วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563

My Favorite New Member Fragrances of 2019

My Favorite New Member Fragrances of 2019 

จากลูกรักทั้ง 25 ตัวในปี 2019 ที่เป็น Partner ชั้นดีทางด้านกลิ่นที่สื่อถึงลุค ความรู้สึก และอารมณ์ต่างๆ ในการนำเสนอคาแรคเตอร์ของตัวผมเองในแต่ละมุมผ่านไปแล้วก็ได้เวลาของน้ำหอมที่ได้สอยมาครอบครองและเป็นหนึ่งในครอบครัวของเข็มขัดสั้นในปี 2019 ที่ผ่านมา โดยเลือกเอา 10 ตัวที่ปลื้มและหลงหัวปักหัวปำมาเล่ากันหน่อย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้สนใจว่าจะผลิตปีไหน เน้นเฉพาะเป็นของที่ได้มาและใช้งานในปี 2019 เพียงอย่างเดียวครับ 

ซึ่งก่อนที่จะเข้าเรื่องการเลือกในรอบปีที่ผ่านมา เรียกว่าย๊ากยากกกก จำใจต้องเทียบกลิ่นและยอมที่จะเอาออกจาก List ไปหลายตัวมาก ซึ่งก็ขอให้เครดิตโดยการระบุชื่อไว้ที่นี้เลย 

Yves Rocher - Moment de Bonheur, Lush - What Would Love Do, DSH - Avocado Toast, Ferrari - Noble Fig, Serge Lutens - La Vierge De Fer, Atkinson - Grand Pirate Reserve, Rogue Perfumery - Derviche, J-Scent - Roasted Green Tea, Strangers Parfumerie - Salted Green Mango, Berdoues - Vanira Moorea และ Maison Francis Kurkdjian - Aqua Celestia Forte เป็นต้น 

เช่นนั้นก็เข้าสู่ 10 รุ่น/กลิ่น ที่เป็นน้ำหอมที่ได้มาแล้วประทับใจในปี 2019 (ไม่ได้เรียงลำดับตามความชอบ) เริ่มที่ 

Strangers Parfumerie - Burning Ben
กลิ่นนี้มีความเป็นโทนน้ำนิ่งไหลลึกที่มีความร้ายซ่อนอยู่ภายใต้ความ Nice ได้ชัดเจนมาก และเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ให้ความรู้สึกตรงตามคาแรคเตอร์ของตัวละครที่ชื่อ Ben ในเรื่อง Burning (ภาพยนตร์สัญชาติเกาหลี ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของฮารุกิ มุราคามิ) ซึ่งกลิ่นจะเริ่มจากความ Nice ของกรุ่นกาแฟที่น่าพึงใจ ก่อนที่จะดึงเราเข้าไปเจอความดาร์กเข้มจากการเผาไหม้คลุกเคล้าไปกับกลิ่นอายหวานดึงดูดที่ไม่คุกคามแต่ค่อยเป็นค่อยไปให้เราซึมซับความร้ายลึกที่แฝงตัวจนเจอกันเต็มๆ ในช่วงท้าย ที่กลิ่นควันเคล้ากลิ่นหนังที่ซับซ้อน นิ่งร้าย ดาร์กเข้ม และหลอนลึก มันใช่เลยล่ะ ใส่แล้วองค์ Ben ประทับ (เอ๊ะ หรือว่าเรามีนิสัยแบบ Ben อยู่ตั้งแต่ต้นแล้วหว่า 55555) 

Monsillage - Pays Dogon 
ไม่แปลกใจว่าทำไมกลิ่นนี้ถึงได้รางวัล Art & Olfaction Awards เมื่อปี 2018 ในสาขา Aftel Award for Handmade Perfume เพราะการสื่อสารกลิ่นที่ถอดสภาพแวดล้อมมันไม่ง่ายที่จะทำออกมา แต่ไม่ใช่กับแบรนด์ Monsillage กับรุ่น Pays Dogon ที่ถอดเอาสภาพแวดล้อมกลิ่นอายที่มีความ Exotic เฉพาะตัวของโซนตลาดโล่งโปร่งๆ แถบแอฟริกาที่จะมีกลิ่นไม้ กลิ่นเครื่องเทศ ดอกไม้ กลิ่นสมุนไพรติดโทนหวาน และกลิ่นอายสภาพแวดล้อมที่มีโทนแห้งเป็นที่ตั้งในทุกอย่าง ซึ่งจะผสมผสานกันออกมาอย่างมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบโปร่งๆ แห้งๆ ที่ชัดเจนแต่ไม่คมบาด รวมถึงมีมิติและชั้นเชิงมากพอในการจับต้องความรู้สึกแบบกลิ่นอายรายล้อมรอบตัว เหมือนทำให้เราไปยืนอยู่ ณ สถานที่นั้นเลย 

Strangers Parfumerie - Oliver 
ในภาพยนตร์เรื่อง Call Me by Your Name หนึ่งในตัวละครหลักอย่าง Oliver ถือเป็น Character ที่มีเสน่ห์มาก เพราะเหมือนเราเห็นผู้ชายอเมริกันคนหนึ่งที่มีความเป็นธรรมชาติและ Sex Appeal เนียนๆ สูงมาก ซึ่งกลิ่นนี้จะถอดเอาความเป็น Oliver ได้ชัดเจนทุกเม็ดที่ดูเหมือนธรรมดาสดชื่นทั่วไปให้อารมณ์สดชื่นสไตล์ Summer Scent เด่นที่โทน Citrus กึ่งผลไม้เคล้าโทนเขียวแมนดึงดูดหน่อยๆ แต่มันไม่ธรรมดาเพราะมีความเร้าใจจากกลิ่นโทนกลิ่นเสื้อสะอาดและกลิ่นผิวกายนวลๆ เค็มอ่อนๆ ที่มีความสะอาดเย้าๆ ที่เซ็กซี่เองตามธรรมชาตินี่แหละ ก็ลองนึกภาพได้เลยว่าเวลาซุกคอแฟนหนุ่มที่มีกลิ่นผิวกายสะอาดติดสดชื่นเย้าๆ ระเรื่อๆ แล้วรู้สึกยังไง Oliver ก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นแหละ 

Lush - Dirty 
นอกจากการให้ความสะอาดและความอะโรม่าสดชื่นแบบสาย Herbal ที่เหมือนจะดูทั่วๆ ไป กลิ่นยาสีฟันมินต์จังเลย แต่มันคือความเซ็กซี่ที่สร้างความมั่นใจแฝงอยู่ในทุกช่วงกลิ่น ที่สร้างความซับซ้อนทางด้านโทนกลิ่นสไตล์เร้าใจที่ซ้อนลงไปจากกลิ่นโทนสะอาดอีกที มิติของกลิ่นเลยจะได้ความรู้สึกไล่เรียงกันจาก หอมมินต์สดชื่นเป็นธรรมชาติเอ๊ะ! ทำไมมันดึงดูดจังมีความนวลเร้าๆ และ เอ๊ะ! ทำไมมันเซ็กซี่จังเลยอ่ะ นี่แหละ ตอกย้ำกันไปเลยว่า ความ Sexy ยั่วเยทางกลิ่นไม่จำเป็นต้องกลิ่นแน่นๆ อวลหวานหนัก เพราะโทนสดชื่นก็กินขาดเรื่องนี้ได้สบายมาก 

Rogue Perfumery - Chypre Siam 
แบรนด์นี้ทำน้ำหอมแบบที่ไม่สนองค์กร IFRA ที่ห้ามใช้โน่นนี่แต่อย่างใด โดยเฉพาะ Oak Moss ที่เป็นหัวใจหลักของน้ำหอมรุ่นนี้ เพราะกลิ่นนี้คือการใส่ Oak Moss แท้ๆ ที่กลิ่นมาเต็ม มาไม่ยั้ง ให้ความ Vintage ที่หรูหราชัดเจน โดยมีความใกล้เคียงกลิ่นอายในอดีตที่รุ่งเรืองอย่าง Coty - Chypre และ Guerlain - Mitsouko แต่ฉีกตัวออกมาได้งามพอสมควร เพราะนอกจาก Oak Moss เข้มๆ ที่เปิดตัวจะเด่นมากแล้ว กลิ่นดอกมะลิติดแป้งเรื่อๆ เรียบหรูให้ความผู้ลากมากดีสไตล์ Vintage เคล้ากลิ่นผิวมะกรูดไทยซ่าๆตลอดนี่แหละ ได้อารมณ์ Siam ที่งามจริงอะไรจริง 

Atelier Cologne - Rose Anonyme Extrait 
ตัวนี้แตกต่างจากตัวปกติเพราะความเข้มข้นที่มากขึ้นจนเป็น Extrait de Parfum เต็มตัว ซึ่งทำให้กลิ่นมีความลึก ชัด และมีโทนลึกล้ำน่าค้นหาปนอวลมากขึ้นไปด้วย แต่ไม่ได้หนักหน่วง เพราะยังคงคุมโทนการเป็นสไตล์ Cologne ตาม Concept ของแบรนด์ที่ดีงามอยู่ ซึ่งเนื้อกลิ่นจะมีโทนลักษณะของกุหลาบปนยางไม้หวานหน่อยๆ กึ่งวานิลลาเล็กๆ แต่ค่อนไปทางโทนดาร์กเพราะมีกลิ่นของไม้กฤษณา (Oud) เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งอารมณ์ของกลิ่นจะได้ความลุ่มลึกปนอวลมีระดับและมีเสน่ห์แบบติดหรูหราแบบกุหลาบสีแดงกึ่งบานเย็นเข้มสไตล์กำมะหยี่ที่มีคลาสสูงมาก 

