Review: Parfum Prissana - Nimitr
Parfum Prissana - Nimitr
ว่ากันด้วยเรื่องน้ำหอมของผู้ชายในช่วงยุค 80 - 90 ที่ปัจจุบันเรียกว่าได้เป็นสาย Classic ที่อาจจะมีทั้งยังคุมโทนความเป็นลักษณะกลิ่นสไตล์ Vintage ที่ฟุ้งๆ เข้มๆ คมๆ
หรือประยุกต์มาแตะโทนที่มีความ Aromatic มากขึ้น ที่กลิ่นเปิดอาจจะเด่นที่ Citrus ก่อนค่อนมาเจอกับกลิ่นอายสไตล์ฟุ้งอวลซึ่งถือว่าเป็นยุคเป็นจุดเปลี่ยนที่เพิ่มความหลากหลายทางกลิ่นน้ำหอมชายให้มีความแตกต่างมากขึ้นและมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวแบบรอยต่อระหว่างความ Classic สู่ Modern
ซึ่งหลายๆ คน ที่อาจจะไม่ได้คุ้นชินกับน้ำหอมกลิ่นอายแบบนี้
อาจจะมองว่ากลิ่นโบราณ กลิ่นแก่ กลิ่นแบบคุณพ่อ คุณปู่ยังหนุ่มอะไรก็ตาม
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งหมดมันคือ รากฐานของน้ำหอมในยุคปัจจุบันและเป็นหนึ่งในความเหนือกาลเวลาทางกลิ่นที่มีเสน่ห์และทรงคุณค่ามาก
แม้ไม่อินในตอนนี้ แต่พอผ่านน้ำหอมไปพอสมควรและมีอายุที่มากขึ้น
ก็จะมาแตะกลิ่นอายสาย Classic และอินจนรักโทนกลิ่นแบบนี้ไปไม่รู้ตัว
เมื่อปูทางความเป็นโทน
Classic มาแล้ว
ก็มาที่การเล่ากลิ่นที่จะเอาความเหนือกาลเวลาทางกลิ่นมานำเสนอกับแบรนด์ไทยที่มี
Concept การจัดหนักในเรีื่องคุณภาพ ความซับซ้อน
งานศิลปะและการ Tribute กลิ่นอายสาย Classic Vintage ออกมาเป็นน้ำหอมอย่าง Parfum Prissana ที่เคยผ่านการเล่ากลิ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว
2 รุ่น อย่าง Le Cirque Bleu และ Apsarah
และคราวนี้ก็มาถึงตัวที่ 3 อย่าง Nimitr
ที่จะมาในรูปแบบใดของการเป็นโทน Vintage ก็ถ่ายทอดกลิ่นออกมาได้ในลักษณะนี้เลย
Leather Classic Scent กันอย่างชัดเจนมาก ซึ่งเป็นกลิ่นอายของน้ำหอมชายที่มีเสน่ห์สุดๆ
ในช่วงยุค 80 - 90 เลยทีเดียว เพียงแต่ Nimitr จะมีลูกเล่นที่ไม่ได้เน้นที่ความเป็น Vintage เด่นนำเพียงอย่างเดียว
แต่ใส่ลายเซ็นโทน Incense เข้าไปเพื่อให้โทนกลิ่นมีความ
Modern เนียนๆ รวมอยู่ด้วย ซึ่งช่วงเริ่มต้นจะเป็นโทน Aldehydes
ที่เป็นตัวนำกลิ่นในลักษณะของทางสบู่คมๆ ฟุ้งๆ
ที่พาพรรคพวกอย่างสาย Citrus มาร่วมด้วยอย่างส้มที่มาแบบโทนออกทางติดเปลือกส้มหน่อยๆ
และมีกลิ่นเปรี้ยวเจือหวานปลายของเลมอนที่ผสมผสานอยู่ใน Aldehydes
จนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน โดยที่ีจะมีโทนสมุนไพรเคล้าเครื่องเทศเผ็ดปร่าโปร่งๆ
และโทนเขียวเข้ามาร่วมด้วยอย่างลาเวนเดอร์ ใบกระวาน และคลารี่เซจ
ที่ทำให้กลิ่นมีความเป็นสบู่คมเคล้าโทนสมุนไพรปร่าอวลชัดเจน
รวมถึงมีโทนเขียวเมือกนิดๆ ของไฮยาซินท์ และกลิ่นออกทางติดผลไม้เย้าๆ
ที่เข้ากับ Aldehydes ได้ดีอย่างลูกพลัมเข้ามาร่วมด้วย
