วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563

Review: Lush - What Would Love Do?

Lush - What Would Love Do? 

เพียงแค่ชื่อรุ่นก็ทำเอาเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาทันทีเอาได้เลยว่ากลิ่นอายที่ความรักจะปล่อยออร่าออกมาผ่านกลิ่นจะเป็นอย่างไร ด้วยการสร้างสรรค์ของแบรนด์สายเก๋อย่าง Lush ในการเป็น 1 ไลน์ Gorilla Perfume เช่นนั้นเมื่อได้สัมผัสกลิ่นอายสิ่งที่ความรักได้ทำขึ้นมา ก็เล่ากลิ่นออกมาได้แบบนี้เลย

การเปิดต้นกลิ่นจะเริ่มต้นที่การตีคู่กันระหว่างกลิ่นอายโทนส้มเขียวหวานและน่าจะมีโทนเลมอนเข้ามาร่วมด้วย เคล้าสมุนไพรติดเขียวที่จะเป็นลูกล่อลูกชนในการสร้างความสดใสก็จริง แต่ก็มีมิติของกลิ่นอายโทนคาราเมลใสๆ กึ่งโทนน้ำผึ้งปนหวานวานิลลาติดคมแหลมหน่อยๆ รวมถึงกลิ่นอายสไตล์ Signature ของแบรนด์ที่มักจะมีกลิ่นโทIncense เคล้ายางไม้เนียนๆ เข้ามาร่วมด้วยเสมอ ทำให้กลิ่นช่วงแรกก็ให้อารมณ์เปรี้ยวอมหวาน สดใสก็ได้ อะโรม่าผ่อนคลายก็สามารถ และหวานหอมโปร่งได้น่าสนใจและลงตัวมาก ไม่ได้ออกแนวพยายามเป็น Puppy Love วัยรุ่นวุ่นรักเลย แต่อารมณ์ที่เป็นวัยหนุ่มสาวขึ้นมาหน่อยเสียมากกว่า 

เมื่อกลิ่นเริ่มที่จะเซทตัวและเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน โดยแต่ละโทนจะมีหน้าที่สร้างความเด่นและเชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดี โดยจะให้ความเป็นลักษณะแบบกลิ่นส้มเคล้าคาราเมลน้ำผึ้งผสมมะนาว และมีกลิ่นออกทางสมุนไพรอะโรม่านวลๆ ที่เริ่มชัดเจนว่าเป็นลาเวนเดอร์ที่ให้ความหอมติดเขียวแห้งๆ สไตล์สมุนไพรเคล้าความอะโรม่าผ่อนคลายที่กำลังดีเป็นตัวรองพื้น และมีลักษณะกลิ่นที่ออกทางวานิลลาติดหวานแหลมปนครีมอ่อนๆ เข้ามาร่วมด้วย ทำให้ช่วงกลางคือความหอมหวานอมเปรี้ยวอะโรม่าสวยๆ มีความน่ารักก็ได้ มีความผ่อนคลายสบายใจก็ดี และมีความหวานรื่นรมย์ก็สามารถ ซึ่งจะส่งต่อไปยังช่วงท้ายแบบที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทางกลิ่นมากนัก เพราะ

อารมณ์น้ำผึ้งผสมมะนาวและส้มยังคงมีอยู่ แต่สิ่งที่ชัดคือ ความอะโรม่าหอมหวานที่ไม่ได้หนักหน่วงไปสายข้นจนเป็นขนมเดินได้ แต่จะให้ความพอดีของการเป็นกลิ่นติดโปร่งมีความครีมมี่รองพื้นอ่อนๆ ที่ลงตัว ซึ่งกลิ่นเด่นๆ จับได้ชัดเจนเลยจะเป็นโทนวานิลลาที่ติดหวานแหลมปนอบอุ่นหน่อยๆ สไตล์แบบกลิ่นกำยาน Benzoin ที่มาสอดรับพอดีกับกลิ่นโทนหวานอมเปรี้ยวติดอะโรม่าลาเวนเดอร์อ่อนๆ ที่ยังมีมิติติดสมุนไพรอยู่ประปรายให้จับต้องได้ ซึ่งอารมณ์กลิ่นยังเหมือนเดิมคือ ความหวานที่มีมิติสดใสและน่ารักแบบที่ไม่ได้หวานเจี๊ยบนัก แต่เพิ่มเติมด้วยกลิ่นโทนอบอุ่นอ่อนๆ ที่ทำให้กลิ่นมีอารมณ์โทนโรแมนติคดึงดูดมากขึ้น เรียกว่าช่วงท้ายจะครบถ้วนกันเลยทีเดียวกับความหวาน ความน่ารักความอะโรม่า ความรื่นรมย์ และความอบอุ่นอ่อนๆ ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะอยู่ยาวไปบนผิวผู้ใช้เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย เพราะกลิ่นมีความกลางๆ ไม่ได้หวานเจาะจงเพศแต่อย่างใด ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบทั่วๆ ไป หรือใส่ทำงาน Office ก็ยังได้ ส่วนออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ ก็พอได้อยู่ เพียงแต่กลิ่นจะไม่เข้าทางกับการใส่แบบทางการจ๋าๆ นัก ในยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นไม่เหมือนใคร เพียงแต่ให้เน้นมาสายโรแมนติค หรือหวานๆ ทั่วไปจะดีกว่า แต่ถ้าใส่ไปท่องราตรีอัดสเปรย์นิดนึงก็สู้คนอื่นก็ได้ไม่ยาก 

ความทน - ยอมมมมม ทนเกินคาดมาก เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ เรียกว่ายังไงก็ 8 ชม. สบายมาก 

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมาที่ปานกลางแบบยาวไปจนถึงช่วงท้ายเลยทีเดียว จนเมื่อผ่านไปซัก 10 ชม. แล้วจะลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัวก่อนที่จะเป็น Skin Scent เมื่อผ่าน 12 ชม. ไปแล้ว 

สรุป - ถ้าความรักจะทำให้เรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่ Lush สื่อสารผ่านกลิ่น ก็ต้องบอกว่าเป็นกลิ่นอายความรักที่มาสายน่ารักมีระดับให้ความหวานอมเปรี้ยวที่มีความโรแมนติคเป็นธรรมชาติแบบที่ไม่ได้ดูทั่วไปแต่อย่างใด แถมกลิ่นยังมีพื้นฐานที่ดีในการคุมโทนความโปร่งหอมได้ดีมากอีกด้วย อีกอย่างถ้าใครชอบกลิ่นโทนน้ำผึ้งผสมเลมอนหรือส้ม บอกเลยฟิน

หมายเหตุ: 
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน 
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ

Photo Credit - http://lifestylelinked.com/im-home-lush-perfume/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น