เลยฮิตต่อกันยาวๆ) โดยจากตัวหลักที่เป็น EDT ก็มีการต่อยอดมาสู่ EDP ก่อนจะมาที่ล่าสุดในปี 2018 กับรุ่น Parfum ที่ยังคงคุมโทนการเป็นกลิ่นอายสายเมโทรที่สร้างออร่าความหล่อมีระดับให้ผู้ใช้อยู่เช่นเดิม ซึ่งนั่นก็คือ Bleu de Chanel

ซึ่งถ้าสปอยกันแบบเล็กๆ จาก EDT สู่ EDP การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอาจจะไม่ได้ถึงกับโดดเด่นนัก แต่ความเข้มข้นและความทนอันนี้แน่นอน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นก็ยังอยู่ในความต้องการของตลาดอยู่เสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เกินคาดพอสมควรกับการมาเป็นรุ่น Parfum เพราะกลิ่นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น โดยยังคงมีลายเซ็นของความเป็นออร่าสไตล์ Bleu de Chanel อยู่แต่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทิศทางใหม่ที่ลงตัวมากด้วยเช่นกัน ซึ่งกลิ่นจะสื่อสารออกมาอย่างไรว่ากันตามนี้เลย

สิ่งแรกที่วูบเข้ามาเมื่อแรกฉีดเลย คือ กลิ่นโทน Citrus เปรี้ยวหอมเจือปร่าขมและมีความหวานปลายกลิ่นหน่อยๆ ของเปลือกเลมอนที่พุ่งนำมาก่อนเลย ตามด้วยกลิ่นโทนติดขมปน Spicy หน่อยๆ ของกลิ่นมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ไม่ได้ทำให้กลิ่นไปสายใสๆ แต่อย่างใด เพราะจะมีลูกผสมของโทนสมุนไพรซ่ากึ่งเมนทอลหอมติดเขียวกำลังดีของมินต์ที่ทำให้กลิ่นเปิดมีความเป็นโทนที่สดชื่นที่มีความหอมเปรี้ยวเจือปร่าติดปลายหวานที่ลงตัว และเพียงไม่นานจะเริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นออกทางติดนัวเจือผลไม้อ่อนๆ ของสับปะรดเคล้ากับกลิ่นออกทางกึ่งนวลสะอาดกึ่งสมุนไพรติดเขียวของลาเวนเดอร์ที่ทำให้กลิ่นมีความหนามากขึ้นทีละหน่อยๆ ซึ่งออร่าของกลิ่นจะจับต้องได้ถึงโทนแบบผู้ชายสายเมโทรที่กลิ่นสดชื่นอย่างมีมิติและมีความไม่ธรรมดาตรงที่เวลาเอาไม่ได้ดมใกล้ๆ กลิ่นที่ได้จะผสมผสานความ Aromatic ที่มีความปร่าปนเปรี้ยวขมหอมเจือนวลบางๆ ทำให้อารมณ์กลิ่นจะบอกอย่างชัดเจนว่า “กลิ่นหล่อมากกกก” มาเลย เรียกว่าตกกันเห็นๆ สำหรับคนชอบน้ำหอมกลิ่นอายสายสมาร์ทและเมโทรแบบนี้

เพียงไม่นานการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในการเข้าสู่ช่วงกลางก็เริ่มชัดเจนตรงที่กลิ่นโทน Citrus ที่สร้างความสดชื่นแบบหล่อๆ ในช่วงต้นก็จะยังตามมาเป็นตัว on Top ของกลิ่นอยู่เช่นเดิม แต่จะผ่อนลงมาระดับหนึ่ง เปิดทางให้กลิ่นเขียวเจือกุหลาบติดสดชื่นของเจอราเนียมจะแทรกเข้ามาพร้อมกับแทคทีมกับลาเวนเดอร์ที่มีความนวลกึ่งสมุนไพรแบบสมดุลย์ ซึ่งแน่นอนว่าสับปะรดจะเป็นตัวสนับสนุนชั้นดีให้กลิ่นมีความนัวแบบกำลังดีมีลูกเล่นที่ให้ความทันสมัยในกลิ่นสูงและเข้ากับเทรนด์กลิ่นที่ถ้ามีสับปะรดจะโดนใจผู้ใช้ผู้ชายสูงมาก ทำให้กลิ่นมีความหนาขึ้นมาระดับหนึ่งก่อน แล้วเมื่อสัมผัสเข้าไปเรื่อยๆ จะเริ่มจับต้องได้ว่ากลิ่นมีความอบอุ่นมากขึ้น เพราะจะมีโทนไม้หอมที่ค่อนๆ แทรกตัวออกมาอย่างเนียนๆ ทีละนิดๆ แน่นอนว่าจะจับต้องได้ถึงโทนไม้โปร่งๆ ขรึมๆ แนวไม้ซีดาร์ ปนหอมนวลปนครีมมี่เบาๆ ของไม้จันทน์หอม และจะมีกลิ่นอวลอ่อนๆ มีความอบอุ่นของโทนไม้หอมกึ่งแอมเบอร์ที่เป็นลักษณะของ Amberwood (แนวเดียวกับสารหอมยอดฮิตอย่าง Ambroxan แต่มีความเป็นโทนไม้ชัดมากกว่า) มาแบบเป็นฉากหลัง ทำให้กลิ่นเริ่มมีความพิเศษที่ยังมีลูกเล่นแบบลายเซ็นของรุ่น แต่ก็มีลูกล่อของโทนอบอุ่นมาเบนทิศทางให้ไม่ได้ซ้ำรอยนัก และที่สำคัญจะไม่ได้มีโทน Incense ที่ติด Smoky ให้รู้สึกแบบตัว EDT ต้นตระกูลให้จับต้องแล้ว กลิ่นเลยให้อารมณ์สมาร์ท รื่นรมย์ หล่อ และอบอุ่นอย่างมีชั้นเชิงมากเลยทีเดียว

