Cafe de Parfum - Grim Fantasia
คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินนิทานเรื่อง “หนูน้อยหมวกแดง” ที่มีต้นกำเนิดจากแถบยุโรป
และมีการปรับเนื้อเรื่องไปตามแต่ละท้องถิ่น แต่ถ้าบอกว่าเวอร์ชั่นไหนแพร่หลายมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเวอร์ชั่นของพี่น้องตระกูล Grim ซึ่งเมื่อกลิ่นอายของความเป็นนิทานกับกลิ่นอายน้ำหอมมาเจอกันด้วยการสร้างสรรค์ของ Cafe de Parfum แบรนด์ไทยที่สร้างสรรค์กลิ่นอายหอมๆ จากแรงบันดาลใจจากของหวานใน Cafe จะเป็นเช่นไร
ก็ได้เวลาของหนูน้อยหมวกแดงที่จะเอาของหวานไปฝากคุณยายกันแล้วกับน้ำหอมกับน้ำหอมกลิ่นนี้เลย
Grim Fantasia
เค้กแบล็คฟอเรส
(เค้กที่มีเอกลักษณ์ของด้วยความผสมผสานของดาร์กชอคโกแลต ครีม
และเชอร์รี่ประดับบนสุดของเค้ก ที่รสชาติหวานปนขมหอมเร้าใจสายชอบของหวานแนวชอคโกแลต)
เป็นหนึ่งในของหวานที่นำมา Mix & Match เป็นหนึ่งในของหวานที่หนูน้อยหมวกแดงนำไปฝากคุณยาย
โดยเริ่มเปิดการเดินทางเข้าสู่กลิ่นอายแบบหวานหอมเชอร์รี่ในไซรัปหวาน
บางวูบจะได้อารมณ์แบบเชอร์รี่เชื่อมบนไอศครีมที่ให้ความรู้สึกน่ารักดันก่อนเลย
แต่นี่แค่วูบแรกที่กระจายออกมา เพราะวูบถัดมาสิ่งที่ทำให้รู้สึกได้เลย
คือ กลิ่นไม่ได้ง่ายและ Nice อย่างที่คิดแล้ว
เพราะจะมีกลิ่นติดอับๆ ดาร์กๆ ที่เสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางความหวานหอมของเชอร์รี่
โดยจะจับโทนกลิ่นได้ว่ามีความเป็นอบเชยหวานปนอุ่นโปร่งบางๆ
กลิ่นสมุนไพรปร่าติดเขียวออกทาง ชื้นๆ กลิ่นหนังและโทน Earthy ใต้ดินอับๆ ซึ่งกลิ่นจะหักมุมกันได้เลยทีเดียวแบบว่าที่เห็น Nice
น่ารักแบบแว้บแรก จริงๆ แล้วมันดาร์ก ลึกลับ
และรู้สึกแปลกไม่น่าวางใจได้กับโทนกลิ่นที่มีความอับปนชื้น
ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะหลายเป็นกลิ่นที่สามารถชี้ทิศทางกันได้เลยว่าจะ “รัก” หรือ “ลา” กับกลิ่นนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกควบคู่ไปด้วยคือ
ความน่าค้นหาว่ากลิ่นจะไปยังไงต่อนี่แหละ ที่น่าติดตามจริงๆ
เมื่อกลิ่นโทนอับเริ่มลดทอนลงมาแต่ยังหลงเหลืออยู่ให้รู้สึกได้ว่ากลิ่นยังมีอะไรที่ไม่น่าไว้วางใจและสะดุดใจให้รู้สึกสนใจอยู่กับความดึงดูดแปลกๆ
นั้น สิ่งที่เริ่มชัดเจนขึ้นมาให้จับต้องได้ คือ ความเป็นโทนออกทางครีมๆ มันๆ
ของวิปครีมที่เจือความหวานของกลิ่นเครื่องเทศอย่างอบเชยและแน่นอนว่ายังมีความเป็นเชอร์รี่หวานให้รู้สึกได้อยู่
แต่กลิ่นไม่ได้ไปสายขนมจ๋าๆ แน่นอน
เพราะมีความปร่าบางๆ ออกทางสมุนไพรให้พอรู้สึก มีกลิ่นไม้หอมแห้งๆ กับกลิ่นหนังเคล้ากลิ่นโกโก้ที่เริ่มจะเด่นขึ้นมาตามลำดับเป็นสายสนับสนุนเบื้องหลังในช่วงนี้
กลิ่นเริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับเพียงแต่ยังไม่ได้ชัดเจนนักว่าจะออกมาในรูปไหน
รู้แต่ว่าเริ่มมีโทนลักษณะออกทาง Vintage
อบอุ่นเบาๆ เสริมเข้ามา เพียงแต่ยังคุมโทนความลึกลับดาร์กๆ
ท่ามกลางความหวานให้รู้สึกได้แบบไม่หนักหน่วง แต่
ก็กลายเป็นการหักมุมอีกครั้งแบบพลิกไปจากช่วงก่อนหน้าเลย
เพราะกลิ่นในช่วงก่อนๆ จะหายไปเกือบเสียทั้งหมดแบบหลีกทางให้กับช่วงท้ายที่กลิ่นโกโก้เริ่มเทคโอเวอร์กลายเป็นกลิ่นที่เป็นหัวใจหลักเพื่อเข้าสู่ช่วงท้ายที่มีความเป็นโทนดาร์กปนอบอุ่นเจือวานิลลาอ่อนๆ