Memo Paris - Ilha do Mel 
สถานที่แห่งความทรงจำที่ถอดเอากลิ่นมาใส่ขวดของ Memo นี้จริงๆ เป็นเกาะแดนใต้เล็กๆ ที่บราซิล ซึ่งอาจจะทำให้นึกไปถึงกลิ่นโทนทะเลเป็นแน่แท้ แต่ไม่ใช่ เพราะกลิ่นที่สื่อสารออกมากลายเป็นโทนรื่นรมย์อะโรม่าของดอกไม้ขาวเป็นหลัก ซึ่งจะเด่นที่การผสมผสานกันออกมาจนกลายเป็นกลิ่นโทนดอกพุดซ้อน (Gardenia) และมีความเขียวตามธรรมชาติจากไฮยาซินท์เข้ามาร่วมด้วย ทำให้ได้กลิ่นดอกไม้ขาวเจือเขียวที่กึ่งนวลกึ่งใส แล้วพัฒนาไปเป็นโทนนวลสบายๆ ที่อะโรม่าอย่างเป็นธรรมชาติและมีระดับในเนื้อกลิ่นสูงมาก โดนตกทันที เพราะนานๆ ทีจะเจอกลิ่นดอกไม้ขาวที่ลงตัวมากขนาดนี้

Parfums Dusita - Erawan 
กลิ่นโทนเขียวนุ่มนวลและรื่นจมูกที่มาจากการผสมผสานกลิ่นโทนหญ้าแห้ง โทนกิ่งก้านส้ม และสมุนไพรปร่านวลอย่าง Clary Sage เปรียบเสมือนเป็นใบเบิกทางในการเดินเข้าเขตโซนพื้นที่ที่หอมเขียวเย็นๆ Aromatic ชื้นหน่อยๆ แล้วกลิ่นจะค่อยๆ พลิกมาสายหอมนวลค่อนไปทางวานิลลากับชอคโกแลตครีมมี่ที่ให้ความรื่นรมย์ปนหวานโปร่ง เจือกลิ่นไม้หอมเคล้ากลิ่นคล้ายชาดำบางๆ แอบมีความเป็นไม้แห้งออกทางหญ้าแฝก ซึ่งทุกอย่างจะรับส่งต่อกันเป็นอย่างดี จากเขียว ไม้หอม และนวลอบอุ่นครีมมี่ ที่สร้างความรื่นรมย์ได้ดีและมีความสุขในการได้กลิ่นตั้งแต่ต้นยันจบเลย

4160 Tuesdays - Freeway 
นั่งรถเปิดประทุนสัมผัสอากาศที่กำลังดี ไม่ร้อนเกินไป และมีกลิ่นอายหอมหวานโปร่งๆ อบอวลอยู่ในอากาศผสมผสานกันด้วยกลิ่นของดอกส้มให้ความสะอาดนวล วานิลลาให้ความอบอุ่น เหล้ารัมให้ความลุ่มลึกมีเสน่ห์ ยาสูบให้ความหวานโปร่ง ไม้หอมแห้งๆ ที่ให้ความผ่อนคลาย กลิ่นเขียวติดขื่นของกัญชาที่มาอ่อนๆ และกลิ่นออกทางยางผสมน้ำมันรถยนต์นิดๆ ทุกอย่างคือการถอดเอาการนั่งรถชิลล์ๆ ที่ LA ลงขวดและเป็น Exclusive เฉพาะเว็บไซต์ Luckyscent ที่ทำออกมาได้มีเสน่ห์ หอมหวานโปร่งปนรื่นรมย์และดีต่อใจมาก ยอมมมม หายากแค่ไหนก็ต้องเอามาจนได้ 

Dior Homme Parfum 
พื้นเพเดิม ไม่ได้อินกับสาย Dior Homme มาตั้งแต่ต้นนัก ยกเว้น Dior Homme Cologne 2013 ที่สดชื่นเว่อร์ๆ แต่พอมาเจอรุ่นความเข้มข้นสูงสุดของสายนี้อย่าง Dior Homme Parfum เรียกว่า โดนตกกันเห็นๆ เพราะกลิ่นโทนแนวแป้งเครื่องสำอางหรือลิปสติกสไตล์เมโทรแบบเดิมมันเบาลงไป แต่ให้ความเข้มข้นของกลิ่นโทนแป้งไอริสที่เข้มข้นมากขึ้น เสริมทัพด้วยกลิ่นหนังเจือโกโก้ที่ให้ความเท่ห์ กล่อมกลิ่นด้วยไม้จันทน์หอมที่ให้ความครีมมี่ติดแน่นอวลและกลิ่นกุหลาบที่สร้างความมีเสน่ห์เข้าไปอีก บอกเลยกลิ่นทรงพลังมาก 2 สเปรย์เอาอยู่ยาวข้ามวัน แบบนี้ไม่ให้โดนตกก็เกินไปแล้ว 

ทั้งหมด ถือเป็นสมาชิกใหม่ของผมในปี 2019 ที่ทำให้ชีวิตมีความสุขกับกลิ่นอายความหอมต่างๆ ที่เข้ามา และเป็นเป็นหนึ่งในครอบครัวให้เต็มตู้กันต่อไป พร้อมกับมีอาการไบโพล่าร์ตะโกนออกมาสลับกับปลื้มกลิ่นว่า เงินข้าหายไปไหนหม๊ดดดดยาวๆ ไปเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น