Dolce & Gabbana - The One Gentleman
มาถึง Flanker ตัวที่ 2 ที่เป็นตัวลูกของ Series The One ของ Dolce & Gabbana แน่นอนว่าความเชื่อมโยงของตัวนี้กับตัวต้นฉบับคือ "ความดึงดูด" นั่่นเอง เพียงแต่เพิ่มโทนที่แตกต่างออกมาอย่างความเป็นสุภาพบุรุษสมชื่อรุ่นเลยครับ
บอกกงๆ กลิ่นนี้ค่อนข้างให้ความรู้สึกถึงความภูมิฐานแบบสุภาพบุรุษกันเลยทีเดียว เพราะกลิ่นอาจจะไม่ได้ออกโทนหวานเท่ห์แบบต้นฉบับ แต่จะให้ความอบอุ่นแบบที่ผู้ชายพึงมีโดนแฝงความดึงดูดตาม Concept ของ The One เป๊ะ! โดยกลิ่นเริ่มจากโทนพริกไทยสะอาดๆ แกล้มด้วยกลิ่นซิตรัสสดชื่นบางๆ ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะสะอาดสะอ้านสดชื่นติดนุ่มไม่ใช่น้อยเลย กลิ่นในช่วงนี้จะไม่ได้เสียดจมูกแต่ประการใด พอเข้าช่วง Middle Notes แล้วโทนพริกไทยยังคงอยู่ผันเป็นฉากหลังให้ลาเวนเดอร์กับเม็ดกระวานจัดหนักกันเลยทีเดียว กลิ่นช่วงนี้จะกระจายได้ดีมากในเรื่องของความดึงดูดจากเม็ดกระวานแบบเต็มๆ มีโทนนุ่มนวลของลาเวนเดอร์ และโทนอบอุ่นของวานิลลาเป็นฉากหลังเบาๆ ซึ่งปล่อยเสน่ห์กันแบบสุภาพบุรุษชัดเจนและอยู่ยาวนานเสียด้วย จนกว่าจะเข้า Base Notes ก็ล่อเข้าไปเกือบ 4 ชม. ได้เลย ซึ่งในช่วงนี้วานิลลาได้ขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัว ปล่อยความอบอุ่นในเชิงออกแป้งนุ่มๆ ผสมผสานกับความหวานกำลังดี แถมด้วยไอเย็นๆ หอมนวลของพิมเสนเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอีก คง Concept สุภาพบุรุษได้ชัดเจนจริงๆ ตามชื่อรุ่นเลยครับ
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยทำงานเกิน 25 ปีขึ้นไป เพราะกลิ่นค่อนข้างจะให้ลุคสุภาพบุรุษที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาพอสมควร กลิ่นจะสร้างความภูมิฐาน ความน่าเชื่อถือได้ดีมาก แม้จะมีโทนดึงดูดอยู่ก็ตาม สามารถใส่ทำงาน ติดต่องาน ยิ่งใครที่ตำแหน่งงานระดับหัวหน้างานกลิ่นยิ่งเข้าทาง และ ใส่ออกงานหรู งานแต่ง งานพบปะผู้คน หรืองานทางการต่างๆ ได้ดีจริงๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ใส่ชิลล์ๆ ก็พอกล้อมแกล้มได้ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายเลยครับ กลิ่นไม่เหมาะเลย ส่วนคุณผู้หญิง ซื้อให้แฟนแทนดีกว่าเนาะ
ความทน - 8 ชม. ขึ้นไปครับ ถือว่าต้นกว่าต้นแบบอย่าง The One เสียด้วยซ้ำ
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีทั้ง 3 ช่วงเลย เพียงแต่ในช่วง Base จะเป็นออร่าอบอุ่นรอบตัวเป็นหลัก กระจายออกเป็นกลิ่นนุ่มๆ เย็นๆ กำลังดีแทนครับ
ผ่านไป 2 ตัวแล้ว เหลือตัวสุดท้ายของ Series นี้ คือ ตัวหลาน ในรีวิวถัดไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น