รวมถึงเนื้อกลิ่นจะมีโทนออกทาง Incense ธูปอวลเนียนๆ
ให้จับต้องได้อีกเลยทำให้กลิ่นจะซับซ้อนมีเลเยอร์ต่างๆ ที่รวมเข้าด้วยกันอย่างมีชั้นเชิง ที่สำคัญมีตัวเสริมที่ทำให้กลิ่นพุ่งเข้าไปอีกอย่างยางไม้
Galbanum ที่ให้ความขมเจือเขียวที่เป็นสายสนับสนุนทำให้ความเป็นโทนสบู่ฟุ้งอวลยิ่งคมชัดเข้าไปอีก
สร้างออร่ากลิ่นเปิดแบบโทน Classic ได้อย่างเต็มที่และเปิดทางการเป็นกลิ่นอายสุภาพบุรุษสไตล์
Vintage ได้อย่างงดงามจริงๆ
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นจะมาแบบเนียนๆ
พอสมควรเมื่อเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางของน้ำหอม เพราะกลิ่นจะสลับเอาความเด่นมาที่กลิ่นสร้างออร่าความเป็นสุภาพบุรุษที่ติดขรึมและ Cool เข้าไปอีก
โดยเฉพาะกลิ่นหนังและธูป Incense ที่จะแทรกตัวมาเดินกลิ่นแบบแพ็คคู่พร้อมกับเอาความเป็นโทนดอกไม้อย่างกุหลาบนวลๆ
และดอกพุดครีมมี่หน่อยๆ กึ่ง Aromatic ติดหวานเจือควัน Smoky
จากยาสูบและกลิ่น Birch Tar ที่เป็นกลิ่นติดเขม่าหน่อยๆ รวมถึงโทนไม้จันทน์หอมที่มีความกลมๆ เพราะมีกลิ่นโทน Spicy อย่างเม็ดจันทน์เทศเป็นตัวเกลาสร้างความนุ่มนวลของกลิ่นเข้ามาร่วมด้วย
ซึ่งโทนสบู่ฟุ้งอวลของ Aldehydes ในช่วงแรกยังคงตามมาในช่วงนี้แบบเป็นสายสนับสนุนที่สร้างความอวลอยู่ทำให้กลิ่นยังคุมโทนการเป็นกลิ่นอายสายสุภาพบุรุษสไตล์
Vintage ที่ซับซ้อนและมีความ Modern ที่น่าค้นหาเข้ามาร่วมด้วยจากสาย
Incense ซึ่งเป็นการส่งเสริมกันและกันในการใช้งานที่ Mix
& Match กันได้อย่างลงตัว
เมื่อโทน Aldehydes เริ่มผ่อนตัวลงและโทนสมุนไพรต่างๆ
เริ่มจางไป ก็เริ่มเปลี่ยนสถานะการเป็นโทนกลิ่นที่มีความ Tribute ความดีงามของน้ำหอมสาย Vintage ของผู้ชายต่างๆ เช่น YSL
- Kouros หรือ Chanel - Antaeus อยู่พอสมควร แต่จะมีความเป็นโทนออกทางตะวันออกมากกว่าหน่อย
เพราะโทน Incense ติด Smoky และมียางไม้สาย
Incense ที่ติดโทนหวานอบอุ่นกับโทนไม้หอมแห้งๆ
ที่ยังคงเป็นตัวเด่นอยู่ จะเป็นตัวตัดทอนอย่างสมดุลย์ ทำให้กลิ่นไม่ได้ออกทาง
Animalic ของ Musk และชะมดเช็ด (Civet)
ที่ติดหนังไหม้ๆ ลึกๆ ของต่อมเพศบีเวอร์ (Castoreum) รวมถึงโทนหนังที่ยังเป็นตัวเดินกลิ่นจากช่วงกลางปล่อยเสน่ห์แบบที่ไม่จำเป็นต้องสาบเร้ามาก
แต่ก็เอาอยู่ทุกดอกได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญกลิ่นโทน Oakmoss ที่ให้ความเป็นโทนเขียวขมกลิ่นคล้ายหมึกเล็กๆ
เจือพิมเสนแบบสร้างความดึงดูดเย้าจมูกเข้ามาสร้างความดาร์กติดเท่ห์ร่วมด้วยในลักษณะของการเป็นน้ำหอมที่มีลูกเล่น
Classic ยืนพื้น โดยแต่ละมิติเลเยอร์กลิ่นจะเข้ามาแบ่งเค้กเลยทำให้กลิ่นมีความสมดุลย์มากพอที่จะให้เสน่ห์ของโทนสาบปลุกเร้า
Animalic และโทนน่าค้นหาในสไตล์ของสุภาพบุรุษที่ขรึมนิ่งได้ออกมาอย่างมีเสน่ห์มาก
