Issey Miyake - Le Feu d’Issey Light
เห็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 ที่ยังไม่ประสีประสาเรื่องน้ำหอมกับขวดน้ำหอมแปลกๆ เหมือนพวกกระปุก Skin Care กับการเป็น Le Feu d’Issey ที่ขวดสีส้มมาเลยทีเดียว และมาเห็นอีกครั้งก็ตอนเป็นขวดสีส้มที่ใสขึ้น แม้จะงงๆ ว่าทำไมสีดรอปลงก็แน่นอนว่ามองข้ามเพราะตอนนั้นยังเด็กเกินไปที่จะสนใจ แต่พอเข้าสู่วัยที่เริ่มใช้น้ำหอมถึงได้รู้จัก และได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่าน้ำหอมกลิ่นนมที่ทำออกมาได้ดีมากของ Issey Miyake และได้รู้อีกทีว่าขวดกระปุกส้มที่ใสๆ มากขึ้นนั้นก็เป็นรุ่นลูกของ Le Feu d’Issey อีกที แต่ก็เช่นเดิมมองข้ามเพราะเป็นน้ำหอมผู้หญิง ใช้แต่สายกลิ่นผู้ชายของแบรนด์นี้เน้นๆ แทน
จนล่วงเลยมาถึงปัจจุบันนี้ บอกเลยว่าเสียดายมาก เพราะว่าทั้งรุ่นตั้งต้นและรุ่นลูกต่างก็เลิกผลิตไปนานมากแล้ว ยังไม่พอกลิ่นยังคุณภาพให้ความเป็นกลิ่นนมได้ชัดและมีความหอมรื่นรมย์มากเลยทีเดียว เช่นนั้นเมื่อเราได้รุ่นกระปุกใสสายสว่างรุ่นลูกมาครอบครองก็ต้องเล่ากันหน่อยว่ากลิ่นนมของแบรนด์นี้จะเป็นอย่างไรและน่าสนใจขนาดไหน
Le Feu d’Issey Light เปิดตัวกันด้วยการเป็นลูกผสมระหว่างโทน Citrus เคล้ากับโทนปร่า Spicy เครื่องเทศ เจือกลิ่นไม้ติดอวลหน่อยๆ ซึ่งตัวหลักในการเปิดตัวเดินกลิ่นจะต้องยกให้เม็ดเทียนสัตตบุษย์เลยที่จะมาให้กลิ่นโทนสมุนไพรติดหวานอวลหน่อยๆ คล้ายชะเอม แต่จะมีความปร่ามากกว่านิดหน่อยเพราะมีเนื้อกลิ่นที่ผสมผสานของมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) เสริมด้วยกลิ่นโทนอวลๆ ติดข้นกำลังดีของมะพร้าวที่ไม่ได้เป็นกะทิโดดมาจากไหน แต่ให้ความอวลแบบที่สมดุลย์กำลังดีสร้างโทนสีออกทางครีมนมขึ้นมาในเนื้อกลิ่น ทั้งยังมีมิติของกลิ่นอายไม้แห้งๆ ติดปร่า Spicy รองพื้นที่มาจะมาจากไม้มะฮอกกานีเสริมเข้าไปอีก เลยทำให้ช่วงนี้จะเปิดตัวแบบออกทางโทนหวานปร่าปนนวลอวลกำลังดีดึงดูดการรับรู้ได้ชัดเจนมากเลยทีเดียว
แต่เพียงไม่นานความเป็นมะพร้าวเริ่มเบาลงมาเป็นสายสนับสนุนกลิ่นที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอมนี้เลยคือ กลิ่นนม ซึ่งเมื่อมีมะพร้าวเสริมเข้าไปอีกกลิ่นจะมีความนวลอวลนมหอมกำลังดีเลยทีเดียว และพอเสริมด้วยโทนหวานติดสมุนไพรเจือปร่าซ่าเปลือกมะกรูดฝรั่งเคล้าไม้หอม กลิ่นเลยจะได้อารมณ์นมสมุนไพรในถ้วยไม้มากขึ้นตามลำดับในการปูทางเข้าสู่ช่วงกลางที่ความเป็นโทนนมจะเริ่มมีความอบอุ่นแบบกำลังดีเคล้าความหวานที่มีมิติมากขึ้นกว่ากลิ่นหวานสมุนไพรเจือไม้หอมแล้ว เพราะจะมีกลิ่นโทนคาราเมลและโทนแอมเบอร์ที่ให้ความอุ่นในเนื้อกลิ่นเข้ามาร่วมด้วย ทำให้อารมณ์กลิ่นในช่วงกลางจะเป็นนมหวานคาราเมลเจือสมุนไพรหอมอวลติดอุ่นเคล้ากลิ่นไม้หอมโชยออกมาชัดเจน และปลายกลิ่นยังมีลักษณะของโทนดอกไม้บางๆ ติดหวานในพอรับรู้ได้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างโทนกลิ่นที่มีมิติของความเป็นกลิ่นนมหอมหวานอุ่นรื่นรมย์และดึงดูดได้ดีมาก โดยไม่ได้ถึงกับหนักเกินไป ให้ความกำลังดีไปตลอด จนเมื่อกลิ่นโทนนมอุ่นติดหวานยังคงให้ความรื่นรมย์เริ่มจะลดทอนลงมาหน่อย เปลี่ยนสถานะเป็นผู้สนับสนุนชั้นดีแทน โดยดันให้โทนไม้หอมเป็นตัวตั้งในการเดินกลิ่นยาวนานไปในช่วงท้าย ซึ่งกลิ่นที่เข้ามาสอดรับพอเหมาะพอเจาะพอดีกับโทนนมอุ่นหวานปร่าหอมคือ ไม้จันทน์หอม ที่จะมาให้ความเป็นไม้ครีมมี่นวลๆ เคล้ากับกลิ่นวานิลลาที่ติดโทนแป้งสร้างออร่าอบอุ่นติดโทนสีน้ำนมที่ชัดมากขึ้น กลิ่นจะมีความนวลเข้ามาร่วมด้วยจาก Musk ที่มีโทนสะอาดเสริมอยู่ โดยที่ปลายกลิ่นจะได้โทนไม้หอมโปร่งๆ ให้รู้สึก ซึ่งภาพรวมในช่วงท้ายจะได้ความรู้สึกแบบนมหวานน้อยที่ให้ความนุ่มละมุนลิ้นกำลังดีในถ้วยไม้สีนวล ที่สร้างเสน่ห์เฉพาะ มีความน่ารัก และความดึงดูดที่ได้อารมณ์แบบเห็นคนหน้าตาดีมีคราบนมเลอะรอบปากแล้วอยากไปซับไปเช็ดให้ นี่แหละกลิ่นนี้สื่อสารโทนกลิ่นนมออกมาได้น่าสนใจมากจริงๆ
เหมาะสำหรับ - ผู้หญิงทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้แล้ว แต่อย่างน้อยต้องผ่านโทนอบอุ่นมาบ้างหรือชอบกลิ่นนมเป็นทุนเดิมจะเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบทางการก็พอได้เพราะกลิ่นไม่ได้ปล่อยพลังมากนัก แต่ถ้าใส่แบบทั่วๆ ไป ใส่ทำงาน Office หรือใส่ไปเรียน อันนี้ก็จัดไป จะมีก็แต่การใส่เพื่อออกกำลังกายที่ไม่เข้าทางเท่าไหร่ เพราะกลิ่นมันอวลๆ ถ้าจำเป็นก็รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน เน้นยามโรแมนติคจะดีที่สุด เพราะกลิ่นหอมนมน่ากอดไม่น้อยเลยนะนั่น ที่สำคัญผู้ชายใส่ได้สบายมาก เพราะกลิ่นมีความ Unisex อยู่พอตัวเลยทีเดียว
ความทน - กลิ่นทนกำลังดี ราวๆ 6 - 8 ชม. ว่ากันตามสภาพผิวผู้ใช้ และจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวพอพ้น 8 ชม. จบหน้าที่ของน้ำหอมไปแล้ว
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้นแล้วจะลดลงมาที่กระจายกลางๆ ซักพัก แล้วจะลากยาวกับการเป็นออร่ารอบๆ ตัวกันไปเรื่อยๆ พอพ้นซัก 6 ชม. ก็ Skin Scent กันไปจนจางในที่สุด
สรุป - หนึ่งในกลิ่นนมกลั้วสมุนไพรเจือกลิ่นไม้หอมนุ่มรื่นรมย์เลยอีกหนึ่งกลิ่น และยังไม่หนักเกินไป ให้ความนวลหอมติดหวานละมุนที่ลงตัว ซึ่งเสียดายมากจริงๆ ที่กลิ่นนี้ไม่ได้ผลิตต่อ เช่นนั้นถนอมกันยาวๆ ไป
หมายเหตุ:
1. Review นี้ มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. Review นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นถ้าเจอว่าเอาไปใช้ ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมายนะครับ รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายใดๆ ของร้านน้ำหอม/ผู้ขายคนนั้นๆ นะครับ”
Photo Credit - http://heser.vtngcf.org/issey-miyake-le-feu-d-issey-light/
มีตัวไหนให้กลิ่นใกล้เคียงตัวนี้ไหมคะ
ตอบลบ