วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Review: Knize - Knize Ten


Knize - Knize Ten

Knize ชื่อนี้ ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์เดินคู่กับประวัติศาสตร์โลกมาอย่างยาวนานในเรื่องของเสื้อผ้าสายสุภาพบุรุษเน้นเรื่องความทางการเป็นหลัก ซึ่งก็เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1920 และยังคงอยู่อย่างงดงามในปัจจุบัน ซึ่งนอกเหนือจากเสื้อผ้าทั้งหลาย ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ีรวมอยู่ด้วย นั่นคือ น้ำหอม ที่แบรนด์นี้เองก็สร้างสรรค์กลิ่นอายสายสุภาพบุรุษแนว Classic ได้อย่างงดงามมากๆ อีกด้วย

และหนึ่งในนั้นก็ได้ถูกขนานนามว่าเป็นน้ำหอมโทนกลิ่นหนังที่ดีมากๆ ในลำดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์สายน้ำหอมของโลกเลย อย่าง Knize Ten ซึ่งแม้ว่าน้ำหอมรุ่นนี้จะสร้างสรรค์มาตั้งแต่ปี 1925 แต่ยังคงความ Classic เหนือกาลเวลามาเสมอและจะตลอดไปเสียด้วย เช่นนั้น ต้องมาขยายความงดงามของกลิ่นนี้กันซักหน่อยว่าจะมาในลักษณะใด

Knize Ten เปิดตัวด้วยความเป็น Citrus ติดขมมีความเขียวเคล้าโทนสมุนไพรที่เป็นเลเยอร์แรกของกลิ่นกันก่อน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นลักษณะกลิ่นที่เป็นโทนสดชื่นสไตล์ Classic กันชัดเจน โดยเมื่อแยกโทนกลิ่นจะจับต้องได้ถึงกลิ่นอายของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) ที่ให้ความเปรี้ยวเจือขมปร่า และกลิ่นติดเย็นๆ หวานปลายกลิ่นของเลมอน ซ้อนกับกลิ่นเปรี้ยวเขียวแบบกิ่งไม้ใบไม้ของกิ่งก้านส้มที่จะเป็นตัวเชื่อมโทนกับสายสมุนไพรอย่างโรสแมรี่ที่ให้ความปร่าแบบเมนทอลผสมมินท์ แล้วเลเยอร์ถัดมาคือกลิ่นติดเขียวเจือกุหลาบแบบกลิ่นน้ำในแจกันดอกกุหลาบที่เข้มหน่อยของเจอราเนียมเคล้ากับกลิ่ติดเขียวปร่านวลของดอกคาร์เนชั่นที่ให้ลูกเล่นกึ่งเขียวกึ่ง Floral ก่อนจะมีพื้นกลิ่นเนียนๆ ของโทนหนัง ไม้หอมโปร่งๆ สุขุม พิมเสนระเรื่อ กับ Oakmoss ที่ให้ความเขียวขมทึบปนโทน Smoky ไหม้ๆ กึ่ง Animalic ที่ให้ความแมนๆ สุภาพบุรุษแต่ไม่ได้ Dirty เกินไป ซึ่งเพียงแค่ช่วงต้นบอกเลยว่านอกจากความสดชื่นติด Classic แล้ว ยังมีความเป็นไฮไลท์ที่บอกทิศทางของน้ำหอมชัดเจนถึงกลิ่นอายสไตล์ Chypre ที่ไล่โทนจาก Citrus สู่ความหรูหราติดกรุยกรายมีระดับแบบสุภาพบุรุษแกมเท่ห์ในสไตล์ออกทางกึ่ง Retro กึ่ง Modern อารมณ์ผู้ชายเท่ห์ๆ หวีผมด้วย Pomade เรียบกับชุดสูททั้งแบบธรรมดาและเข้ารูปเพื่อให้ทันสมัยก็ตอบโจทย์ได้หมดเลย