และความเป็นครีมมันๆ ปนหวานเชอร์รี่จะเหลือเพียงเบาบางให้พอรู้สึกได้
เคล้าไปกับกลิ่นของ Oak Moss ที่เริ่มชัดเจนเคล้ากับกลิ่นหนังที่ให้ความดิบแบบกลางๆ ไม่ได้ถึงกับไปสาย Animalic
จัดๆ มากนัก ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งภาคที่ลงตัวมากระหว่างความเป็นกลิ่นลักษณะเป็นขนมที่ไม่ได้ขนมจ๋าๆ
ออกแนวเหมือนมีขนมในซีนทั้งหมดเพียงจุดหนึ่งที่มองเห็นได้ กับโทน Vintage
ที่ให้ความมีระดับและดึงดูด โดยยังคงความดาร์กและลุ่มลึกเป็นออร่าแผ่ถึงความซ่อนคมในความละมุนปนดาร์กได้เป็นอย่างดีและคงตัวบนผิวแบบที่มีพลังไปตลอด
ซึ่งภาพรวมเรียกว่าเป็นกลิ่นที่มาลักษณะ
Plot Twist หักมุมเป็นระยะๆ
และมีความเป็นศิลปะแบบ Niche Perfume ที่มีลูกเล่นเปิดตัวแบบอาจจะไม่น่าพึงใจนัก
มีความแปลกและนี่มันคือน้ำหอมจริงๆ เหรอ ก่อนจะมาพลิกเกมกลายเป็นโทนที่มีพลังและมีออร่าแบบ
Last Boss ที่ซับซ้อนและปรามาสไม่ได้
ซึ่งถ้าเป็นลักษณะของหนูน้อยหมวกแดง มันคือการพลิกความเป็นเนื้อเรื่องให้
Fantasy ในอีกรูปแบบให้จบลงที่
“หนูน้อยหมวกแดงนั่งกินเค้กแบล็คฟอเรสที่ติดตัวมากับคุณยายหน้าบ้านแบบมีระดับ
ทั้งคู่มีรอยยิ้มที่เยือกเย็น แต่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองมีหมาป่าร้องอิ๋งๆ
ถูกโซ่รัดคอกลายเป็นทาส นายพรานที่รีบมาเพื่อที่จะช่วยก็กลายเป็นเงิบไป
เพราะว่าพึ่งเห็นว่าหมาป่าตัวนี้มาเล่นงานผิดคน”
ภาพที่เห็นเชื่อมโยงกับน้ำหอม
- ผู้หญิงที่มีลุคน่ามองมีรอยยิ้มที่ดู Nice
ในแรกพบ แต่พอหันไปดูอีกครั้งนางกับนิ่งมีออร่าที่มืดดาร์ก
ดูซ่อนคมและซับซ้อนเกินหยั่งถึงง่ายๆ กับ “เค้กแบล็คฟอเรส”
ที่บอกเลเยอร์ชั้นเค้กที่แตกต่างชัดเจน
เหมาะสำหรับ -
ได้ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป และต้องผ่านน้ำหอม Niche กับ Vintage มาระยะหนึ่ง
เพื่ออย่างน้อยเวลามาเจอตัวนี้ จะได้เรียนรู้ไปกับกลิ่นอย่างสนุกสนานได้เลย
ซึ่งกลิ่นเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป (รอซัก 30
นาทีหลังฉีดแล้วค่อยออกจากบ้านจะดีงาม)
แต่ให้ตัดการใส่เพื่อออกกำลังกายหริือกิจกรรมกลางแจ้งไปได้เลย
ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ถ้าต้องการนำเสนอความดาร์กและมีพลังแบบซ่อนคม
ไม่เน้นยั่วแต่เน้นให้รู้สึกได้ว่าไม่ง่าย นี่แหละใช่เลย
ความทน - ยอมมมม
กลิ่นทนมาก 12 ชม.
กลิ่นยังคงให้ความอวลๆ รุมๆ มีออร่าออกมาอยู่ให้จับต้องได้ตลอด
กับการใช้งานที่ 6 สเปรย์ (เอาจริงๆ ตัวนี้ 4 - 5 สเปรย์ ก็เอาอยู่แล้ว)
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมาปานกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว
ทิ้งท้าย - “วันนึงหนูเดินเข้าป่า เจอหมาป่าตัวหนึ่ง
ถามว่าหนูว่าจะไปไหน หนูจึงตอบ หายายบ้านไกล อย่าเปรี้ยวได้ไหมถ้าไม่อยากตาย”
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกจากแบรนด์ Cafe de Parfumและสุคนธกรผู้ปรุง นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ
ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - Cafe de
Parfum --> https://www.cafedeparfumth.com/product/grim-fantasia/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น