โดยคุมโทน Vintage ที่ติด Modern ได้ดีอยู่เสมอต้นเสมอปลาย
ให้ภาพผู้ชายในชุดสูทที่หวีผมเรียบแปล้ที่มีความขรึม มีภูมิ ซับซ้อน
และดูมีประสบการณ์ที่มีออร่า Sex Appeal ที่ดึงดูดให้หันมองซ้ำเพราะความเท่ห์
Cool แบบมีชั้นเชิง ซึ่งนี่แหละความเป็น Nimitr ที่มีเสน่ห์ในความ Timeless ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวในทุกๆ
ช่วงกลิ่นจริงๆ
เหมาะสำหรับ -
ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป หรือถ้าจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างน้อยผ่านกลิ่นอายสาย Classic
มาก่อนจะอินกับ Nimitr ได้ไม่ยากเลย
ซึ่งกลิ่นนี้เข้ากับแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์พอเหมาะ
เพราะกลิ่นมีความเข้มข้นและอวลพอสมควร ซึ่งไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ
ไปก็สามารถใช้ได้สบายมาก ยิ่งถ้ามาแนวหวีผมเรียบแปล้แบบใช้ Pomade กับการแต่งตัวทั้งทางการและเท่ห์ๆ ก็เข้าทางหมด
จะมีก็แต่การใส่กิจกรรมกลางแจ้งแบบอากาศร้อนๆ และออกกำลังกายที่ข้ามไปจะดีกว่า
ส่วนยามค่ำคืน ไม่ว่าจะออกงานหรือท่องราตรีสามารถใส่ได้สบายมากเพราะสร้างความ
Unique ได้ไม่ยากเลย
ความทน -
มากถึงมากที่สุด เพราะ 15 ชม.
แล้วกลิ่นยังคงอยู่ เรียกว่าดีงามมากจริงๆ
การกระจาย -
กลิ่นกระจายดีและเสถียรมากจนถึงปลายช่วงกลางเลย พอพ้นไปซัก 5 ชม. กลิ่นจะกระจายปานกลางให้ความคงตัวไปเรื่อยๆ
จนเมื่อผ่านไป 12 ชม. ถึงเป็นออร่ารอบๆ ตัว
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในความดีงามเช่นกัน
สรุป -
ให้ลองนึกภาพเหลียงเฉาเหว่ยในภาพยนตร์ของหว่องกาไวอย่าง In the Mood for Love และ 2046 + เสน่ห์จัดเต็มในเรื่อง Lust, Caution ของอั้งลี่
ซึ่งทุกอย่างบอกหมดเลยว่านี่แหละสุภาพบุรุษที่นิ่งขรึม ซับซ้อน มีเสน่ห์ และน่าค้นหาอย่างร้ายกาจมาก และ Nimitr ก็ทำให้เห็นภาพเฮียเหลียงออกมาในทันทีที่ใช้งานครั้งแรกจนถึงทุกๆ
ครั้งที่ใช้มาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเอามาประยุกต์กับความเป็นปัจจุบันบอกเลยว่านี่คืออีกหนึ่งกลิ่นที่ให้คำจำกัดความได้เลยว่า
“Timless ที่ทันสมัยแบบมีชั้นเชิงและมีรากเหง้าที่เหนือกาลเวลาในการใช้งาน”
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้
ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!!
ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์และเจ้าของแบรนด์ Parfum
Prissana ที่สามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว
ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ”
Photo Credit - https://www.facebook.com/parfumprissana/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น