เมื่อกลิ่นอายสาย Citrus ทั้งหลายเริ่มที่จะจางไป เหลือความเป็นโทน Fresh Spicy กึ่งสมุนไพรปนดอกไม้ปร่านวลที่จะเป็นตัวหลักต่อเนื่อง ก็เข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอมที่คราวนี้ตัวเดินกลิ่นหลักจะเป็นคาร์เนชั่นกับเจอราเนียมที่ให้โทนตีคู่กันไประหว่างความปร่านวลเจือเขียวติดโทนกุหลาบ และมีกลิ่นพิมเสนหวานระเรื่อกำลังดีกึ่งไม้หอมโปร่งๆ ที่เป็นสไตล์ของไม้ซีดาร์ประปรายในเนื้อกลิ่นแบบสมดุลย์ ที่สำคัญจะมีสายสนับสนุนโทนกลิ่นด้วยความเป็นดอกไม้นวลปนหวานติดเปรี้ยวปลายกลิ่นที่เป็นวูบของกุหลาบและดอกส้ม ตามด้วยกลิ่นติดแป้งทึบปนหอมนวลจืดเนื้อไม้จันทน์หอม และมีโทนเครื่องเทศร้อนอุ่นอย่างอบเชยที่ให้ความอวลหวานเข้ามาร่วมด้วย โดยที่พื้นกลิ่นอย่างโทนหนังและ Oakmoss ปน Smoky ก็ค่อยๆ เข้มชัดขึ้น เลยทำให้ภาพรวมในช่วงกลางมีความซับซ้อนที่มีลูกเล่นขับเสน่ห์ทางกลิ่นและเสริมออร่าความติดหวานอวลหน่อยๆ ปนน่าค้นหาที่ไม่หนักเกินไป คุมโทนการเป็นสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์กึ่งเย้ายวนเพิ่มเข้ามาจากช่วงต้น และเมื่อกลิ่นดำเนินไปพอสมควร จนกลิ่นหนังติด Smoky จะเริ่มเทคโอเวอร์เป็นตัวเดินกลิ่นหลักพร้อมกับ Oakmoss ที่ให้ความเข้มน่าค้นหาเป็นตัวสนับสนุนให้กลิ่นมีความแมนเท่ห์ ก็เป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของน้ำหอมที่เนื้อกลิ่นจะมีความเป็นเท่ห์แบบภูมิฐานปนอบอุ่นมีเสน่ห์ของโทนหนังที่จะมีลูกเล่นของสาย Animalic ติดไหม้จากกลิ่นต่อมเพศบีเวอร์หรือ Castoreum แต่ไม่ได้มาแบบหนักหน่วงเพราะมีตัวมาลดทอนความเข้มจากไม้หอมอย่างจันทน์หอม ไม้ซีดาร์ Musk และ Vanilla ทำให้กลิ่นมีความเป็นหนังติด Smoky เคล้าไม้หอมซ้อนด้วยโทนสะอาดนวลที่มีความเขียวปร่าอ่อนๆ สร้างมิติกลิ่นเสริมโทนหนัง ไม่ได้หนักหน่วงไป แต่ให้เสน่ห์แบบสุภาพบุรุษภูมิฐาน มีความหรูหราปนอบอุ่นน่าค้นหา โดยที่ยังคุมโทนความเท่ห์กึ่ง Retro หึ่ง Modern จากช่วงต้นได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ซึ่งไม่เกี่ยงอายุว่าจะเท่าไหร่ หรือถ้าพื้นฐานชอบกลิ่นสไตล์ Classic อยู่แล้ว บอกเลยตัวนี้ตอบโจทย์มากเว่อร์ในการสร้างออร่าสุภาพบุรุษ Classic ที่มีระดับและสมาร์ทได้เลยทีเดียว โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เน้นไปที่ความเป็นทางการแบบใส่ทำงาน ออกงาน เข้าหาผู้ใหญ่ หรืออะไรก็ตามที่เน้นความเป็นสุภาพบุรุษสุขุมและภูมิฐาน อันนี้ได้หมด รวมถึงใส่แบบทั่วๆ ไปก็ได้เพราะกลิ่นไม่ได้มีแต่มุมทางการอย่างเดียว รวมถึงพอใส่ไปกิจกรรมกลางแจ้งได้อยู่บ้าง แต่ถ้าใส่ออกกำลังกายแนะนำช่วงท้ายๆ จะดีที่สุด

ความทน - ดีงามกับพื้นฐานที่ 8 ชม. ได้สบายมาก และลากยาวไปได้มากกว่านั้นอีก โดยอิงตามจำนวนสเปรย์เป็นสำคัญ ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 15 ชม. เลยในการใช้งาน

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และเสถียรคงตัวยาวๆ ไปจนถึงปลายช่วงกลางเลย ที่จะลดลงมาปานกลาง พอพ้นซัก 6 ชม. จะเริ่มเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันยาวๆ

สรุป - ให้คำจำกัดความแบบไม่ต้องคิดอะไรมากได้เลยว่า “Masterpiece & Timeless” เพราะทุกอย่างตั้งแต่ต้นยันจบ นำเสนอความ Classic สู่ Modern ของกลิ่นโทนหนังที่มีมิติความเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมดุลย์ คุมโทนความหรูหราแบบผู้ชายที่มีความภูมิฐานและสุขุม แต่มีเสน่ห์ชวนมองชวนเข้าใกล้ได้ยอดเยี่ยมมาก และไม่แปลกใจว่าทำไมกลิ่นนี้ถึงเป็นน้ำหอมกลิ่นหนังที่ยอดเยี่ยมมากลำดับต้นๆ ของโลก

หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”

Photo Credithttps://www.scentsamples.uk.com/knize-ten/perfume/822


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น