และความอบอุ่นของเนื้อกลิ่นนี่แหละที่จะกลายเป็นโทนหลักในช่วงท้าย แต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงจนรุ่มร้อนฮอตฉ่าขนาดนั้น เพราะความเป็นมาดเมโทรสไตล์และลายเซ็นยังตัดทอนให้ดูมีความสมาร์ทและสง่าราศีอยู่เช่นเดิม ซึ่งกลิ่นโทนสดชื่นในตอนแรกจะหายไปหมดเหลือความนวลจากช่วงกลางที่มีประปรายให้จับต้องได้เล็กน้อย แต่กลิ่นหลักที่จะเป็นตัวเดินทางกันยาวๆ ไปต้องยกให้ไม้จันทน์หอมเลยที่จะมาให้โทนไม้นวลๆ ครีมมี่อบอุ่นกำลังดีจากโทน Amberwood และถั่วตองก้าที่เข้ามาให้อารมณ์ติดเขียวเจืออัลมอนด์กึ่งหญ้าแห้งทำให้กลิ่นมีมิติที่ให้ความเป็นสุภาพบุรุษแมนๆ เข้ามาร่วมด้วย โดยที่เลเยอร์ของกลิ่นจะมีโทนไม้หอมโปร่งๆ ของไม้ซีดาร์เจือคลอเนียนแทรกสร้างออร่ากลิ่นอายไม้หอมที่ชัดเจนและมีเสน่ห์แบบที่ยังคงคุมโทนความสมาร์ทในเนื้อกลิ่นอยู่เช่นเคย แน่นอนบอกเลยความคุมโทนการเป็นกลิ่นหล่อๆ ได้อย่างชัดเจนและดีงามอยู่ไม่มีผิดเพี้ยนกันแบบยาวๆ ไป

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใส่ตัวนี้ได้สบายมาก เป็นกลิ่นที่สร้างออร่าความหล่อและมีระดับชัดเจนจริงๆ ซึ่งสามารถใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป แต่ไม่เข้าทางกับการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ หรือว่าออกกำลังกายเท่าไหร่ เพราะเนื้อกลิ่นมาสายเสริมบุคลิกความเป็นผู้ชายทันสมัยและมีเสน่ห์ที่ชัดเจนมากกว่า รวมถึงยามค่ำคืนถ้าอัดสเปรย์เพิ่มหน่อย ออกงานหรือท่องราตรีได้เลย กลิ่นจะหล่อเตะจมูกคนอยู่ใกล้ๆ ได้ดีและสร้างความรู้สึกประทับใจเนียนๆ ได้ควบคู่กันไป โดยไม่มีความคมของเนื้อกลิ่นที่เรียกร้องความสนใจแบบจงใจ แต่ให้ความอินและซึมลึกที่จะฟินยามได้กลิ่นได้ไม่ยากเลย 

ความทน - กลิ่นทนดีงามมากเลยทีเดียวที่ราวๆ 8 ชม. เป็นพื้นฐาน และยังไปต่อได้อีกถึง 12 ชม. โดยที่กลิ่นยังมีให้รับรู้ได้อยู่

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะดรอปลงมาที่ปานกลางซักพัก ก่อนที่จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ ไป ซึ่งกลิ่นค่อนข้างกระจายแบบปลอดภัยเลยทีเดียว ไม่ได้แผ่รังสีรอบทิศและไม่ได้ดูพยายามอะไร ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้คนที่ชอบการกระจายแบบหนักๆ รู้สึกว่าทำไมเป็น Parfum แล้วยังไม่กระจายเท่าไหร่ ซึ่งอันนี้เป็นข้อที่อาจจะติดในใจเอาได้ (ซึ่งจริงๆ การเป็น Parfumไม่จำเป็นต้องปล่อยพลัง แต่กลิ่นเข้มขึ้นและมีทิศทางที่มีความลุ่มลึกขึ้นก็ย่อมได้)

สรุป - มีความเป็นผู้ชายสายทันสมัยเมโทรอยู่ไม่มีผิดเพี้ยนตามสไตล์และลายเซ็นของรุ่นเลย เพียงแต่จะปูทางไปสู่การเป็นผู้ชายสายสมาร์ทและอบอุ่นมากขึ้นแทน แต่ก็ไม่ได้หนักเกินไป ทุกอย่างยังสมดุลย์อยู่อย่างมีชั้นเชิงและมีระดับจริงๆ ที่แน่ๆ ใช้กลิ่นนี้แล้ว มีความหล่อขึ้นมาอีก 80% อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

หมายเหตุ:

1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน

2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์  ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”

Photo Credit - https://www.chanel.com/th/fragrance/p/107180/bleu-de-chanel-parfum-spray/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น