วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review: Cartier – Pasha de Cartier


Cartier – Pasha de Cartier

เป็นอีกรุ่นที่ได้เรียกได้ว่าเป็นจุดร่วมที่ลงตัวเลยทีเดียวระหว่างความเป็น Old School และความ Modern จนทำให้น้ำหอมตัวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลยก็ว่าได้ในแง่ของน้ำหอมที่กลิ่นไม่ตกยุคได้เลยล่ะครับ นั่นคือ Pasha de Cartier 

เปิดที่แรกฉีดกับ Top Notes ที่กลิ่นอายแบบ Old School หน่อยๆ เพราะมีกลิ่นอายแบบสมุนไพรที่แอบติดโทนหวานกับยี่หร่าและเม็ดเทียนสัตตบุษย์ กลิ่นอายจะไม่ได้ถึงกับแน่นมากแบบโทนย้อนยุคจ๋าๆ แม้จะมีกลิ่นอายเขียวสดชื่นของมินท์ที่แน่นหน่อยและโทนซิตรัสมากลั้วก็ตาม ที่สำคัญมีความนุ่มในเนื้อกลิ่นจากลาเวนเดอร์เลยทำให้ได้ส่วนผสมที่ลงตัวแบบสดชื่นติดหวานกำลังดีแทน ส่งต่อให้ Middle Notes ที่กลิ่นโทนสดชื่นติดหวานในตอนต้นยังตามมาอยู่ และลดระดับ Spice ซ่าๆ ของเม็ดผักชี กลั้วกับกลิ้นไม้หอมติดกุหลาบจางๆ ที่ออกมาในโทนที่ไม่หนักและแน่นเกินไปเลยทำให้ออกทางโล่งจมูกสะอาดแบบมีคลาสิค ติดแมนหรูมากกว่าที่จะเป็นโทนแน่นๆ แทนโดยยังมีความสดชื่นแบบสมุนไพรอยู่ให้รู้สึกได้ ปิดท้ายด้วยกลิ่นโทนแมนสะอาดๆ ของ Oak Moss ที่จะมีแบบเขียวๆ สะอาดติดเท่ห์ตีคู่กับกลิ่นนุ่มเย้าของพิมเสน โดยมีกลิ่นอายของไม้จันทน์หอมที่มาแบบกำลังดี ให้ความอบอุ่นแบบกลางๆ มีกลิ่นนุ่มๆ ติดโทนหนังหน่อยๆ ในช่วง Base Notes ซึ่งยิ่งเสริมให้กลิ่นอายออกมาแมนมีระดับ มีภูมิน่าเชื่อถือ และดูเป็นสุภาพบุรุษที่คลาสสิคแบบ Modern เลย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ตลอดทุกช่วงน้ำหอมตัวนี้เลยคือ การอยู่ที่จุดกึ่งกลางของการเป็น Old School กับ Modern เพราะจะมาแบบดึงความดีงามของทั้ง 2 อย่างมาผสมกันจนเป็นโทนร่วมสมัยเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยนี่แหละครับ ทำให้กลิ่นอายแบบนี้หนุ่มยุคใหม่ก็ไม่ยี้ ไม่เอ่ยว่า “กลิ่นแก่” และผู้ใหญ่ที่ชอบโทน Old School ก็ไม่ยี้ แถมเผลอๆ จะชอบมากเสียด้วย เพราะมันนุ่มและมีคลาสเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบคลาสสิคกับ Modern ได้อย่างลงตัว อัพเกรดให้คนใส่ดูมีระดับทั้งน่าเชื่อถือและทันสมัย สามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการยิ่งเข้าทางมาก ส่วนการออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนเหมาะมาก ยิ่งงานรับรอง กลาล่าดินเนอร์ หรือพบปะพูดคุยแบบทางการจะแจ่มสุดๆ หรือจะใส่แบบชิลล์ๆ ก็สามารถนะครับ เพียงแต่จะไม่ได้ยั่วยวนชวนกิน เพราะมาในโทนภูมิฐานนั่นเอง

ความทน – ยกนิ้วให้เลย 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ สามารถอยู่ได้ถึง 12 ชม. ด้วยซ้ำถ้าจำนวนสเปรย์ถึง

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายกลางๆ แบบมีระดับไปเรื่อยๆ จนปิดท้ายที่ออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย – เรียกว่าเป็นอีกตัวนึงที่ผมมองข้ามมาตลอดนะครับ เพราะคิดว่าคงมาในโทน Old School แหงแซะ แต่พอได้ใช้แล้ว เออ มันดีงามเลยล่ะนะ กลิ่นร่วมสมัยและ Timeless ได้เลยล่ะครับ

Credit ภาพhttp://www.perfumeparadise.ca/images/stories/virtuemart/category/sku49_1.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น